dely144.doc การเพิ่มศักยภาพของข้าราชการกรมป่าไม้
องค์กรสำคัญที่มีหน้าที่ในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติด้านป่าไม้และสัตว์ป่าของแผ่นดิน คือกรมป่าไม้ มีข้าราชการกรมป่าไม้เป็นผู้ปฏิบัติการ ถ้าข้าราชการมีขวัญกำลังใจดีย่อมมีผลต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ดีเช่นกัน ปัจจุบันนี้มีข้าราชการ 8,551 คน ลูกจ้างประจำ 8,637 คน รวมเป็น 17,188 คน จำนวนข้าราชการดังกล่าวพอเพียงในการป้องกันรักษาป่าไม้หรือฟื้นฟูป่าขึ้นใหม่หรือไม่ เพราะว่าที่ทราบมาแต่ละหน่วยมีข้าราชการที่ทำงานแห่งละ 1 คนเสียเป็นส่วนใหญ่ (วนศาสตร์และป่าไม้แพร่) จะเพิ่มศักยภาพได้อย่างไร
กรมป่าไม้มีข้าราชการกลุ่มใหญ่ๆอยู่สองกลุ่มคือกลุ่มที่ 1 นักวิชาการป่าไม้ เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะวนศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์(4ปี) เริ่มบรรจุเป็นชั้นตรีหรือซี 3 ในปัจจุบันนี้
ส่วนกลุ่มที่ 2 เจ้าพนักงานป่าไม้ เป็นผู้ที่จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตร จากโรงเรียนป่าไม้แพร่ สังกัดกรมป่าไม้(เรียน 2 ปี)หรือเทียบเท่าอนุปริญญา อันเป็นกำลังสำคัญในระดับปฏิบัติงาน เริ่มบรรจุเป็นชั้นจัตวาหรือซี2 แต่โรงเรียนป่าไม้แพร่ปิดไปแล้ว จึงเหลือจากสถาบันเดียวคือคณะวนศาสตร์ระดับปริญญาตรี
ในปีพ.ศ.2539 กรมป่าไม้ มีข้าราชการกลุ่มที่ 1 นักวิชาการป่าไม้หรือเเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้(ซี 3-10) จำนวน 1,686 คน ในจำนวนนี้มีกลุ่มที่ 2 ที่ไปศึกษาต่อแล้วปรับตำแหน่งไปตามวุฒิแล้วบ้าง ส่วนกลุ่มที่ 2 เจ้าพนักงานป่าไม้ หรือเจ้าหน้าที่บริหารงานป่าไม้(ซี 3-8 ) จำนวน 4,977 คน นอกจากสองกลุ่มนี้อีก 1,888 คนเป็นกลุ่มอื่นๆที่เป็นส่วนงานบำรุงของกรมทั่วๆไป
ปัญหาที่เกิดขึ้นและแนวคิดในการแก้ไขคือ
ปัจจุบันนี้ทุกหน่วยงานเป็นสหวิชาการ ต้องทำทั้งทางบริการ วิชาการป่าไม้และพัฒนาการ กำลังเจ้าหน้าที่ระดับปริญญาตรีมีพอเพียงในการทำงานหรือไม่ มีความจำเป็นต้องใช้นักวิชาการหรือผู้ที่มีระดับการศึกษาปริญญาตรีเพียงใด ปัญหาเจ้าพนักงานป่าไม้ระดับอนุปริญญาหรือประกาศนียบัตรได้ไปเพิ่มวุฒิแล้ว แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งตามวุฒิมีจำนวนมากขึ้น การเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ด้วยการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และเพิ่มงานในกรอบให้มากขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนคนขึ้นแต่อย่างใด จะทำได้หรือไม่ ถ้าทำได้จะเกิดผลดีต่อกรมป่าไม้หรือไม่
บัณฑิตจากคณะวนศาสตร์จบออกมาปีละกว่า 200 คน แต่กรมป่าไม้ไม่มีตำแหน่งงานบรรจุให้ในสายนักวิชาการประมาณ 1,000 คนเศษ(ตกงานสะสมมาหลายปี) ไปทำงานเอกชนบ้าง สิ่งแวดล้อมบ้าง ออป.งดรับเพราะหมดงาน ไม้อัดไทยก็เช่นกัน แต่กรมป่าไม้มีความจำเป็นที่อยากได้ให้บรรจุ
กรมป่าไม้ไม่มีตำแหน่งเพิ่มขึ้นตามนโยบายรัฐบาล และตำแหน่งใดเกษียณราชการไปแล้วก็ต้องคืนตำแหน่งให้กพ. แต่ปัจจุบันนี้กรมป่าไม้สามารถต่อรองขอคืนตำแหน่งเกษียณราชการกลับมาให้บรรจุบัณฑิตรุ่นใหม่ๆได้บ้างประมาณ 40 ตำแหน่ง ก็ไม่พอเพียงจะสอบบรรจุนักวิชาการป่าไม้ใหม่ทั้งหมด
กลุ่มที่ 2 ระดับประกาศนียบัตรป.ป่าไม้หรืออนุปริญญา ส่วนใหญ่ได้ศึกษาต่อด้วยทุนส่วนตัวจากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ปริญญาตรีส่งเสริมการป่าไม้ อันเป็นหลักสูตรต่อเนื่องจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์ของกรมป่าไม้คือวุฒิป.ป่าไม้มาหลายปี คณาจารย์ที่เขียนตำราก็คืออาจารย์จากคณะวนศาสตร์ ทบวงมหาวิทยาลัยรับรองปริญญาหรือปริญญาตรีอื่นๆในระดับปริญญาตรีต่อเนื่องอีกหลายสาขา แต่กรมป่าไม้ไม่ได้ปรับตำแหน่งให้ตรงกับระดับวุฒิ เพราะว่าการเข้าสู่ตำแหน่งครั้งแรก เป็นเจ้าพนักงานป่าไม้จัตวาหรือซี 2 น่าจะเป็นเหตุผลเก่า
