ตอไม้ที่สาละวิน ตำใจคนทั้งชาติ
ใครเลยจะคิดถึงว่า ตอไม้ มีความสำคัญต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะกรมป่าไม้ซึ่งทำไม้ท่อนออกเป็นอาชีพมาหลายศตวรรษ ที่ป่าสาละวินต้นสักถูกตัดโค่นออกมาจากป่ามากมาย ไม่มีใครให้คำตอบได้ถึงจำนวนที่แท้จริง แต่เท่าที่ปรากฏออกมาสู่สายตาก็ช้ำใจพอแรง ครั้นจะไปนั่งนับตอก็ไม่แน่ใจว่าจะยังมีทรากให้นับได้หรือไม่ เรื่องตอไม้เคยมีประวัติศาสตร์มาแล้วครั้งหนึ่ง กรุณาติดตามครับ
ราวปีพ.ศ.2518 มีการตรวจจับไม้ท่อนพยุงที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ จำนวนเท่าไรก็จำไม่ได้ แต่ไม่น้อย คณะที่จับกุมเป็นเจ้าหน้าที่จากป่าไม้เขตอุบลราชธานีซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกินไปถึงจังหวัดยโสธร ศรีสะเกษและ สุรินทร์ ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของการจับกุมดำเนินคดีป่าไม้ จับแล้วก็บันทึกการจับกุม ตีประทับไม้ด้วยฆ้อนตราชนิดต่างๆ แสดงว่าถูกจับแล้ว หมดภาระหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้แต่เพียงนี้ เพราะว่าไม่ได้ให้สืบสวนสอบสวนแล้วส่งฟ้องเองแต่อย่างใด
ส่งคดีให้ตำรวจซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนตามอำนาจหน้าที่แล้ว ผ่านอัยการจังหวัดแล้วก็ตัดสินโดยศาลชั้นต้น ตัดสินโครมลงมาว่า พิสูจน์ไม่ได้ว่าไม้พยุงเหล่านั้นเป็นไม้อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติของประเทศไทย คดีสิ้นสุด ส่วนใครจะร้องกันต่อไปอย่างไรไม่ทราบ ทราบแต่ว่าข้อพิจารณาอยู่ที่ ตอไม้พยุง เจ้าหน้าที่ป่าไม้ไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่าอยู่ไหน อยู่ในป่าสงวนแห่งชาติไหน อยู่ในประเทศไทยหรือเปล่า คราวนั้นเรื่องนี้เจ็บปวดกันไปหลายคน เห็นอยู่กับตาว่าตอไม้กองอยู่ฝั่งประเทศเขมร แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ร้ายเก่งกว่าขุดตอไปทิ้งข้ามประเทศไปเลย
พอมีเรื่องจับไม้สักท่อนที่สาละวิน ตอไม้สักได้รับการตรวจพิสูจน์จากคณะกรรมการที่กรมป่าไม้แต่งตั้ง มีนายกิติ ศิริวัลลภ ผู้ตรวจการป่าไม้ระดับ 9 เป็นหัวหน้าคณะ มีผู้เชี่ยวชาญศาลในการพิสูจน์เนื้อไม้รวมอยู่ด้วย นายสุชาติ ไทยเพชร นักวิชาการป่าไม้ 7 ว. ส่วนวิจัยและพัฒนาผลิตผลป่าไม้ ได้พบว่า มีตอไม้ที่ต่อท่อนได้กับไม้ซุงท่อนที่ถูกจับกุมจำนวน 13,215 ท่อนได้เป็นบางท่อน บางท่อนต่อไม่ได้ เหตุผลก็คือ มีการตัดต้นไม้สักท่อนแล้ว ผู้ขโมยตัดปาดตออีกครั้งหนึ่งเป็นเขียงไม้สัก ทำให้การต่อท่อนพิสูจน์ทราบล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เขียงไม้สักอยู่บ้านใครกรุณาส่งมอบด้วย
หรืออาจจะตัดแล้วส่งเขียงลอยแพไปตามน้ำสาละวิน คงต้องไปตามหาเขียงดังว่าที่ปากอ่าว หรือเป็นของที่ระลึกอยู่กับใคร การตัดเขียงครั้งนี้ถือว่าเป็นวิชามารที่ใช้ได้อย่างมีระบบ มีความรอบคอบ มีความเชี่ยวชาญ มีความโปร่งใส ที่โปร่งใสก็เพราะว่าหาเขียงมาต่อกับตอและท่อนไม่ได้ ก็เสร็จดังเช่นเดียวกับตอไม้พยุงที่สุรินทร์ เห็นทีจะต้องพิสูจน์ ดีเอ็นเอ กันหรือเปล่า แล้วมันทำได้หรือไม่ก็ไม่รู้ มีคนหัวเราะกันมากเรื่องพิสูจน์ดีเอ็นเอของไม้สัก
เมื่อพิสูจน์ไม่ได้ว่า เป็นไม้สักจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรืออุทยานแห่งชาติสาละวิน ข้อหาก็เบาลงไปมากทีเดียว ข้อหาทำไม้ในป่าสงวนแห่งชาติสาละวินก็ไม่ได้เพราะว่าหาตอในเขตป่าสงวนไม่เจอเช่นกัน เหลือข้อหาเดียว มีไม้สักไว้ในครอบครอง ดีไม่ดีพอกระแสตก เกิดมีหลักฐานต่างๆจากไม้เชื้อจากพม่าตัวจริงมาแสดงขึ้นมา หลุดเอาง่ายๆเสียก็ไม่รู้ อย่าหลงกระแสนะครับ
