ไปแอบดูช้างป่าที่สลักพระ มีดีอย่างไม่น่าเชื่อ
โดย ธงชัย เปาอินทร์
ภาพ-ปราณีต ตีระเกียรติพิศาล และสมคิด ดัดสี พนักงานพิทักษ์ป่าหน่วยทุ่งสลักพระ
สลักพระเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย(31 ธ.ค.2508) นานนับได้ 42 ปี แห่งการอนุรักษ์พื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อให้เป็น “บ้านของสัตว์ป่า” ไม่มีข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอดีตกาลนั้นที่นี่มีสัตว์ป่ามากน้อยเพียงใด หากแต่วันนี้มีตัวเลขที่อ้างอิงได้เพียงว่า มีสัตว์ป่ามากกว่า 352 ชนิด บนพื้นที่ผืนป่าจำนวน 536,594 ไร่ กับคนทำงานที่เป็นข้าราชการเพียง 5 คน เหนื่อยครับ
ถนนทางเข้าทุ่งสลักพระ
อดีตที่พ้นผ่านกับการเปลี่ยนแปลง
เมื่อ 31 ธ.ค. 2508 ประกาศอนุรักษ์พื้นที่ป่าอนุรักษ์ 602,000 ไร่ ต่อมา 3 ก.พ.2515 มีการเพิกถอนสภาพเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อการเหมืองแร่ เหลือพื้นที่ 585,125 ไร่ และท้ายที่สุด 11 ส.ค.2520 เพิกถอนเพื่อการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์และเป็นพื้นที่รองรับการอพยพชุมชนที่ถูกน้ำท่วม เหลือพื้นที่ปัจจุบันนี้ 536,594 ไร่
ผืนป่าแห่งนี้มีรูปยาวจากเหนือลงใต้มีถนนสายกาญจนบุรี-ศรีสวัสดิ์พาดผ่าน ริมถนนฝั่งขวามือจึงเป็นพื้นที่มีราษฎรเข้าไปบุกรุกอยู่อาศัยประปราย ส่วนพื้นที่ฝั่งซ้ายมืออยู่ริมอ่างเก็บน้ำของเขื่อนท่าทุ่งนา และเขื่อนศรีนครินทร์ เมื่อราษฎรอยู่อาศัยชายขอบจึงมีการปลูกพืชผลอาสินต่างๆมากมายหลายชนิด พืชไร่ก็มี พืชสวนก็มี ส่วนราษฎรก็อาศัยผืนป่าเข้าไปหาเก็บกินเห็ด ผัก หน่อไม้ แม้กระทั่งหินรูปแปลกๆ และตอไม้ก็แอบขุดเอาออกมาขาย
มุ่งหาแหล่งน้ำยามแล้ง
ส่วนผืนป่าอนุรักษ์แห่งนี้ทางราชการได้จัดตั้งหน่วยพิทักษ์สัตว์ป่า จากหัวหน้าถือกระดาษคำสั่งแผ่นเดียวไปปลูกเพิงหมาแหงน ได้เพิ่มสำนักงานบ้านพักจนกระทั่งวันนี้มีถึง 13 หน่วย ล้อมรอบพื้นที่อย่างทั่วถึง เพื่อปิดล้อมป่าดงดิบแล้ง 53,660 ไร่ ป่าเต็งรัง 160,987 ไร่ และป่าเบญจพรรณประเภทไม่มีไม้สัก 321,956 ไร่ ไว้เป็นหลังคาบ้านสัตว์ป่าและแหล่งอาหารที่สำคัญ แม้ว่าป่าผืนนี้จะผ่านการทำไม้ตามเงื่อนไขสัมปทานมาแล้วก็ตามที แต่วันนี้ป่าได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องแล้ว
ในเมื่อเป็นบ้านของสัตว์ป่า จึงต้องเล่าว่ามีสัตว์ป่าอยู่มากกว่า 352 ชนิด ซึ่งมีทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ประเภทมีปีกคือนก และสัตว์เลื้อยคลาน แต่ที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ก็คือมีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ได้แก่ ช้าง กระทิง วัวแดง หมูป่า กวาง เก้ง หมาใน ฯลฯ
ที่น่าตื่นเต้นมากๆ ในพื้นที่กว่า 5 แสนไร่ มีโป่งดินเค็มอันเป็นยาบำรุงกำลังของสัตว์ป่ามากกว่า 100 โป่ง แต่ที่สำรวจและลงพิกัดแล้ว 45 โป่ง พืชอาหารสัตว์ก็มีไผ่ป่า ไผ่นวล ไผ่บง ไผ่รวก ไผ่หูช้าง กล้วยป่า เป็นต้น
