เที่ยวอุทัยธานี มีดีอะไรหรือ?
ถ้าอยากย้อนอดีตเมืองโบราณที่ผ่านกาลเวลามานานแสนนาน แต่กลับยังคงสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนไว้ได้อย่างสวยงาม ตามหาร่องรอยอารยะธรรมที่เป็นตำนาน ผ่านทรัพยากรท่องเที่ยวธรรมชาติที่ชวนให้หลงใหล และน่าตื่นเต้นเมื่อย่างเข้าสู่ผืนป่ามรดกโลก เมืองนี้มีดีมากมายและไปท่องเที่ยวได้ทั้งปีไม่มีเบื่อ ของดีมีเยอะจริงๆ
ด้วยคำเชิญชวนจากผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นายชนม์ชื่น บุญญานุสาสน์ และนายสุรชัย ศรีพลอย ผอ.ท.ท.ท.อุทัยธานี จึงได้มีโอกาสเดินทางมายังจังหวัดอุทัยธานี ถ้ามาด้วยรถยนต์จากกรุงเทพก็ราวๆ 219 กม. ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษๆ ถึงกลางใจเมืองอุทัยธานี
สิ่งแรกที่เห็นคือเทือกเขาสะแกกรัง สถานที่ประดิษฐานพระราชานุสรณ์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนกแห่งรัชกาลที่ 1 (นายทองดี) เป็นรูปปั้นที่ทุกคนไปกราบไหว้รำลึกถึงพระคุณที่ทรงมีต่อชาวสยาม ทางขึ้นเขามีสองทางคือ มีบันไดเดินขึ้นได้ 449 ขั้น และมีทางรถยนต์ขึ้นได้จนถึงที่
แต่ถ้าเลี้ยวเข้าตัวเมืองผ่านวงเวียนช้างไปยังตลาดเก่าแก่ของเมืองอุทัยธานีริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง ที่นั่นยังเป็นตลาดเช้าของสิ้นค้าพื้นเมือง ปลาแม่น้ำหลายชนิด สดๆ ร้านขายยาเก่าแก่ เดินชมก็เพลินทีเดียว ฝั่งตรงข้ามมีวัดอุโปสถารามสวยมาก อดีตต้องข้ามเรือพาย แต่วันนี้มีสะพานทอดข้ามไปวัดสะดวกสบายกว่าเดิมอีกนิด
ระหว่างทางที่เดินไปมองเห็นวิถีชีวิตของชาวแพในแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งเรียงรายสองฟากฝั่งอย่างสงบงามจับใจ แสงแดดยามเช้าตรู่เพิ่มอารมณ์ความรู้สึกบรรเจิด ความสดชื่นตามมาเติมให้อิ่มอกอิ่มใจไม่น้อย ภาพที่มองลงไปจะเห็นผู้คนที่อยู่อาศัยในเรือนแพ นี่คือวิถีชีวิตชุมชนชาวแพที่อยู่อาศัยกันมายาวนานนับร้อยๆปี
บางคนกำลังตกแต่งต้นไม้ในกระถาง บางคนก็นั่งคุยกัน มีอยู่คนหนึ่งกำลังยาเรืออยู่ในแพ อีกคนพายเรือบรรทุกลอบดักปลา ท่าจะกำลังจะกลับบ้าน บางคนกำลังเด็ดใบโหระพา และแซะตะไคร้จากกระถางที่ปลูก เอี้ยวตัวไปอีกมุมก็เด็ดพริกขี้หนูไปปรุงรส ดอกพุทธรักษาบานสะพรั่งบนกระบะที่ปลูก สีสันสดใสไม่บางเบาทีเดียวครับ ดูช่างมีความสุขและร่มเย็น
ข้ามฟากไปถึง วัดอุโปสถาราม ซึ่งมีชื่อเดิมว่าวัดโบสถ์มโนรมย์ บันทึกภาพความทรงจำกับอุโบสถที่สวยงามมากจากมุมสูงบนสะพาน แต่พอลงไปถึงสนามหญ้าเดินดิ่งไปบันทึกภาพที่หน้าอุโบสถ โอ้โฮ แปลกกว่าวัดไหนๆ ในประเทศสยามเมืองยิ้มมากมายเหลือเกิน
ที่หน้าโบสถ์มีภาพเขียนลวดลายวิจิตรรอบนอกผนังโบสถ์ ภายในมีพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัย ภาพเขียนเล่าเรื่องราวพุทธประวัติสวยงาม วิหารคู่ใกล้กันมีพระพุทธรูปสมัยรัตนโกสินทร์ ผนังภายในมีภาพเขียน พุทธประวัติเช่นกัน หลังอุโบสถที่หันลงแม่น้ำ มีเจดีย์ 3 สมัยคือ สุโขทัย อยุธยาและรัตนโกสินทร์ รูปทรงแตกต่างกันออกไป ไม่เชื่อไปดูเองด้วยตาเถอะครับ
วัดนี้ในอดีต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้ทรงเสด็จเยือนหัวเมืองฝ่ายเหนือ ก็มาขึ้นที่เรือนแพท่าน้ำของวัด เมื่อปี พ.ศ.2449 ในครั้งนั้นพระองค์ได้ทรงถวายบาตรฝาประดับมุก บาตรเนื้อลงหิน บาตรเคลือบ ย่าม หม้อน้ำ แจกัน ทุกวันนี้ยังคงเก็บรักษาไว้เป็นอนุสรณ์อย่างดี
