http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,004,351
Page Views16,313,262
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

จอมโกงจอมภู ตอนที่ 6 ดอกร้อยละ 20 โดยอินทรีดำ ลายเส้น-ปัณณิกา เปาอินทร์

จอมโกงจอมภู ตอนที่ 6   ดอกร้อยละ 20 โดยอินทรีดำ ลายเส้น-ปัณณิกา เปาอินทร์

จอมโกงจอมภู ตอนที่6 ดอกร้อยละ 20 


                                                     

          งานปรับปรุงต้นน้ำยังดำเนินต่อไปตามรูปแบบทางวิชาการป่าไม้ เป็นงานช่วงการบำรุงรักษาสวนเดิมทุกอย่างเช่น  ดายวัชพืชสวนเดิม ปีที่ 2-5 ถ้าพบต้นตายหรือแคระแกร็นก็ปลูกซ่อมใหม่ พอเข้าปลายหนาวใบไม้ก็จะเริ่มร่วงหล่น  กลายเป็นเชื้อไฟสะสมในสวนป่า  ต้องทำแนวกันไฟกว้าง 8 เมตรโดยรอบและตัดขวางให้เป็นแปลงๆ      มีการตั้งยามไฟคอยเดินตรวจตรา ระหว่างตรวจตราแล้วพบว่ามีเชื้อไฟมากอาจต้องมีการชิงเผาเพื่อให้ไฟไหม้ไม่รุนแรง  เทคนิคการชิงเผาคือ ต้องเผาจากยอดเขาให้ไฟค่อยๆ ลามลงมาตีนเขา  เวลาที่ชิงเผาปกติทำกันตอนหัวค่ำ  เพื่อว่าเมื่อยามดึกอากาศเย็นขึ้นจะช่วยดับไฟไปในตัว เหมือนตั้งเวลาดับไว้แล้ว

ส่วนขบวนการร้องเรียนจบไปแล้วด้วยดี ชาวบ้านทำงานด้วยความสนุก  ปลอดโปร่ง และมั่นใจว่าจะมีงานทำตลอดไป แต่ก็อย่างว่า  พอทำงานไปถึงเดือนที่สามของปีงบประมาณราวๆ เดือนธันวาคม เงินงบประมาณงวดที่ 1 ยังเบิกจ่ายไม่ได้   ปัญหาเกิดขึ้นทันที

 มณีย้ายมารับราชการที่นี่ไม่กี่เดือน เครดิตบางอย่างยังไม่มีมากนัก แต่ชาวบ้านและครอบครัวทุกคนต้องกินข้าวทุกวัน  งานก็ต้องทำทุกวัน  จะทำอย่างไร  ที่คาดว่าจะโกงเงินหลวงออกมาได้ก็เลยยังไม่ได้สักบาท  มีแต่หมุนเงินส่วนตัวของครอบครัวออกไปก่อน  เพื่อให้งานเดินไปได้เรื่อยๆ เรื่องนี้กดดันมณีมากไม่น้อย

          ร้านค้าของชำป้าคำไม่มีให้แปะอีกต่อไป  คนงานออกงานน้อยเป็นบางวัน   เพราะว่าบางส่วนที่หายไปก็เพื่อหายืมข้าวจากญาติๆ ที่บ้านเดิม   ส่วนคนที่ไม่มีญาติพี่น้อง ก็กู้ดอกร้อยละ 20 จากป้าคำเป็นหลัก  วิเชียรหัวหน้าคนงานเป็นรอง  แต่ด้วยความที่เงินเดือนไม่ออกหลายเดือนเกินไป เงินต้นที่ยังไม่ได้คืนเลย  ก็หมด  ป้าคำซึ่งเป็นนายทุนระดับหมู่บ้านก็ช่วยอะไรไม่ได้ แม้ว่าจะมีคนเสนอให้ดอกเบี้ยร้อยละ 30  บาทก็ตามที 

พี่ครับ  คนงานไม่มีข้าวกิน  แหล่งยืมเงินก็หมด ทำไงดีครับ?”

