ตอน 5 กายกรรมจีนและอาหารฝรั่งสไตล์จีน
หลังรับประทานอาหารปลาตะเพียนนึ่งบ๊วยที่เมืองจีนแล้วคุณโจว แจ้งว่าจะพาลูกทัวร์ทุกท่านไปชมของดีเมืองจีน เป็นศิลปะที่สวยงาม วิจิตรพิสดารและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก กายกรรมมีต้นกำเนิดทุกหย่อมหญ้าของเมืองจีน ซึ่งนักแสดงกายกรรมเหล่านี้ ล้วนแต่ถูกคัดเลือกมาฝึกฝนตั้งแต่เด็ก แทบจะว่าเป็นทารกเลยก็ได้ เด็กคนไหนไม่มีทักษะในทางกายกรรมก็จะไม่มีโอกาสได้เข้ามาสู่วงการ เพราะว่าประเทศนี้ทุกอย่างดำเนินการโดยรัฐบาลทั้งสิ้น กายกรรมที่เคยมาแสดงในประเทศไทยก็เคยมีบ่อยๆ เช่น กายกรรมจากกวางโจวหรือกวางเจา เห็นในทีวีก็อยากดู
ในรายการทัวร์ครั้งนี้กำหนดไว้ให้เรียบร้อย พอรถจอดหน้าโรงกายกรรม ทุกคนลงไปสมทบกับคุณโจว เพื่อรอรับบัตรผ่านเข้าชม อาคารที่แสดงเหมือนอย่างกับโรงหนังทั่วไป แต่มีฉาก มีม่าน มีแสงสีสลับปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ที่นั่งก็สบายๆ เพียงแต่มีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงกันหน่อย นักท่องเที่ยวจากประเทศเอเซียส่วนใหญ่เป็นชาวจีนโพ้นทะเล และนักท่องเที่ยวจากในประเทศจีนเอง ถูกจัดให้นั่งแถวหลังเกือบหมด ตรงกลางดูกายกรรมได้อย่างชัดเจนและใกล้เวที ให้ฝรั่งอั้งม้อนั่งทั้งสิ้น ประเทศนี้ก็ยังให้เกียรติฝรั่งมากกว่าคนเอเซียด้วยกัน คิดแล้วก็หงุดหงิดไม่น้อย
พอคนนั่งเต็มทุกที่ ถึงเวลาแสดงเป๊ะ นักกายกรรมกรูกันออกมาแสดงทันที ชุดแรกก็เรียกเสียงปรบมือกระหึ่ม ต่อจากนั้นอีกกี่ชุดก็ได้รับการปรบมือรับเป็นระยะๆ สายตาทุกคู่เพ่งไปยังเวทีด้วยใจจดจ่อ จะกระพริบตาแต่ละครั้งต้องระวังว่า การแสดงช่วงเด็ดๆผ่านไปแล้วนั่นแหละ ถึงกระพริบตาได้ด้วยความหายกังวล
“เป็นไง สะใจไหมลูก” ผมหันไปกระซิบกับลูกทั้งสองคน
“สะใจซิพ่อ” ลูกสาวตอบด้วยปากแต่นัยตาและใบหน้าเพ่งตรงไปยังเวที แบบไม่วางตาเอาเลย ฝรั่งตั้งขาตั้งกล้องวิดีโอบ้าง กล้องถ่ายรูปบ้าง พี่ไทยก็ถ่ายกันเหมือนกัน มันเป็นภาพที่สวยงามตระการตาจริงๆ หากเก็บไว้ดูเล่น ก็จะช่วยให้นึกภาพออกได้ง่ายขึ้น มีการพักครึ่งเวลาด้วย บางคนไปเข้าห้องน้ำ บางคนยังตราตรึงใจไม่หาย พูดคุยเล่ากันอยู่อย่างนั้น
ตลอดเวลาสองชั่วโมง การแสดงตรึงนักท่องเที่ยวได้อย่างกับเอากาวตราช้างติดไว้ที่ก้น ไม่ค่อยมีคนลุกไปไหน ต้องนับว่าเป็นรายการนำเที่ยวที่ดี มีสาระและคุ้มค่าการเข้าชมอย่างยิ่ง นี่ถ้าทัวร์ไหนลืมจัดรายการนี้ไว้ในรายการทัวร์ละก้อ นักท่องเที่ยวกลุ่มนั้นขาดทุนครับ
“น่าเสียดายที่แต่ละชุด ไม่มีการบอกกล่าวเล่าเรื่องชื่อชุดเลย” ผมพึมพำกับครอบครัว
