Life Guard ยามช่วยชีวิต :บทบาทที่พึงสังวร
โดยธงชัย เปาอินทร์
บนความสูญเสียครั้งแล้วครั้งเล่าจากอุบัติภัยที่เกิดขึ้นซ้ำซาก อุทยานแห่งชาติยังคงความเสมอต้นเสมอปลายได้อย่างมั่นคง ไม่มีมาตรการ ไม่มีการจัดการ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบเมื่อเกิดเหตุอันเนื่องมาจากน้ำป่าไหลทะลักท่วมน้ำตก ``ชายฝั่งทะเลที่กำลังเกิดคลื่นลมแรงหรือน้ำวนใต้ทะเลในบางพื้นที่ แต่ได้กลืนกินนักท่องเที่ยวไปนักต่อนัก
ที่น้ำตกวังตะไคร้ นักท่องเที่ยวกำลังพักผ่อนกันอยู่ใต้น้ำตกและในลำธารที่มีน้ำไหลใสสะอาดตาและเย็นยะเยือก ลูกเด็กเล็กแดง คนแก่คนเฒ่า คนหนุ่มสาวกำลังสนุกสนานกับการเล่น บางคนลอยน้ำไปกับห่วงยาง แต่แล้วทันใดน้ำขุ่นไหลทะลักลงมาแดงฉาน มีเสียงตะโกนให้ขึ้นจากน้ำ แต่เสียงจอแจที่กำลังสนุกได้กลบเสียงเตือน ชั่วพริบตาน้ำป่าไหลทะลักลงมาพัดพาเอาร่างเด็ก คนแก่ หนุ่มสาว หายไปกับสายน้ำ ครั้งนั้นตายกันมากศพ เพราะว่าวังตะไคร้ไม่มียามช่วยชีวิต(Life Guard)
ที่น้ำตกเหวสุวัต เขาใหญ่ นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงเล่นน้ำตกอยู่จนเกินเวลาที่ควรจะต้องขึ้นจากน้ำ แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง หรือเตือนให้ขึ้น อากาศยามค่ำที่เย็นจัดในน้ำตกทำให้เป็นตะคริว จมน้ำตาย กว่าจะรู้ก็เมื่อเพื่อนๆตามหาว่าหายไปไหน พบอีกทีก็ลอยไปติดซากต้นไม้ใต้น้ำตก นี่ก็ไม่มีกติกาว่าจะเปิดและปิดให้ลงเล่นน้ำตก ณ จุดนั้นเวลาเท่าไร ประการสำคัญเมื่อถึงเวลาต้องไล่ออกหมด เพื่อความปลอดภัย นี่ก็ ยามช่วยชีวิต
ลงทะเลไปเกาะช้างเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ช่วงนั้นเป็นฤดูฝนซึ่งปกติรีสอร์ท โรงแรม จะค่อนข้างเงียบเหงา (Low Season) นักท่องเที่ยวต่างชาติจะบางตา นักท่องเที่ยวไทยประเภทสัมมนากลุ่มจะหนาตา เพราะว่าราคาและงบประมาณที่เหลือใกล้สิ้นปี ยังจำได้ไหมว่า กลุ่มหนุ่มสาวจากบริษัทโทรมือถือดังไปสัมมนา แล้วเมาได้ที่ ลงไปเล่นน้ำทะเลขณะฝนตกฟ้าคะนอง ผลสุดท้าย ตายไป 2 คน รอดกลับขึ้นมาได้ 2 คน อบต.ที่นี่ไม่มีคำเตือน อุทยานแห่งชาติเกาะช้างถือว่าหาดทรายเป็นเขตเอกชน ยามฝั่งช่วยชีวิตไม่มีเหมือนกัน
ที่หาดแม่รำพึง ระยอง มีชายหาดที่ทอดตัวยาวหลายกิโลเมตร แต่มีอยู่ช่วงหนึ่งว่ากันว่า ทะเลหัก น้ำวน คนตายกันทุกปี ป้ายประกาศเตือนเก่าคร่ำแทบอ่านตัวหนังสือไม่ออก เป็นเขตรับผิดชอบอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด ปีนั้น อำพล ลำพูน พาหลานไปเล่นว่าวกัน หลานคนหนึ่งลงไปเล่นน้ำทะเล ทันใดน้ำทะเลได้พัดกระแทกและกลืนกินร่างหลานของอำพลไปต่อหน้าต่อตา จะใช่ไหมที่จะบอกว่า แค่มีป้ายเตือนยังไม่พอ
