ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน

Dely141.doc                                     ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน

            ถ้าจะจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังของคำว่า ผลประโยชน์ ฟันธงลงไปได้เลยว่าผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน เพราะว่าเป็นผลประโยชน์โดยรวมเพื่อสาธารณชนทั้งประเทศ ดังนั้นผลประโยชน์ของหน่วยราชการใด ประชาชนคนใด พ่อค้าใหญ่พ่อค้าน้อย นักธุรกิจและกลุ่มองค์กรภาคเอกชนใดๆ  ต้องยินยอมสละเพื่อผลประโยชน์โดยรวมเป็นสำคัญ แม้ต้องถอนเสาบ้านหนีก็ตาม

            หน่วยงานราชการเช่นกรมป่าไม้มีหน้าที่จัดหาและผลิตไม้เพื่อให้ประชาชนใช้สอย กรมชลประทานมีหน้าที่จัดการเรื่องน้ำเพื่อให้ประชาชนใช้อย่างพอเพียง การไฟฟ้ามีหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าให้แสงสว่างกับประชาชน การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย(ปตท.)ก็มีหน้าที่ในการจัดหาแหล่งพลังงานเพื่อการขับเคลื่อนหรือใช้ประโยชน์ใดๆให้กับประชาชนเช่นกัน การหาแหล่งแก๊ซจึงเป็นหน้าที่ของ ปตท.

            มีเรื่องเล่าจาก การปิโตรเลียมประเทศหนึ่ง(ปตท.) จัดหาแหล่งก๊าซธรรมชาติด้วยการซื้อจากประเทศเพื่อนบ้าน จึงต้องมีการประมูลโดยให้กับเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการวางท่อก๊าซจากแหล่งผลิตของประเทศนั้น มายังจุดจ่ายของประเทศผู้ซื้อ การประมูลได้บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุด แต่ในเงื่อนไขสัมปทานข้อหนึ่ง มีสาระสำคัญระบุไว้ว่า งานต้องแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายน พ.ศ.2541 

ความสำคัญอยู่ที่ว่า หากเดือนมิถุนายนดังกล่าว บริษัทผู้รับสัมปทานดำเนินการไม่สำเร็จด้วยประการใดๆ ต้องถูกปรับวันละ 1 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ(54 ล้านบาท) ในทางกลับกันถ้าเหตุที่ทำให้ล่าช้ามาจากการส่งท่อของ ปตท.ไม่ทันหรือด้วยประการใดๆ ปตท.ต้องถูกปรับเช่นเดียวกัน

            การทำงานของ ปตท.ดำเนินการตามหลักการทุกประการ ไม่มีปัญหาข้อขัดข้องใดๆ งานมีทีท่าว่าจะต้องแล้วเสร็จตามกำหนดเวลา และไม่เกิดผลเสียต่อการซื้อก๊าซจากประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใด เงื่อนไขสัมปทานดังกล่าวบังคับให้บริษัทนั้นต้องทำให้ได้และทันกำหนดสัญญา แต่ถ้าไม่ทันต้องมีเหตุอันควรพิจารณา หรือรัฐบาลประเทศนั้นๆเป็นผู้ยกเลิกสัญญาดังกล่าว บริษัทจึงจะไม่ต้องถูกปรับ

            สงครามแย่งชิงความได้เปรียบทางแง่กฏหมายและเงื่อนไขสัมปทานจึงเกิดขึ้น มีข้อสงสัยว่าเกมส์ที่เกิดขึ้นนี้ จะส่งผลกระทบอย่างไรต่อ ปตต.และรุนแรงขึ้นถึงระดับชาติบ้านเมืองหรือไม่

            ผู้เดินเกมส์คือ เอ็นจิโอกลุ่มหนึ่งกับสื่อบางฉบับ โดยการกล่าวอ้างความรักป่า ปรารถนาที่จะปกป้องป่าแบบถวายชีวิต ข้อสังเกตุ ฉบับอื่นๆไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนักและที่ป่าสาละวินป่าสักถูกตัดทุกวันๆละหลายร้อยต้น ไม่ยักไปรักมันบ้าง ที่นั่นมีของแจกจ่ายมากมาย(ไม่ใช่เงิน)