ดูดๆๆๆ ดื่มๆๆๆๆ
มีแม่น้ำสำคัญพาดผ่านจากเหนือลงใต้ได้แก่ ห้วยสะด่องไหลอ้อมทุ่งนามอญไปบรรจบกับห้วยห้วยสลักพระ รวมความยาวลำห้วย 26 กม.ไหลไปลงที่เขื่อนท่าทุ่งนา ห้วยแม่ละมุ่นความยาว 20 กม.ไหลไปลงเขื่อนศรีนครินทร์ และ ห้วยลำอีซูความยาว 15 กม.ไหลไปลงสู่ห้วยลำตะเพินแล้วไปออกที่แม่น้ำแควใหญ่ รวมพื้นที่ทั้งผืน 858.55 ตร.กม. ปริมาณน้ำท่าเฉลี่ยรายปี 69.20 ล้านลูกบาศก์เมตร ป่าผืนนี้มีน้ำไหลเพียงบางฤดูกาล
วันนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระมีความสำคัญเพียงใด
แต่เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง มีป่าดงดิบแล้งตามริมห้วย ดังนั้นในฤดูแล้งลำห้วยต่างๆจึงแห้งเหือด มีหลงเหลือเป็นหลุม เป็นลืบ และขังตามแก่งในท้องห้วยที่ลึกกว่าปกติ แหล่งน้ำในฤดูแล้งจึงเป็นขุมทรัพย์ของสัตว์ป่า ในขณะเดียวกันก็เป็นแหล่งขุมทรัพย์ของพรานป่าล่าสัตว์ที่รู้ว่า สัตว์ป่านานาชนิดต้องลงมากินน้ำ เป็นไฟท์บังคับที่ไม่มีทางเลือกและทางเลี่ยง เพราะว่าความหิวโหยก็อาจตายได้
ธรรมชาติสอนให้รู้ว่าที่ไหนมีน้ำ
ส่วนพื้นที่ชายขอบเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีชาวบ้านเลี้ยงวัวไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากการที่ห้วยแห้ง จึงได้มีการขุดลอกสระน้ำขึ้นเพื่อให้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำให้สัตว์เลี้ยง แต่หนองน้ำใหม่นี้ได้กลายเป็นแหล่งที่ช้างและสัตว์ป่าพาเหรดกันออกมาร่วมผสมโรง ซึ่งระหว่างสัตว์ป่ากับสัตว์เลี้ยงอาจเป็นโรคติดต่อได้จากน้ำบ่อเดียวกัน เช่นเกิดโรคเท้าเปื่อยและปากเปื่อยของสัตว์เลี้ยง ก็อาจจะติดเชื้อจากวัวบ้านสู่ช้างและสัตว์ป่าได้อย่างง่ายดาย
แค่นั้นยังไม่พอ ในฤดูแล้งพืชอาหารของสัตว์ป่าอาจลดลงไป ประจวบกับพืชผลของชาวบ้านเช่นมะม่วง ขนุน ฯลฯ แก่จัดส่งกลิ่นหอมจรุงใจและยั่วน้ำลายช้างยิ่งนัก ช้างจึงยกโขยงลงมากินกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ทำให้ชาวบ้านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และยิ่งโกรธมากขึ้นที่กินไม่กินเปล่าแต่ยังถอนต้นออกด้วย แล้วเปิดตูดแน่บกลับไปนอนในป่าเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น
ช้างกับคนจึงเป็นศรัตรูกันโดยปริยาย เศร้านะครับ
วันนี้จึงต้องยอมรับว่า ทั้งแหล่งน้ำ พืชอาหาร มีความสำคัญยิ่งยวดไม่แพ้โป่งดินเค็มที่ช้างและสัตว์ป่าจำเป็นต้องลงกิน เป็นอีกแหล่งหนึ่งที่สัตว์ป่าต้องไปกินและพรานป่าก็รู้เช่นกันว่าจะล่าได้ที่ไหน สัตว์ป่าที่สลักพระโชคดีกว่าทุกแห่งในป่าอนุรักษ์ทั้งประเทศที่มีแหล่งดินเค็ม(โป่ง) มากมายกระจายกันทั่วไป นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังได้ช่วยสร้างโป่งเทียมเพิ่มขึ้นมาอีกหลายสิบโป่ง ยิ่งมากยิ่งดี