ประเสริฐเดินหน้าหงอยมาปรึกษา  มณีรับฟังด้วยความเข้าใจ นั่งนิ่งสักครู่ จึงเอ่ยขึ้น

          เดี๋ยวประเสริฐไปกับพี่ ทำธุรกิจนิดหน่อย  อ้อ! ประเสริฐไปเขียนติดหน้าห้องที่บอร์ดว่า  เย็นนี้มีข้าวให้เบิกล่วงหน้าได้  

ประเสริฐมองหน้างงๆ  แล้วลุกไปทำตามสั่ง  มณีเดินขึ้นห้องแล้วกลับลงมาพร้อมกระเป๋าถือ  กวักมือเรียกประเสริฐให้เข้าเมืองตามที่บอกไว้  ระหว่างที่ขับรถไปในจังหวัดน่าน

          พี่มีปืนเหลืออยู่ 1 กระบอก .38  มม.ไม่รู้ว่าเข้าร้านคุณอาแล้วจะได้สักเท่าไร  แต่ได้เท่าไรก็เอา  บอกเขาว่าเต็มที่ แค่นี้เขารู้  เตรียมบัตรข้าราชการด้วยนะ  หมดจากนี้ก็ไม่มีอะไรจะเอาออกมาใช้อีกแล้ว  ยกเว้นสร้อยคอพี่กับประเสริฐ

          พี่จะให้ผมเข้าไปจำนำใช่ไหม  ครับ?”

ประเสริฐยังไม่มั่นใจคำว่าคุณอา

          ใช่!  ไม่มีทางเลือก  งานชะงักไม่ได้  มันต้องทำตามฤดูกาล เงินหลวงก็ต้องตกมาตามแผนแน่ๆ ยังไงก็ซื้อข้าวสารไปให้ชาวบ้านกินก่อน  ประเสริฐทำบัญชีด้วยนะ  การเบิกข้าวก็ดูจำนวนคนในบ้านเขากับจำนวนวันทำงานด้วย  มากน้อยตามนั้น  โอเค ลงไปได้เดี๋ยวพี่นั่งกินโอเลี้ยงรอที่ร้านข้างๆ โน่นนะ

           มณีจอดรถส่งประเสริฐหน้าโรงรับจำนำคุณอาเจ้าเก่าที่พึ่งยามยาก  แล้วเลื่อนรถไปจอดที่ร้านกาแฟข้างๆ กัน มณีนั่งดูดโอเลี้ยงด้วยความชื่นใจ รู้สึกสดชื่นขึ้นหน่อย  สักชั่วโอเลี้ยงหมดแก้ว ประเสริฐเดินยิ้มๆ ออกมา ก้มหน้าเช็ดนิ้วโป้งกับกางเกงอยู่ปอยๆ มณีมองแล้วยิ้มพร้อมกับสั่งโอเลี้ยงให้ประเสริฐกินอีกแก้วหนึ่ง 

          ได้ 8,500 บาทครับพี่  นี่ตั๋วจำนำครับ

มณีพยักหน้าแล้วรับแต่เงิน ส่วนตั๋วจำนำบอกให้ประเสริฐเก็บรักษาไว้ มณีมองนิ้วโป้งเปื้อนหมึกดำจางๆ แล้วอดยิ้มขำๆไม่ได้  วันนั้น มณีและประเสริฐได้ข้าวสารเหนียวไปนับสิบกระสอบ  รถกระบะบรรทุกขนาด 1 ตันยางแทบแบน  แถมยังคุยถูกคอกับเจ้าของร้าน
ผลลัพท์คือ ต่อไปแปะได้ทุกเดือน ด้วยการใช้เก่าเอาใหม่ไปได้เลย

          ที่ทำการหน่วยเย็นวันเดียวกัน  ชาวบ้านมารอกันหน้าสลอน  ในมือถือถุงปุ๋ยขนาดเขื่อง  ทุกคนหน้าแห้งด้วยความรู้สึกที่รันทดในชีวิต    ประเสริฐทำท่าจะยกกระสอบข้าวลงเข้าห้องพัสดุ ชาวบ้านก็กรูกันเข้ามาช่วย แล้วให้เข้าไปรับข้าวสารเหนียวทีละคน พร้อมลงชื่อเป็นหนี้ 

คืนนั้นทุกคนมีข้าวกิน กับข้าวไม่พ้นน้ำพริกผักต้มที่เก็บหาได้ตามริมลำห้วย  และดงดอน เช่นผักกูด  ผักคาวตอง  ผักใบชะพลู  ใบและยอดตำลึง ยอดมะไฮ ผักหนามปู่ย่า ผักบุ้งยอดแดงริมห้วย ผักที่ลงแปลงปลูกไว้ข้างห้วย    ยอดอ่อนมะกอกป่า  พริกหาไม่ยากส่วนใหญ่จะปลูกกันทุกบ้านอยู่แล้ว

          มณีนั่งกินข้าวกับประเสริฐด้วยความสบายใจ  

          ถ้าเป็นอย่างนี้ทุกงวดก็เหนื่อย  คงต้องหาเงินสำรองไว้ใช้ตลอดไป ลำบากแย่มณีปรารภขึ้น