            คำถามต่อไปนี้ เป็น 10 คำถามที่อยากให้เอ็นจิโอตอบ พร้อมกับท่านผู้อ่านพิจารณาแล้วตอบในใจด้วย บางทีคำตอบอาจพบความน่าเอะใจบางประการ

            1. NGOsกลุ่มนี้ มีความเข้าใจและความรู้เรื่องป่าอนุรักษ์เพียงใด ข้อปฏิบัติตามแง่กฏหมายในเขตป่าอนุรักษ์คืออะไร การจัดการในเขตป่าอนุรักษ์กระทำได้หรือไม่ได้อย่างไร ถ้าจำเป็นต้องทำการพัฒนาในเขตนี้จะระวังเรื่องผลกระทบอย่างไรบ้าง เพราะว่าเอ็นจิโอกลุ่มนี้มักอ้างว่า การศึกษาของปตต.ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ครอบคลุม ผู้ทำการศึกษาเชื่อถือไม่ได้เพราะว่าจบปริญญาเอกมาทางด้านยีนเนติก แต่มาทำการวิจัยด้านนิเวศวิทยา ไม่ตรงกับเรื่องที่จะทำการศึกษาด้านนิเวศวิทยา

            การจบเป็น ดร.นั้นเขาสอนให้คนมีความคิดเป็นระบบ มีวิชาการที่ใช้เทียบเคียงกันได้ และมีวิสัยทัศน์กว้างไกล  ส่วน NGOs ต้อมถามตนเองด้วยว่าจบอะไรมาเช่นกันหรือไม่

            2. NGOs กลุ่มนี้เป็นองค์กรภาคเอกชนที่ถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบกลุ่มหนึ่งไม่มีแม้เงินทุนจะไปจดทะเบียนเป็นมูลนิธิด้านสิ่งแวดล้อมจำนวน 500,000 บาท  การใช้เงินใช้จากดอกผลหรือเงินต้นทุนของมูลนิธิ ถ้ามีเงินมากจริงทำไมไม่จดทะเบียนเป็นมูลนิธิหรือสมาคมที่ถูกต้อง

            3. NGOs กลุ่มอื่นๆที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมายแล้ว เหตุใดจึงยินยอมให้กลุ่มดังกล่าวซึ่งเป็นองค์กรเฉพาะกิจ และไม่มีสิทธิในการฟ้องร้องทางคดีความใดๆได้ เนื่องจากเป็นองค์กรเถื่อน ตอบได้ไหมว่าท่านยินยอมด้วยเหตุใด ได้เข้าไปศึกษาข้อมูลและข้อเท็จจริงด้วยตนเองหรือไม่ หรือเป็นเพียงการยินยอมเพราะว่าเกรงใจกันหรือเพราะว่าเห็นแก่พวกเดียวกัน

            4. NGOs กลุ่มนี้มีเป้าหมายอะไร ทำเพื่ออะไร มีความโปร่งใสและชอบธรรมในการเรียกร้องหรือไม่ ที่แน่ๆทำเพื่อใครกันแน่ เพื่อผลประโยชน์ขององค์กร เพื่อบริษัทที่ว่าจ้าง หรือเพราะว่าผลประโยชน์ในทางการค้าเฉพาะตัวหรือผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง เพราะพฤติกรรมชี้ไม่ชัดเจนเท่าใดนัก น่าเคลือบแคลงใจจริงๆ

            5. NGOs กลุ่มนี้ไปชักชวนประชาชนมาจากที่ไหน ในการเดินขบวนและบุกเข้าปิดป่า เพื่อยับยั้งการทำงานของบริษัทนั้นๆ(ต่อต้านตนเองหรือไม่) เท่าที่ทราบมากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือท่อผ่านหรือเฉียดไปใกล้บ้านหรือที่ดินของเขาแต่อย่างใด สามารถเปิดเผยรายชื่อผู้เข้าประท้วงได้หรือไม่ว่าเป็นใครมาจากไหน บ้านเลขที่เท่าไร บัตรประชาชนชื่อว่าอะไร ทำไม ถึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจบัตรประชาชน หมุนเวียนกันไปอยู่วันละกี่คน  แน่นอนว่าการมีส่วนร่วมเป็นสิทธิของทุกคน