มันต้องมีคนเฝ้าระวัง ยามช่วยชีวิต ปีนี้ก็เกิดอีก จุดนี้แม้มียามช่วยชีวิตแต่คงต้องเป็นยามที่ห้ามเด็ดขาดไม่ให้ลงเล่นเลย ทำทุ่นหรือแนวรั้วกั้นไปเลย ฤดูร้อนกำลังมาถึง ปิดเทอมด้วย จำเป็นต้องเร่งปิดกั้นหรือมียามช่วยชีวิตเฝ้าระวัง เตือน ห้าม ทำสักอย่างเถอะครับ ทำด้วยความสม่ำเสมอ เพราะว่าทำแบบไฟไหม้ฟางช่วยอะไรไม่ได้
ไปไกลลงไปอีกหน่อย ชายหาดเขตทหารหาญ หาดอ่าวมะนาว ประจวบคีรีขันธ์ ซีกหนึ่งมีทะเลหักและน้ำวนใต้ทะเล มีนักท่องเที่ยวตายทุกปี นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลุ่มฉิ่งฉับทัวร์ ที่นี่ก็จมน้ำตายกันบ่อยครั้ง จนกระทั่งมีการสร้างหอนั่งให้ทหารไปเฝ้า แต่วันนี้ เหลือแต่หอนั่งสนิมเขรอะ จะพังไม่พังแหล่ สอบถามได้ความว่าเพราะหอนั่งจะพังเลยไม่มีใครสั่งการให้เฝ้าอีก ประมาทไปหรือไม่ เกือบจะดีแล้วนะทหารหาญ แต่ก็....................
อุทยานแห่งชาติหาดสวนสน ระนอง มีหอคอยนั่งหลังเกิดสึนามิถล่มไปจนยับเยิน หอคอยสร้างไว้สูงมาก แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ไปนั่งประจำการ ยามช่วยชีวิต ต้องรอให้เกิดเหตุแล้วถึงจะวิ่งขึ้นไปส่องดูดาวเสียละกระมัง หรืออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ สตูล เกาะสิมิลัน พังงา หมู่เกาะสุรินทร์ พังงา หมู่เกาะพยาม ระนอง สรุปว่าอุทยานแห่งชาติทางทะเลทุกแห่ง ต้องมียามช่วยชีวิต ทำไมไม่ทำกันสักทีวะ
น้ำตกที่ส่วนใหญ่จะมีหลายชั้น แต่ละชั้นก็จะมีนักท่องเที่ยวที่นิยมผจญภัยไต่ขึ้นไปชม และทรัพยากรท่องเที่ยวประเภทน้ำตกส่วนใหญ่อยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ประเภทอุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า วนอุทยาน และอีกหลายแห่งที่ อ.บ.ต.หรือเทศบาล รับผิดชอบอยู่ โดยเฉพาะน้ำตกที่ดังๆ มีนักท่องเที่ยวนิยมมาก ยิ่งต้องพึงระวัง ต้องมียามช่วยชีวิตทุกชั้น ทุกช่วงเวลา เมื่อปิดต้องไล่ออกหมด ถ้าเมามายมากๆต้องห้ามขาด เว้นแต่จะไม่ได้ห้ามหรือไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ ณ ที่นั้นเลย
ธุรกิจท่องเที่ยวทุกสาขา เช่น เดินป่าเที่ยวถ้ำ ล่องแพ ล่องแก่ง(เรือยาง) พายเรือแคนู ดำน้ำดูปะการังทั้งน้ำตื่นและน้ำลึก ส่องสัตว์(เช่นเขาใหญ่) ร้านอาหาร ร้านของฝาก ร้านกาแฟ ถ้ากระทำในเขตป่าอนุรักษ์ทั้งอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุกแห่งต้องขออนุญาตตามระเบียบเป็นการอนุญาตรายปี หรือรายกี่เดือน เหมือนซื้อลิขสิทธิ์เพลงทุก 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน
เช่น ล่องแก่ง กำหนดกติกาได้ว่า ผู้ขออนุญาตต้องไม่ทำลาย ไม่เกิดความเสียหาย ต่อเกาะแก่ง ลำน้ำ ต้นไม้ สัตว์ป่า มลภาวะเป็นพิษ และต้องมียามช่วยชีวิตฝั่งละ 2 คน ทุก 50 เมตร หรือทุกจุดที่ล่อแหลมเสี่ยงภัย เมื่ออนุญาตแล้วเจ้าหน้าที่ต้องติดตามตรวจสอบตามเงื่อนไขให้ใกล้ชิด จริงจัง สม่ำเสมอ