สรุปได้ว่า ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ นอกจากเป็นพื้นที่รองรับน้ำฝนผืนใหญ่ให้กับเขื่อนท่าทุ่งนา และเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นค่ายพักแรมที่เพิ่มขีดความรักป่าและสัตว์ป่าได้อย่างกว้างขวาง สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกเมื่อเข้าไปนอนพักค้างอ้างแรม เป็นศูนย์ศึกษาและวิจัยพืชและสัตว์ป่าได้อย่างดีเยี่ยม เป็นแหล่งท่องไพรได้อย่างกว้างขวาง ได้เห็นช้างสักตัวก็ตื่นเต้นแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือของเขตมีน้ำตกที่ทุ่งนามอญ ว่ากันว่าสวยสูงและน้ำไหลเป็นทะเล
ที่นี่สามารถเปิดเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจเชิงอนุรักษ์ได้
สนุกเขาละครับ
จุดเด่นที่สุดของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ มองด้วยแนวคิดการจัดการป่าอนุรักษ์ที่มุ่งเน้นการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด(Wise Use) ที่นี่มีสัตว์ป่าโดยเฉพาะช้าง กระทิง วัวแดง เป็นปมเด่น มีโป่งดินเค็มจากธรรมชาติและมนุษย์สร้างมากมายที่จูงใจให้สัตว์ป่าลงมาปรากฏตัวได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะในพื้นที่สองแห่งที่สมควรพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทรงคุณค่า นักท่องเที่ยวจะมีโอกาสได้เห็นหรือสัมผัสถึงได้ง่ายที่สุด
ทุ่งนามอญ เป็นบริเวณพื้นที่ที่โอบล้อมด้วยขุนเขาสูงชันรูปวงรี มีที่ราบกลางล้อมเขานับหมื่นๆไร่ มีลำห้วยไหลผ่านและสานตัวกันเป็นน้ำตกที่ปลายรีด้านใต้ ทำให้เกิดเป็นน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอดปี สูงกว่า 100 เมตร ความหฤหรรษ์ที่จะสัมผัสมิใช่เพียงน้ำตก หากแต่เป็นการได้พักค้างกลางป่าลึกในระดับความสูงจากระดับน้ำทะเล 700 เมตร อยู่ห่างจากเส้นทางรถยนต์เดิมที่เข้าถึงเป็นจุดสุดท้าย 4-5 กม. ไม่ยากเกินกำลังที่จะเดินป่าศึกษาธรรมชาติ
นอกจากนั้นยังมีพรรณไม้ป่าดงดิบเช่น ยาง ตะเคียน ต้นใหญ่ๆโตๆมากมายให้ได้เห็นเป็นขวัญตา ส่วนสัตว์ป่าก็มีช้าง กระทิง และวัวแดงเป็นแรงจูงใจที่อยากจะนั่งห้างแอบดู แต่จะอย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ว่าจะเปิดกว้างด้วยวิสัยทัศน์หรือจะคับแคบเพราะว่า กลัวคนรู้คนเห็น หรือ ขี้เกียจ หรือ ขาดวิสัยทัศน์ หรือ มีเพียงจุดประสงค์อื่นๆ ที่แอบแฝง
การจัดการที่สมควรทำคือ ทำถนนเข้าออกให้สะดวกขึ้น ไปให้ถึงน้ำตกได้เลยยิ่งดี มีพื้นที่ให้กางเต็นท์พร้อมสุขา ป้อมปราการที่เฝ้าระวังความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพิ่มโป่งเทียมเพื่อล่อช้างมาให้แอบดูได้อย่างง่ายๆ ด้วยบรรยากาศป่าเขาที่สูงระดับ 700 เมตรจากน้ำทะเลปานกลาง ภูมิอากาศจึงค่อนข้างเย็นตลอดปี ลบภาพเมืองกาญจนบุรีเมืองร้อนได้เลย