            6. NGOsกลุ่มนี้ เอาเงินมาจากแหล่งใด ใครเป็นผู้บริจาคให้ เป็นจำนวนเงินเท่าใด ให้มาตั้งแต่เมื่อใด วัตถุประสงค์ของกลุ่มคืออะไร หรือเพื่อใช้ในการเดินขบวนปิดล้อมป่าอนุรักษ์ดังกล่าว  เพราะว่าทั้งหัวหน้ากลุ่มและลูกกลุ่มมีฐานะที่ไม่มั่นคงเท่าไรนัก ถ้ามีเงินมากจริงก็แสดงออกมาได้  จะได้สร้างความน่าเชื่อถือมากขึ้น          

7. NGOsกลุ่มนี้ มีแนวทางในการนำเสนอให้เกิดความถูกต้องและเป็นทางออกที่ดีได้อย่างไร การเรียกร้องมิใช่เพียงแค่การแหกปากร้อง หากแต่ต้องมีข้อเสนอที่ดีด้วย เช่นจะให้ระงับยับยั้งแล้วเปลี่ยนแนวท่อก๊าซ จะเปลี่ยนไปทางไหนจึงจะเกิดผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด NGOsมีงบประมาณและเวลาในการศึกษาหรือวิจัยหรือไม่ เพื่อเป็นบรรทัดฐานในการแสดงความรอบรู้ประกอบข้อมูลในการนำเสนอ เท่าที่ทราบไม่เคยมีการศึกษาเช่นที่ปกติเขาทำกัน แต่วัดค่าจากอารมณ์ ความรู้สึกและคิดเอาเองเป็นส่วนใหญ่ ไม่เป็นวิทยาศาสตร์แต่อย่างใด

            8. NGOsกลุ่มนี้ ไม่สงสัยเลยหรือไรว่า เหตุใดบริษัทผู้รับสัมปทานนั้นๆ จึงถวายฎีกาแก่พระเจ้าแผ่นดินของประเทศนั้นๆ เพื่อแสดงความรักป่า ในเมื่อผลการศึกษาของปตท.ระบุว่า เกิดผลกระทบมากมายหากเปลี่ยนเส้นทางไปตามถนนเก่าของเหมืองแร่ ในทางเทคนิคกระทำได้หรือไม่ เสียเงินเพิ่มมากน้อยเท่าไร ใครคือผู้ได้ผลประโยชน์ที่แท้จริง

            9. NGOs กลุ่มนี้รักประเทศชาติจริงหรือ เห็นแก่ผลประโยชน์ของบ้านเมืองจริงหรือ การแอบอ้างความรักป่ารักชาตินั้น ป่าและประเทศตอบไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้ว ในความรู้สึกของเขานั้นรักจริงหรือรักหลอกๆ เพราะว่าต้นไม้พูดไม่ได้  แผ่นดินก็พูดไม่ได้       

10. NGOsกลุ่มนี้จะมีความเข้าใจหรือไม่ว่า เพื่อผลประโยชน์ของบ้านเมืองโดยส่วนรวมแล้ว แม้ต้องทำลายมากกว่าต้นไม้เล็กๆ 4,000 ต้น(มีขนาดใหญ่เกินกว่า 100 ซม.ไม่เกิน 10 %แต่ที่สาละวินต้นสักทองใหญ่ๆทั้งนั้นหลายหมื่นต้น) ถ้าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดและถูกต้อง ก็สมควรต้องทำลายลงไป เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่ให้คุณค่ามากกว่า เป็นความยินยอมที่พร้อมใจด้วยเหตุผล

            กรุณาตอบด้วยความจริงใจ บ้านเมืองบอบช้ำจนสุดจะทนได้แล้ว  โชคดีที่เหตุเกิดในประเทศใกล้ๆกันนะเนี่ย แต่จำชื่อประเทศไม่ได้แล้วครับ แต่ที่ประเทศไทย ป่าสักผืนใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็นแหล่งพันธุกรรมที่สำคัญของประเทศ กลับไม่มี NGOs กลุ่มไหนๆในโลกนี้ไปให้ความสนใจหรือประท้วงกันสักรายเดียว ทำไมครับ