การที่กลุ่ม1 มีไม่พอเพียงและกลุ่ม 2 มีจำนวนมาก และได้ไปศึกษาเพิ่มเติมมาแล้วแต่ยังไม่ได้ปรับตามวุฒิใหม่ ถ้ากรมป่าไม้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าพนักงานป่าไม้เดิมไปตามวุฒิระดับปริญญาตรีที่ได้ศึกษาเพิ่มเติม แม้ไม่ตรงสายวนศาสตร์เสียทีเดียว แต่ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้านป่าไม้มาจนเกิดความชำนาญงาน มีความรู้ มีประสบการณ์พอเพียง โดยขอปรับเปลี่ยนเป็นตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้หรือนักวิชาการส่งเสริมการป่าไม้ ตามจำนวนเท่าที่มีผู้ไปศึกษาต่อมา
เมื่อปรับเปลี่ยนจากสายพนักงานผู้ปฏิบัติมาเป็นนักวิชาการป่าไม้ตามวุฒิ ก็ขอเพิ่มศักยภาพในกรอบหน้าที่การงานได้มากขึ้น เรียกว่าให้ทำงานวิชาการได้อีกกลุ่มหนึ่ง ด้วยวุฒิปริญญาตรีต่างๆดังกล่าว ก็จะได้คนทำงานคนเดิมแต่สามารถเพิ่มหน้าที่การงานให้มากขึ้น
ผลดีที่จะเกิดขึ้นภายหลังจากมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งตรงระดับวุฒิแล้ว กลุ่มนักวิชาการใหม่ก็จะมีขวัญกำลังใจมากขึ้น มีโอกาสด้านความก้าวหน้าในตำแหน่งงานสูงขึ้น ได้งานวิชาการมากขึ้น แต่ที่แน่นอนเมื่อเกษียณราชการไปแล้วตำแหน่งนักวิชาการป่าไม้ที่จะขอคืนมาหาคนบรรจุใหม่ก็มากขึ้น นั่นคือส่งผลถึงบัณฑิตวนศาสตร์ก็จะมีอัตราการรับเข้าทำงานได้ตลอดไป
เป็นการเพิ่มวิทยะฐานะระดับตำแหน่งงานด้านวิชาการป่าไม้ด้วยระดับต่ำสุดปริญญาตรี ซึ่งในต่างประเทศก็ถือปฏิบัติกันเช่นนี้ หรือกรณีผู้ช่วยพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณะสุข ไปศึกษาต่อปริญญาตรีจากม.สุโขทัยระดับปริญญาตรีในสายวิชาการเกี่ยวกับสาธารณะสุข ก็ได้รับการปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้เป็นพยาบาลวิชาชีพเช่นเดียวกับพยาบาลปริญญาตรีจากโรงเรียนการพยาบาลหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งก็ยึดมั่นในกรอบการมีประสบการณ์ด้านนี้จนมีความรู้ความชำนาญและมีการเพิ่มการศึกษาต่อเนื่องแล้วเช่นกัน
การเปิดวิสัยทัศน์กว้างไกล เปิดใจรับการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการของโลก ของสิ่งมีชีวิต ของมนุษย์ ย่อมสำแดงถึงความเป็นผู้มีวิสัยทัศน์ อันสมกับยุคสมัยเป็นอย่างยิ่ง เชื่อว่ากรมป่าไม้จะได้บุคลากรที่มีศักยภาพ มีขวัญกำลังใจและมีคุณภาพในตัวบุคลากรเพิ่มมากขึ้น มาเป็นผู้ปฏิบัติงานที่เข้มแข็ง มีเอกภาพในการบริหารจัดการและน่าจะนำไปสู่ประสิทธิภาพของงานมากขึ้น ฯลฯ
มีเป็นจำนวนไม่น้อยที่จบวุฒิป.ป่าไม้ แต่ในปัจจุบันนี้แม้จะยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้สมกับวุฒิการศึกษาใหม่ ก็ยังคงมีเจ้าพนักงานป่าไม้ นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ไปเพียรศึกษาเพิ่มเติมจนถึงระดับปริญญาตรี-โทและเอกมากมาย แสดงว่าทุกคนใฝ่ศึกษาและต้องการการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
ต้องยอมรับความจริงประการหนึ่งว่า ทั้งนักวิชาการป่าไม้ที่จบระดับปริญญาตรี และป.ป่าไม้ เป็นพื้นฐานนั้น เมื่อออกมาปฏิบัติหน้าที่ในกรมป่าไม้แล้ว ต่างก็มีทั้งคนดีและคนไม่ดีผสมปนเปกันไป ซึ่งผู้เขียนได้ยินท่านอธิบดีกรมป่าไม้ นายสถิตย์ สวินทร กล่าวในที่ชุมนุมชนหลายครั้ง ฟังทีไรก็ประทับใจเสมอนั่นคือคำกล่าวที่ว่า “ไม่มีใครดี 100% แต่ต่อไปนี้จะทำดี” (Nobody perfect but do it good now)
ถ้าแนวคิดเรื่องการเพิ่มศักยภาพของบุคลากรได้รับความสนใจ ก็ขอได้กรุณานำไปใช้ด้วยครับ เพื่อประโยชน์ทั้งปวงของกรมป่าไม้และป่าไม้ของชาติ