ทุ่งสลักพระ เป็นพื้นที่ราบลาดเนินที่กว้างใหญ่ไพศาลนับหลายหมื่นไร่ มีภูเขาสูงชันโอบล้อมตั้งแต่ทุ่งนามอญลงมาทางใต้ของพื้นที่ แต่ด้านใต้สุดเป็นช่องโหว่เหมือนเป็นประตูสู่ที่ราบนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จุดนี้คือประตูที่ช้างออกไปนอกเขตได้อย่างง่ายดาย ความเสี่ยงที่ล่อแหลมจึงเกิดขึ้นหากพบเจอพรานป่าใจร้าย
ที่หน่วยพิทักษ์สัตว์ป่าสลักพระ มีลำห้วยไหลผ่านคือห้วยสะด่องและห้วยสลักพระ มีน้ำไหลฤดูเดียวคือหน้าฝน ส่วนหน้าหนาวยังพอมีน้ำเหลืออยู่ แต่ในยามฤดูแล้งน้ำแห้งขอดลำห้วย สัตว์ป่าที่กินดินเค็มมีความจำเป็นต้องกินน้ำ การไล่ล่าหาแหล่งน้ำจึงเป็นไปตามความจำเป็นและสัญชาตญาณของสัตว์ป่า
จึงสมควรจัดการสร้างแหล่งน้ำไว้ให้กับเขาทั้งหลายอย่างพอเพียงและมีให้กินได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และปลอดภัยจากโรคติดต่อจากสัตว์เลี้ยงอื่นๆ
สิ่งที่ทำได้คือ ลอกห้วยหนองคลองบึงที่มีอยู่เดิม กั้นลำห้วยด้วยเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดเล็ก(ไม้ไผ่มีเยอะ) ขุดสระน้ำเก็บกักเพื่อให้สัตว์ป่าลงอาบและดื่มกินขนาดใหญ่โดยไม่ทำลายระบบนิเวศน์ หรือเบิกห้วยให้เป็นบึง ส่วนประตูที่เป็นช่องว่างให้สัตว์ผ่านเข้าออกต้องปิดกั้นด้วยต้นสีเสียดแก่นหรือต้นระกำหนามแหลมและทนแล้ง เติบโตเร็ว จะะเป็นกำแพงสีเขียวที่ปิดประตูทางเข้าออกได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในฤดูกาลที่ผลไม้สุกงอม ความหอม ความอร่อยของมะม่วงและขนุนของชาวบ้าน กระตุ้นให้ช้างติดรสชาติมาก การสกัดกั้นต้องปลูกมะม่วงที่โตและตกผลเร็ว ปฏิบัติการ “เกลือจิ้มเกลือ” พื้นที่ที่จะปลูกมะม่วงต้องอยู่ไกลจากทางออกและอยู่ใกล้แหล่งหากินของช้าง เช่นมะม่วงทวายที่ออกลูกตลอดปี มะม่วงแก้ว มะม่วงป่า มะม่วงอกร่อง มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงทองดำ มะม่วงงาช้าง มะม่วงไอ้ฮูก เป็นต้น
การจัดการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสามารถพัฒนาได้ในกรอบที่ไม่ผิดกติกาการจัดการป่าอนุรักษ์สากล การท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จึงไม่ควรถูกปิดกั้นด้วยการอนุรักษ์หัวเอียงซ้าย ที่คับแคบและทำให้การจัดการป่าอนุรักษ์ไม่ได้ใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด ที่ทุ่งสลักพระมีสัตว์ป่าโดยเฉพาะช้างและสัตว์ป่าลงกินดินโป่งมากมายทุกโป่ง โอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นและสัมผัสด้วยสายตาตนเองจึงเย้ายวนกวนความรู้สึก “อยาก” เป็นจุดขายได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