“ชุดต่อตัวหลายชั้นนะพ่อ ลูกใจหายหมดกลัวเขาตกลงมา” ลูกสาวยังมีทีท่าตื่นตาตื่นใจไม่หาย
“แหม เด็กตัวอ่อนนั่นซิ ดูแล้วเหมือนไม่มีกระดูก” ลูกชายเสริมเบาๆ
“การแสดงของเขาไม่มีผิดพลาดแม้จังหวะเดียว แสดงว่าการฝึกฝนเข้มมาก นักแสดงทุกคนมีทักษะเฉพาะทาง พลาดนิดเดียวอาจถึงตายได้ง่ายๆ” ผมวิเคราะห์ด้วยความเคยชิน
การแสดงสิ้นสุดแบบได้รับความนิยมชมชื่น พวกเราเลือดเนื้อเชื้อไขจีนก็อดภาคภูมิใจความสามารถไม่ได้ เห็นฝรั่งตื่นเต้นกับกายกรรมจีนแล้ว สะใจ จะได้รู้เสียบ้างว่าชาวเอเซียก็ไม่ธรรมดานะ กลับจากชมการแสดงกายกรรมคืนนั้น กลับไปนอนที่โรงแรมระดับกี่ดาวไม่รู้ ๆ แต่ว่าเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน การนอนหลับคืนนั้นจึงสุขสบายดี ไม่ฝันถึงเตี่ย ไม่สะดุ้งตกใจ แต่นอนกรนนั้นห้ามไม่ได้
เช้าตรู่ตามเวลาที่ทัวร์กำหนด พวกเราถือบัตรห้องมาแสดงให้เจ้าหน้าที่ห้องอาหารตรวจ แล้วเข้าไปจัดการเลือกโต๊ะนั่ง เป็นโต๊ะจีนกลมๆ จองที่นั่งแล้วก็วุ่นวายกับรายการอาหาร ด้วยความเคยชินผมเดินวนดูจนรอบว่ามีอะไรให้รับประทานบ้าง รายการอาหารฝรั่งประเภทสลัด ไข่ดาว ขนมปัง มีครบสูตร รายการอาหารเอเซียมีผักสีเขียวผัด มันทอด ต้มจืด ที่น่าสนใจมากก็หมั่นโถว ซาลาเปา ของจีนแท้ทีเดียว นอกจากข้าวขาวข้าวผัดก็ยังมีข้าวต้มๆก็ยังมีสองแบบอีก แบบที่แปลกก็มีผักชิ้นเล็กๆลอยฟ่องอยู่ด้วย ส่วนกาแฟ น้ำชา น้ำผลไม้ มีเป็นชุดหมด
“ลูกชาย หมั่นโถวกับซาลาเปาน่ากินจังเลย” ผมรีบกระซิบลูกชายซึ่งชอบอาหารจำพวกนี้อยู่แล้ว ลูกชายพยักหน้า
“เล็งไว้แล้วพ่อ เรื่องกินไม่ต้องห่วง รับรองไม่ขาดทุน” ลูกชายผมนิยมเรื่องกินอยู่แล้วก็เลยสนุกเขาละ แต่ลูกสาวเดินเลือกอยู่นั่นแหละ กินยาก เลือกมากก็เลยรักษาหุ่นไว้ได้พอดี
“อ้าว แม่เขาได้อะไรไปเต็มจานแล้วนะ โอ้โฮ ไวจริงๆ” เราสามพ่อลูกมองหน้ากันแล้วยิ้มๆ เป็นอันรู้กันว่าหุ่นแม่เขาเป็นอย่างไร
ทุกคนเข้าที่นั่ง เพื่อนร่วมโต๊ะกลายเป็นเพื่อนร่วมทัวร์ชุดอาหารค่ำวันก่อน อาอี๊ น้องแนน คุณเชษฐ์และภรรยา คุณพิศิษฐ์ คุณม่อม และบ้านผมสี่คน เต็มโต๊ะอีกตามเคย ระหว่างรับประทานอาหาร ก็ต้องพูดคุยกันบ้างเป็นการทักทาย
“เมื่อคืนหลับดีไหมครับ อาอี๊” คุณพิศิษฐ์ถามขึ้น อาอี๊พยักหน้าแล้วค่อยๆ เอื้อนเอ่ย
“สบายดี” แล้วก็ส่งยิ้มตาหยี
“น้องแนนล่ะ ฝันถึงกายกรรมหรือเปล่า” แม่บ้านผมถามบ้าง น้องแนน ยิ้มตาหยีแล้วตอบ
“สบายดีค่ะ หลับเป็นตายเลย” แล้วหัวเราะฟันขาว
“คุณพี่ล่ะหลับดีไหมคะ” คุณม่อมถามแม่บ้านผม