          ตั้งเป็นกองทุนสวัสดิการจะดีไหม ?  เราเก็บเดือนละ 30 บาท 150 คนก็เดือนละ 4,500 บาท  ค่าแรงคนละ  25 บาท หักหนี้ค่าข้าวสารและเงินอีก 30 บาท คงพออยู่ได้

ประเสริฐฟังหลักการอย่างตั้งใจ แล้วมองสบตาประเสริฐนิ่ง

ดีครับ อย่างน้อยก็มีข้าวให้กิน ประเสริฐสนอง

          “’งั้นก็เอาซิ คืนพรุ่งนี้หลังกินข้าวแล้วชวนชาวบ้านมาคุยในรายละเอียดจะได้เข้าใจ บางทีถ้าเงินกองทุนมากขึ้นๆ อาจจะออกดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาท เพื่อให้เขาเอาไปผ่อนชำระดอกร้อยละ 20 บาท   ประเสริฐดำเนินการได้เลย  ร่างหลักการและแจกทุกคน 

นี่เป็นเพราะว่า งบประมาณล่าช้า  แทบไม่มีข้าวสารจะกรอกหม้อ  ดอกร้อยละยี่สิบก็ยังยอม พวกข้างบนจะรู้บ้างไหมนี่?

          คืนวันต่อมา  ชาวบ้านแห่กันขึ้นมานั่งหน้าบาน  เสียงหัวเราะกลับมาอีกครั้ง

          พี่น้องครับ  เงินหลวงออกช้า  ชาวบ้านเดือดร้อน  งานอาจชะงักได้ง่ายๆ งานปลูกป่าเป็นงานตามฤดูกาล หากขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่งติดขัด ย่อมหมายถึงขั้นตอนอื่นๆ ชะงักไปหมด 

ชาวบ้านพยักหน้าเห็นด้วย

ถ้าตกลงตามกติกาที่ผู้ช่วยประเสริฐแจกเอกสาร  ผู้ช่วยจะได้ตั้งสมุดรายรับรายจ่าย และรายได้กำไรที่ต้องมีนิดหน่อย  คนที่เป็นหนี้มากๆ มากู้ไปได้ตามสัดส่วนที่ทำงาน  ทำมากยืมได้มาก ทำน้อยก็ยืมได้น้อย  ดีไหม?”

พอสิ้นเสียงมณี  ก็มีเสียงตะโกนขึ้นโดยไม่ได้นัดหมาย

          ดีดังกระหึ่ม พร้อมเสียงหัวเราะระรื่น

          ผู้ช่วยประเสริฐมาเล่าให้พี่น้องฟังต่อด้วยนะ

มณีหลบไปนั่งฟังประเสริฐอธิบายตามเอกสารที่แจก พลางคิดในใจ เงินยังไม่ออกจะเอาที่ไหนมาตั้งกองทุนวะนี่

          หลักการง่ายๆ สั้นๆ ดังนี้นะครับ ผมจะหักเงินทุนจากทุกคนๆละ 30 บาท/เดือน เดือนแรกเราจะมีกองทุน 4,500 บาท เก็บไปเรื่อยๆ เหมือนฝากธนาคาร เป็นเงินสะสมของพวกเราทุกคน ถ้ามีเงินทุนแล้วก็จะใช้สำรองซื้อข้าวสารเหนียวให้เบิกแปะไปกินก่อนได้ น้ำรถไปซื้อข้าวของหลวงฟรี  เหลือก็จะให้กู้ยืมได้ร้อยละ 3 บาท แต่ผมต้องดูก่อนนะว่ากู้ไปทำอะไร จะมีเงินเหลือใช้หนี้ค่าข้าวสารได้หรือไม่
           ประเสริฐจบการอธิบายสั้นๆ น้อยยอดนักยืมและยอดนักแปะส่งเสียงดัง มีเสียงพูดคุยกันด้วยความหวัง

ผู้ช่วยครับ หลักการดี พวกผมชอบมาก แต่เงินยังไม่ออกเลย จะเอาเงินที่ไหนมาตั้งละครับ เงินออกมางวดแรกนี่ก็ใช้หนี้พอหรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลย ศรีวรรณลุกขึ้นถาม