พิษป่าสาละวินได้พ่นไปถูก พลตำรวจตรี พิทักษ์ เทียนทอง และคณะ ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ข่าวนี้เล่นเอาชาวป่าไม้ฮือฮามาก ไม่ทราบว่าจะมีลมสลาตันพัดผ่านมาถึงกรมป่าไม้หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ กรมป่าไม้ไม่เคยเกิดกรณีที่รุนแรงเช่นนั้นแต่อย่างใด สอบกันไปสักพักหนึ่งเรื่องก็ยุติ อีกชั่วเวลาไม่นานกลุ่มคนเหล่านั้นก็ได้รับการปูนบำเหน็จเช่นเคย ข่าวดังกล่าวจึงไม่น่ากลัวสำหรับคนกรมป่าไม้ เพราะเชื่อกันว่าที่ พลตำรวจตรี พิทักษ์ โดนนั้น เป็นเพราะนามสกุล
จะอย่างไรก็ตาม ที่กรมป่าไม้ก็ได้ออกคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง ที่ 747/2541 ลงวันที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2541 ลงนามแต่งตั้งโดยนายปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ ให้นายจรินทร์ อิฐรัตน์ เป็นประธานกรรมการ และคณะจำนวน 5 คน ผู้ถูกตั้งกรรมการสอบสวนตามคำสั่งนี้จำนวน 21 คน ล้วนแต่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับป่าสาละวินทั้งสิ้น เว้นแต่ผู้ที่ไม่ยอมรับว่าเกี่ยวข้องก็ร้องขอความเป็นธรรมกันต่อไป
ส่วนมูลความผิดตามที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ที่นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย แต่งตั้งรายงานนั้นคือ มีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในประเทศไทยจริง มีการชักลากไม้หรือนำไม้เคลื่อนที่ผ่านเขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสาละวิน หลายเส้นทางหลายวิธี รวมทั้งการสวมรอยเป็นไม้นำเข้าออกโดยเห็นว่าข้าราชการสังกัดกรมป่าไม้ดังกล่าวมีมูลความผิดและบกพร่อง มีพฤติการณ์ขาดความสนใจไม่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด มีส่วนสนับสนุนและเปิดโอกาสให้มีการกระทำผิดมีพฤติการณ์แสวงหาประโยชน์และสนับสนุนเปิดโอกาสหรือไม่ยับยั้งการกระทำผิด
ข้อที่น่าสังเกตุในคำสั่งนี้มีอยู่คือ ไม่มีการกล่าวอ้างมาตราใดๆ แต่ก็คับคล้ายคับคลา และ ไม่มีการกำหนดเวลาในคำสั่งการสอบสวนที่ชัดเจน แต่กำหนดว่า ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะเมื่อไรก็ไม่มีใครทราบได้ คนที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแต่ละครั้งแต่ละคน จะต้องทนทุกข์ทรมานสักปานใด เวลาที่ล่วงเลยไปแต่ละปีมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานมาก เงินเดือนก็มีปัญหา ถ้าผิดแล้วจบเรื่องก็สิ้นเรื่องไป แต่ถ้าไม่จบสักที นานเป็นสิบๆปี บางคนเกษียณราชการไปก่อนก็ยังมี เร่งหน่อยนะครับ
อย่างไรเสียกรมป่าไม้ก็ไม่เล่นกันแรงนัก ตีหัวพอน่วมๆ แต่มีหลายคนเสนอแนวคิดกันมากว่า ตราบใดก็ตามที่กรมป่าไม้บริหารจัดการคนไม่ได้ นั่นหมายถึงล้มเหลวไปแล้ว 50% การจัดการคนในที่นี้คือ การเอาคนเข้า การเอาคนออก และการรักษาคนไว้ให้มีกำลังใจปฏิบัติงานอย่างเข้มแข็ง หลักการบริหารจัดการเช่นนี้ไม่ว่าที่ไหนก็พึงปฏิบัติ การรักษาคนดีให้มีกำลังใจทำงานจึงยากที่สุด
ดังนั้น ข้อเสนอที่ว่าจึงมักลงเอยที่ พรบ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนพ.ศ.2535 มาตรา 107 ข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ใด มีกรณีถูกกล่าวหาว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรง จนถูกตั้งกรรมการสอบสวนหรือถูกฟ้องคดีอาญาหรือต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา ผู้มีอำนาจตามมาตรา 102 วรรคสาม วรรคสี่ หรือวรรคห้าแล้วแต่กรณี มีอำนาจสั่งพักราชการหรือสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวน ถ้าใช้มาตรานี้กันจริงๆอาจหลาบจำกันบ้างก็ได้ มีช่องว่างให้บริหารจัดการได้ เอามั้ย