มีเรือล่องท่องเที่ยวในแม่น้ำสะแกกรังจอดรับที่ท่าหน้าวัด ได้ทราบว่า คุณวีระ บำรุงศรี บริษัทแพนเฮ้าส์แทรฟเวล จำกัด เป็นผู้จัดการมีเรืออยู่ 5 ลำ ไม่รวมลำเล็กๆสำหรับกลุ่มเล็กๆ เรือท่องเที่ยวลำนี้นั่งสะดวกสบายมาก เสียงเครื่องยนต์ไม่ดัง คุยกันได้สบายๆ มีบาร์เตรียมเครื่องดื่มและอาหารด้วย มีห้องน้ำสะอาด ลมเย็นจากแม่น้ำพัดผ่านใบหน้าชื่นใจ ไร้มลพิษ แรงลมปัดเป่าปลายผมสาวสื่อสวยๆ คนหนึ่ง เส้นผมดำเป็นมันพลิ้วไสวคลอเคลียไรแก้มสีชมพู เห็นแล้วสยิวใจเหลือเกิน
อาจารย์ พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ คนเมืองอุทัยธานี ท่านเป็นนักวิชาการด้านประวัติศาสตร์ เล่าได้น่าฟังล้วนเป็นความรู้เรื่องเมืองอุไท่ (ชื่อเดิมเมืองอุทัยธานี) นับว่าเป็นทรัพยากรบุคคลคนสำคัญของเมืองอุทัยธานี ยิ่งทราบว่าหลังเกษียนราชการท่านกลับบ้านเกิดและทุ่มเทเพื่อบ้านเกิดของท่าน อิจฉาครับ อิจฉา คนเรานี่ ถ้าได้กลับไปพัฒนาบ้านเกิดต้องถือว่าเป็นความโชคดี
ฟังอาจารย์เล่าไปเรือก็แล่นผ่านเรือนแพสองฝั่ง บรรยากาศดีเหลือเกิน อยากนอนค้างบนแพสักคืน ปัญหาอยู่ที่ว่า รีสอร์ท ริมน้ำที่เห็นๆอยู่ จะแพงไหมถ้าจะค้างสักคืน โรงแรม รีสอร์ทแบบหรูหราไม่สนเลยครับ
แต่ภาพที่เห็นสองฝั่งแม่น้ำ อยากให้มีเรือนแพโฮมสเตย์มากกว่า เรียบๆง่ายๆ ตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของเขา เสื่อผืน หมอนใบ มุ้งสายบัวหรือมุ้งครอบก็ได้ ห้องสุขาพอให้ถ่ายสะดวกๆ น้ำที่อาบก็ตักจากในแม่น้ำสะแกกรังนั่นแหละสุดยอด อาหารการกินก็ปลาในแม่น้ำมีมากมายหลายชนิด แล้วแต่จะเลือกสั่งซื้อได้เลย ตลาดเช้าเพียบน่ากินทั้งนั้น
ท่าน ผอ.สุรชัย ศรีพลอย ท.ท.ท.จังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า
“นานมาแล้วเคยมีเรือนแพโฮมสเตย์ ผมย้ายมาประจำที่นี่ได้เลิกร้างไปกันหมด ผมมีแผนอยู่ในใจครับว่าจะฟื้นฟูอีกครั้ง ผมเองเชื่อว่า เรือนแพเมืองอุทัยธานีอยู่กันมานับร้อยๆปี ไม่มีทางเลิกหรือยกแพขึ้นบกไปได้แน่นอน มันเป็นชีวิตของเขาครับ เรามีหน้าที่ต้องสืบสานให้มันมีอยู่และมีดีขึ้นเรื่อยๆ เรือนแพแม่น้ำสะแกกรังเป็นเอกลักษณ์อย่างเยี่ยมยอดของเมืองอุทัยธานี ที่อื่นๆไม่มีแล้วครับ ยังไงกลับมาช่วยกันส่งเสริมและฟื้นฟูนะครับ”
ได้ไปอีกเมื่อไร รับรองต้องมีดีกว่าเก่าแน่นอน เมืองนี้โชคดีที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเก่ง ตั้งใจดี และยังมี ททท.อุทัยธานี การท่องเที่ยวและกีฬา ประชาสัมพันธ์จังหวัด ประธานชมรมเรือนแพ และเรือล่องแม่น้ำ พูดง่ายๆว่า โครงสร้างของทรัพยากรท่องเที่ยวอุดมสมบูรณ์ ทรัพยากรบุคคลเยี่ยม เช่น มรดกโลกที่ห้วยขาแข้ง พุทธสถานที่มีชื่อเสียง หุบป่าตาดดินแดนมหัศจรรย์ ถ้ำค้างคาว และเขาปลาร้าชมภาพเขียนสีโบราณๆ เรือนแพในแม่น้ำลำคลอง รีสอร์ท โรงแรม ของกิน ของฝาก ระยะทางก็ไม่ไกลเกินไป ที่สำคัญ ทุกฤดูกาลมาเที่ยวได้ปลอดภัยไม่เปลืองตังส์มากนัก สนใจลองไปสักครั้งจะติดใจ
ติดต่อ ผอ.ททท.อุทัยธานี คุณสุรชัย ศรีพลอย โทร.056-514982//086-8965508
คุณวีระ บำรุงศรี โทร.056-513062-3 //081-8300653
คันทรีเลค โทร.056-205205-6 //081-8220138
คุณธานินทร์ โทร.056512844//086-2137514//081-2524592