ประเสริฐอึกอัก มองหามณี ๆ ลุกขึ้นไปตอบแทน

ผมคิดว่า ปลายเดือนธันวาคมนี้เงินคงจะออกมาแน่นอน แต่ถ้าออกมาแล้วคนไหนมีเหลือพอก็หักได้ก่อน ส่วนคนที่ยังไม่พอใช้หนี้ก็ยังไม่หักแต่ผมจะสำรองออกให้ก่อน

มณีนิ่งมองกวาดสายตาไปตามใบหน้าชาวบ้าน แล้วหยอด

แต่ถ้าไม่พอทั้งหมด ผมก็หมดตูดแน่ๆ

สิ้นเสียงมณี ชาวบ้านที่มองมณีพูดด้วยความตั้งใจ ก็หัวเราะครืน บางคนก็พยักหน้ารับรู้ บางคนก็แสดงอาการไม่เชื่อนัก แต่ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วย

มีใครจะซักถามอีกไหม ฟรี ไม่หักเงิน

มณียังแซวต่อเสริมรอยยิ้ม

          ป้าว่า หัวหน้ากับผู้ช่วยคู่นี้เกิดมาคู่กันแน่  ป้าคงรายได้ตกไป แต่ชาวบ้านสบายขึ้นป้าก็ดีใจจ้ะ  น้อย ได้เงินกู้สวัสดิการรีบเอาไปตัดดอกก่อนเน้อ!

ป้าคำพูดด้วยความจริงใจและเมื่อหันไปพูดกับน้อยก็ทำหน้าตาขึงขัง ลุงชุ่มนั่งยิ้มตามสไตล์ พลางดูดบุหรี่ขี้โยปุ๋ยๆ แต่เสียงหัวเราะขำไอ้น้อยดังครืน

          หลังเลิกงานอีกวัน ก่อนสิ้นเดือน เงินเดือนออกรวม 2 เดือนควบ ประเสริฐทำงานหักกลบลบหนี้และเริ่มต้นกองทุนทันที หลังจากนั้นอีกวันหนึ่ง มีป้ายประกาศว่า ให้มากู้ยืมเงินสวัสดิการได้   คนขี้หนี้ทั้งหลายมารอกันพรึบ  ไอ้น้อยนำหน้าก่อนเป็นรายแรก  แต่พอได้เงินไอ้น้อยเหน็บเอวส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งซุกลงกระเป๋าหลัง พลันจะเดินจากไป

          น้อย! เสียงป้าคำตบไหล่น้อยดังป้าบ แล้วเรียกใช้หางตาเหล่ไอ้น้อยด้วยรอยยิ้ม ไอ้น้อยหันขวับแล้วร้องโอ๊ะ  พร้อมกับยิ้มเรี่ยราด

          ทันทีเลยนะป้า กะว่าจะเดินไปให้ป้าที่บ้านนะเนี่ยไอ้น้อยลอยหน้าพูด

          มิน่าล่ะ เองถึงได้เหน็บไว้ที่เอวส่วนหนึ่ง ซุกกระเป๋าหลังอีกส่วนหนึ่ง  เอามานี่แล้วเจ้าหนี้กับลูกหนี้ก็ชำระกันจะๆ  งานนี้ไอ้น้อยและอีกหลายๆ คนลดหนี้ดอกเบี้ยได้อักโข  อีกไม่นานก็จะหลุดหนี้ป้าคำ และเป็นไท

          เช้าหนึ่ง มณีเดินคุยไปกับประเสริฐแล้วข้ามห้วยไปที่บ้านพักคนงานซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของลำห้วยที่แห้งขอด  มีรอยขุดน้ำในลำห้วยเป็นจุดๆ  เล็กบ้างใหญ่บ้าง

          พี่ว่าน่าจะต้องทำฝายกั้นน้ำ  นี่ยังไม่ทันแล้งเลยน้ำแห้งขอดห้วยแล้ว  ประเสริฐลองหาทางกั้นฝายดูนะ 

พอข้ามมาถึงร้านป้าคำ

          บ้านที่อยู่นี่ป้าปลูกเองหรือว่าหน่วยปลูกให้ครับ

มณีถามป้าคำ

          หน่วยปลูกให้แล้ว ป้าต่อเติมเพิ่มขึ้นจ้ะ

ป้าคำสาธยาย  มณีและประเสริฐพยักหน้าแล้วลาจาก เดินเข้าถนนสายกลาง

          พี่ว่า เราน่าจะย้ายบ้านพักคนงานไปข้างในให้หมด  ที่นี่แออัดเกินไป  ยังกับสลัม อยู่ใกล้ที่ทำการหน่วยด้วย ดูไม่ดีเลย จริงไหม?”