ไม้ไผ่ป่าที่มีอยู่อย่างมากมายสุดคณานั้นถือว่าเป็นทรัพย์ต้นทุนที่หมุนเวียนได้ เป็นไม้ไผ่ที่มีหนามแหลมและเนื้อปล้องตันหรือเกือบตัน มีความแข็งแรงและทนทานได้หลายปี ถ้าก่อนการนำมาใช้แช่น้ำสักระยะปลวกมอดก็จะไม่รบกวน เพิ่มอายุการใช้งานนานขึ้น ด้วยไม้ไผ่ป่านี่แหละที่สามารถนำมาก่อสร้างคูค่ายแบบค่ายบางระจัน แล้วสร้างเชิงเทินขึ้นไปเดินส่องกล้องดูได้โดยรอบ ภายในค่ายกางเต็นท์นอนได้ด้วยความปลอดภัย ภายนอกค่ายสร้างโป่งเทียมให้หนาแน่นมากขึ้น หรือถ้าติดห้วยก็ลอกห้วยให้มีน้ำขังมากขึ้น ค่ายเป็นเกราะป้องกันให้เกิดความปลอดภัยได้ชั้นหนึ่ง เพราะช้างเดินกันเกลื่อนกล่นไปหมด เสียวไส้จริงๆ
อีกทางเลือกหนึ่งก็คือการสร้าง “ห้าง” ที่ไม่ใช่ห้างโลตัส แต่เป็นห้างขัดแตะบนง่ามต้นไม้ป่าที่มีอยู่ทั่วไป แล้วเปิดวิสัยทัศน์ให้เห็นได้เด่นชัด สามารถขึ้นห้างค้างคืนเฝ้าแอบดูได้ ถ้าทำให้พักแรมได้แบบบ้านทาร์ซานยิ่งดี การสร้างสรรค์จึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งของการพัฒนาที่อิงธรรมชาติและ “เก๋” ในความคิดประดิษฐ์ขึ้น เรื่องอย่างนี้ ขึ้นอยู่กับความ “อยาก” ของผู้บริหารทุกระดับ แต่กลับเป็น “เสน่ห์” ของนักนิยมไพรหรือไม่ก็อ้างว่า ไม่อยากตบแต่ง ปล่อยธรรมชาติดีกว่า ดูอย่าง เนปาล แอฟริกา เขาพัฒนาไปไกลด้วยความกลมกลืนและเน้นจุดขายที่ชาญฉลาด
อิ่มแล้วก็กลับ(บ้าน)เข้าทุ่งสลักพระ
ปล. ที่หน่วยพิทักษ์สัตว์ป่าทุกที่ทั่วประเทศไม่พร้อมที่จะรับนักท่องเที่ยว การสร้างเพียงค่ายพักแรมจึงอาจไม่ปลอดภัย กลวิธีในการสร้างสรรค์จึงต้องถึงพร้อมทุกทิศทางอย่างลื่นไหล สุขาต้องพอเพียงและสะอาดในขอบเขตที่กำหนด คนทำงานมีอยู่ทุกแห่ง งบประมาณบางส่วนที่ใช้ได้ก็มีทุกแห่ง ผู้จัดการก็มีแล้ว การจัดการสัตว์ป่าหรือการจัดการป่าอนุรักษ์ก็มีอยู่ ที่ขาดแคลนมากคือ สมองและวิญญาณ เฮ้อ! เหนื่อย?
ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระยิ่งเหนื่อยมากขึ้นไปอีกคือ มีข้าราชการ 5 คนที่ต้องเฝ้าระวังมากเกินกำลังถึงคนละ 107,318.8 ไร่ คนหนึ่งต้องคุมหน่วยพิทักษ์สัตว์ป่า 2-3 หน่วย อย่างนี้ต้องผลักอัตรากำลังจากส่วนป้องกันและปราบปรามเข้ามาเพิ่มเพื่อปกป้องผืนป่าอนุรักษ์โดยตรง ดีกว่าปล่อยไปไล่ล่าหาเหยื่อแบบไร้เขตจำกัด กำหนดกรอบการทำงานป้องกันให้กระชับ จะช่วยให้ป่ายังเขียวขจีต่อไปไหม?
พระอาทิตย์อัสดงเหนือทุ่งสลักพระ
การเดินทางสะดวกๆ
จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางหลวงสายลาดหลุมแก้ว-บางเลน-กำแพงแสน-พนมทวน-กาญจนบุรี-มุ่งไปทางเขื่อนศรีนครินทร์ หรือน้ำตกเอราวัณ แต่พอถึงกม.ที่ 10-11 ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ อยู่ซ้ายมือเชิญแวะเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนครับ สอบถามรายละเอียดโทร.034-584032
คำนิยม พนักงานพิทักษ์ป่าทุ่งสลักพระ บันทึกภาพช้างและสัตว์ป่าไว้ด้วยความสนใจ เป็นคุณอนันต์แก่วงการนักอนุรักษ์อย่างยิ่ง ถ้าทุกหน่วยงานทำเช่นเดียวกันนี้ จะมีทั้งภาพและเรื่องราวของสัตว์ป่า พันธุ์พืช มากมายออกสู่สายตาประชาชน ขอขอบคุณและขอแสดงความนับถือ