“หลับสบายดีค่ะ แต่คนที่หลับสบายกว่า นอนกรนเสียงดังกว่าปกติค่ะ” เอาแล้วไหมล่ะแม่บ้านผม เปิดเผยความลับในที่แจ้งกลางวงซะแล้ว ผมยิ้มปูเลี่ยนๆ
“อะไร จนป่านนี้สามสิบปีแล้วนะ ยังไม่ชินอีกหรือ” ผมย้อนเอาเข้าบ้าง แม่บ้านเลยยิ้มแห้งๆ แต่ทุกคนยิ้มหัวกันหมด
“ว่ากันด้วยความยุติธรรมแล้ว เราต่างก็กรนด้วยกันแทบทุกคนแหละนะ ม่อมเองก็กรน คุณพิศิษฐ์ก็กรน ธรรมดาค่ะ” ขอบคุณคุณม่อมที่ช่วยกันผมไว้ ทุกคนเห็นจริงตามนั้น
“แต่ความจริงอย่างหนึ่ง พอเวลาพ่อเขาไปราชการทีไร ก็กลับนอนไม่ค่อยหลับหรอกนะคะ มันเหมือนขาดอะไรไปสักอย่างหนึ่ง” ผมยิ้ม ได้ทีแล้วเชือดตามสไตล์
“โถ น่าสงสาร ถ้าบอกเสียตั้งแต่ปีแรกที่แต่งงานกัน ก็จะได้ช่วยให้หลับปกติทุกคืน” ผมทำทีเห็นใจ มองหน้าแล้วอมยิ้ม ทุกคนยิ้ม แม่บ้านยิ้มหน้าบานที่สามีเอื้ออาทร แม้ว่าจะช้าไปสามสิบปี
“ไม่ไปราชการเลยใช่ไหมล่ะ” แต่ผิดหวังครับ ผมตอบเสียสวยหรู
“จะได้อัดเทปเสียงกรนให้เอาไว้เปิดฟังกล่อมนอนสักสองม้วน” เสียงหัวเราะตึง น้องแนนไม่ค่อยเข้าใจก็พลอยหัวเราะไปด้วย แม่บ้านเองก็หัวเราะ ลูกๆขำกลิ้ง คุณม่อมร้อง
“ร้ายจริงๆ คุณพี่นี่” แล้วก็หัวเราะ
“เอาเป็นว่า ใครหลับก่อนนอนสบายแล้วกัน ใครหลับทีหลังก็ตัวใครตัวมันแหละครับ” คุณพิศิษฐ์ช่วยเสริม คุณม่อมค้อน
“ใช่สิ พวกเดียวกันนี่”
“เออนี่ พวกเรามัวแต่คุยกันสนุกๆ สงสัยไหมครับว่า เราใช้ตะเกียบคีบสลัด แล้วก็ใช้ตะเกียบแคะแยมใส่ขนมปัง มีดกับช้อนซ่อมไปไหนหมดนะ” คุณพิศิษฐ์เพิ่งนึกขึ้นได้ เล่นเอาทุกคนหันมามองมือตนเอง ใช่เลย ไม่มีของใช้ประกอบอาหารฝรั่งอย่างว่าจริงๆ
“อาหารก็ชืดๆ นะ ซอสพริก ซอสมะเขือเทศ หรือแม้แต่ซอสถั่วเหลืองก็ไม่มีเลย ผมก็ว่ามันยังไงอยู่” ผมเสริมบ้าง ทุกคนพยักหน้ารับสมจริง
“ผมก็เดินหาจนทั่ว ไม่เจอสักอย่างก็กินฝืดๆ คออยู่ครับ” ลูกชายผมติดเครื่องเคราพวกนี้มากบ่นกับเขาด้วย
“แล้วไข่ดาวนี่ มิต้องใช้ตะเกียบคีบกินกันหรือนี่” คุณเชษฐ์เอ่ยตามอีกคน พวกเรามองหน้ากันด้วยความสงสัย
“ก็ใช่น่ะซิ” ว่าแล้วผมก็คีบไข่ดาวทั้งใบใส่ปากอย่างทุลักทุเล แหม อุตส่าห์เป็นอาหารฝรั่งเหมือนกัน แต่เครื่องใช้เป็นจีนเสียได้ นี่ดีนะผมเป็นลูกเชื้อ ก็เลยพอใช้ประโยชน์ตะเกียบได้พอสมควร
“นี่คงอาหารฝรั่งสไตล์จีนแน่เลย” ลูกสาวเสริมอีกประโยค เกิดการยอมรับด้วยการพยักหน้า
เป็นอันว่าอาหารฝรั่งเช้านั้นมีปัญหา ทุกคนลุกไปอีกรอบจึงหันมาหาอาหารจีนธรรมดาของเผ่าพันธุ์เราดีกว่า เป็นอาหารประจำเชื้อชาติที่ถูกปากและจัดการได้อย่างพึงพอใจ แม้ว่ารสชาติออกจืดสนิท ผัดผักสีเขียวก็จืด ผักถั่วงอกเต้าหูเหลืองก็จืด ต้มจืดยิ่งจืดสมชื่อ นี่คืออาหารจีนปักกิ่งครับ