          ผมก็ว่าน่าจะดีนะครับ   

ลูกพี่กับลูกน้องเดินเลาะกันไปตามขอบเขา  มีทางเล็กๆ ที่ชาวบ้านเดินไปหาผักหญ้าและไปทำงานในป่าเหนือหน่วย มณีและประเสริฐเดินมองกันจนทั่วหุบเขา เหงื่อไหลท่วมจนเสื้อเปียก   พลางก็กะประมาณพื้นที่สองฝั่งห้วยสามสบและเวิ้งในดงเปื๋อย(ดงต้นตะแบก) รวมตรงหน้าผาด้วยก็ราวๆ 30 ไร่เศษ  ตรงใจกลางพื้นที่ส่วนของห้วยสามสบวิ่งวนเป็นรูปโอเมก้า  มณีมองด้วยความพินิจพิเคราะห์ แล้วพาประเสริฐเดินเลยขึ้นไปจนสุดที่ดอยเตี้ยๆ สองลูกเหนือเวิ้งหุบเขา

พรุ่งนี้ประเสริฐเลิกจากงานบนดอยแล้วลองเอากล้องรังวัดไปส่องดูซิว่า พื้นที่รอบตีนดอยทั้งหมดนี้ประมาณเท่าไรแน่  แล้วลองแบ่งในกระดาษก็จะรู้ว่า จะทำอะไรที่ตรงจุดไหน  อย่างไร  หลักเกณฑ์ง่ายๆ  ที่ดินเพื่อการอยู่อาศัยล็อคละเท่าไร  สวนหน้าบ้านหลังบ้านเท่าไร  บ้านขนาดแค่ไหน  โดยมีพื้นที่สำหรับสร้างโรงเรียน  วัด  สระน้ำ เพราะว่าห้วยสามสบเป็นห้วยแห้ง มีน้ำไหลเฉพาะฤดูเดียวในหน้าฝน อาจต้องขุดสระเก็บน้ำ

          บ่ายอีกวัน ประเสริฐไปรังวัดพื้นที่ได้ผลแล้วลงแผนที่ ภาพที่เห็นคือหมู่บ้านที่มีที่อยู่อาศัย 150 แปลงๆ ละ 1 งาน  ถนนเส้นหลักเส้นซอยกว้าง 8 เมตรทั้งหมู่บ้าน  มีสนามโรงเรียน 2 ไร่ครึ่ง และขุดสระน้ำตรงส่วนที่คดไปคดมาให้เป็นสระ  กั้นฝายน้ำล้นดักไว้ จะได้สระน้ำขนาด 2 ไร่ครึ่ง  รูปแบบฝายน้ำล้นทำเป็นรูปสะพานโค้งเหมือนในหนังจีน

มีศาลากลางน้ำแปะอยู่ขอบสระ  ในลำห้วยที่แห้งขอดขุดลอกให้กว้างขึ้น ลึกขึ้น  เพื่อให้เก็บกักน้ำได้มากขึ้น  ดอยสองลูกเหนือสุดริมห้วยปาดให้เรียบเตรียมไว้สร้างวัด ที่ดินทำกินกันพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเหนือขึ้นไปครอบครัวละ 15 ไร่ โดยให้เฉพาะ 50 ครอบครัวแรกที่เข้าอยู่อาศัยเท่านั้น  กิจกรรมที่คาดว่าจะได้รับเพิ่มเติม มะนาว  มะม่วง  มะขามหวาน  ไผ่ตง  ฯลฯ  จากเกษตรอำเภอ   สระน้ำจะขอปลาจากประมงอำเภอเป็นปลาโตเร็ว  จำพวกปลานิล ปลาตะเพียน  ปลาไน  ปลายี่สก ซึ่งเป็นปลากินพืชและแพลงตอน    

ส่วนยอดดอยภูพยับหมอกทำทางขึ้นเล็กๆ ให้เดินไต่ขึ้นไปสบายๆ เป็นจุดชมวิวหมู่บ้านกลางหุบเขา บางทีภาพมุมสูงจะช่วยให้มองเห็นทัศนียภาพสวยงามมากขึ้น   

          หัวหน้ากับผู้ช่วยคุยกันเรื่องนี้หลายรอบ  คาดกันว่าจะเริ่มสร้างอะไรก่อนหลังตามความจำเป็น  สุดท้ายมาจบที่จะเอางบประมาณมาจากไหน   การพูดคุยจบลงตรงนี้ทุกครั้ง เป็นฝันค้างที่ค้างคาใจ ไม่วาย

      

Tags : นวนิยาย ชาวป่า

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view