ล่าสุดเลยทีเดียว เด็กหลงป่าที่น้ำตกกรองแก้ว ซึ่งอยู่หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ยังเกิดเรื่องขึ้นจนได้ นี่คือเหตุบ่งชี้ถึงการจัดการอุทยานแห่งชาติย่อหย่อนหรือไม่ หรือเพียงคำนึงถึงแต่เรื่องผลประโยชน์พึงได้กันหรือไม่ ธุรกิจส่องสัตว์บนเขาใหญ่ ร้านอาหารผูกขาดของเจ้าหน้าที่และครอบครัว ฯลฯ
สรุปกรณีน้ำตกถล่มหรือน้ำป่าถล่มถ้ำที่เขาสก ฯลฯ เป็นอีกบทเรียนที่แลกด้วยชีวิตและชื่อเสียงของประเทศ มิใช่เพียงกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช หากแต่ภาคเอกชน องค์กรเอกชน(อ.บ.จ.-อ.บ.ต.-เทศบาล)ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังทุกช่วงเวลาที่มีความเสี่ยง มีทีมพร้อมหอนั่งสังเกตการณ์ อุปกรณ์ที่จะเตือนภัยและช่วยเหลือ โดยผ่านกระบวนการฝึกอบรมเข้ม ต้องมีทุกระยะความเสี่ยง และตลอดเวลาที่เปิดให้ท่องเที่ยว
ล่าสุด 8 พฤษภาคม 2554 เวลา 19.00 น.สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ได้รับแจ้งว่านักท่องเที่ยวถูกคลื่นถล่มจมน้ำหายไป 4 คน แต่ได้พยายามช่วยกันเองจนได้คืนมา 3 คน ส่วนอีกหนึ่งคนหายไปกับทะเล คาดว่าตาย เหตุเกิดที่หาดพุทรา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า นักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มนิสิตปี 4 จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ งานนี้คงหมดสนุก และคงมีแต่ความเศร้าสะเทือนใจ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเสม็ด-เขาแหลมหญ้า เคยจับกุมบังกาโลและร้านอาหารทั้งหมด 34 ราย แต่กลายเป็นว่า จังหวัดระยองอ้างว่าเป็นพื้นที่ทหารเรือเก่า จึงใช้กฎหมายราชพัสดุ ออกใบอนุญาตให้พ่อค้า โรงแรม รีสอร์ท บังกาโล เปิดทำการได้ เหมือนว่าเช่าที่ราชพัสดุ ทั้งๆที่เดิมทหารเรือขอใช้ประโยชน์ป่าสงวนผืนนี้จากกรมป่าไม้ ต่อมากรมป่าไม้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาตั้งอุทยานแห่งชาติเกาะเสม็ด ซึ่งตามมาตรา 3 ในพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 กำหนดไว้ว่าหากกฎหมายใดขัดกับกฎหมายนี้ ให้ใช้กฎหมายนี้บังคับใช้ นั่นหมายความว่าพื้นที่เกาะเสม็ดทั้งเกาะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอุทยาน แต่จังหวัดเอาไปออกอนุญาตเอง ผิดหรือถูก
เมื่อเกิดการตายเช่นนี้ ใครควรต้องออกมารับผิดชอบ จังหวัดระยองโดยราชพัสดุจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง อุทยานแห่งชาติ เทศบาล อบต.เกาะเสม็ด
เกาะเสม็ดมันจึงเละเทะไปทั้งเกาะด้วยบาร์เบียร์และความสูญเสีย
หรือไอ้ตูบคือยามช่วยชีวิต