Dely156.doc/20 มิย 41 สัมปทานป่าชายเลน ปิดแล้วจะเหลือป่าหรือไม่
จากการที่สหรัฐอเมริกาพยายามกีดกันทางการค้าเรื่องการนำเข้ากุ้งทะเลจาก 56 ประเทศ ที่ไม่ใช้เครื่องมือแยกเต่าทะเล ประเทศต่างๆได้ฟ้องร้องต่อ WTO เมื่อ 19 พย 2539 และได้รับชัยชนะ ต่อมาถูกกีดกันเรื่องนากุ้งทำลายป่าชายเลนและสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยโต้แย้งอย่างไรไม่ทราบ แต่กลับมีมติ ครม. 13 สค 2539 ให้ปิดสัมปทานป่าชายเลน และเร่งรัดตามมติ ครม. 16 กค 2539 เพื่อกำหนดมาตราการป้องกันและฟื้นฟูป่าชายเลน ปิดน่ะง่ายแต่ปิดแล้วป่าจะเหลือหรือจะหมดไป น่าห่วงใยจริงๆ ถึงแม้จะเสียดายรายได้จากการขายกุ้งปีละกว่า 50,000 หมื่นล้านบาท ก็ตาม
ต่อมามีมติ ครม.19 พย.2539 ให้ปิดสัมปทานป่าชายเลนและกำหนดมาตราการป้องกันภายหลังการปิดสัมปทานป่าชายเลน อย่างไรก็ดี นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.เกษตรฯไม่ลงนามสั่งปิด แต่มีคำสั่งจากกรมป่าไม้ให้ผู้รับสัมปทานชลอการทำไม้ จนถึงวันนี้ก็ 2 ปี เรื่องต่อเนื่องมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน โดยพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ประธานคณะทำงานติดตามผลการดำเนินงานเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ ต้องพิจารณามติ ครม.19 พย 2539 อีกครั้ง จะปิดดีหรือไม่
ป่าชายเลนได้ให้สัมปทานกันมามากกว่า 30 ปีหรือสองรอบอายุสัมปทาน ส่วนใหญ่ผู้รับสัมปทานรายใดเคยได้รับป่าไหนก็ได้รับซ้ำที่ป่านั้น เป็นอาชีพที่มั่นคงและสืบทอดถึงลูกหลานได้ หากกระทำตามเงื่อนไขและได้รับการตรวจสอบถูกต้องจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ป่าก็ยังเหลือดังที่ปรากฏอยู่จำนวน 899,797.82 ไร่ ป่าสัมปทาน 248 ป่า มีขอยกเลิกเอง 3 ป่า ตายและทายาทไม่ขอต่อ 1 ป่า ถูกเพิกถอน 1 ป่า เหลือ 243 ป่า เนื้อที่ 878,427.82 ไร่
ก่อน 2 กย.2539 ขอยกเลิกเอง 11 ป่า และ 2 กย 2539 ขอเลิกอีก 80 ป่า เหลืออยู่และไม่ขอยกเลิก 152 ป่า ในจำนวนนี้อยู่ในจังหวัดพังงา 70 ป่าเนื้อที่161,974.87 ไร่ เงื่อนไขขอเลิกคือ ไม่ขอจ่ายค่าเปิดป่าที่เหลือและขอคืนเงินค่าเปิดป่า ขอดอกเบี้ยเงินฝากและค่าปลูกป่าทดแทนตามเงื่อนไข
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ถ้ารัฐบาลสั่งปิดป่าสัมปทานดังกล่าว จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับสัมปทาน กรณีที่ผู้รับสัมปทานเหล่านั้นปฏิบัติถูกต้องมาตลอด แต่ถ้าผู้รับสัมปทานทำผิดเงื่อนไขสัมปทานถูกสั่งปิดได้ตามมาตรา 68 ทวิ แห่ง พรบ.ป่าไม้ 2484 ไม่ต้องเสียค่าชดเชย
ติดตามคณะทำงานฯไปประชุม(1-2 มิย 41)ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา(รองฯ)และนายอำเภอ ป่าไม้เขตนครศรีธรรมราช ป่าไม้จังหวัดพังงา ประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา พบปะกับผู้รับสัมปทานในท้องที่พังงา และสำรวจทางภาคอากาศพบว่า
ข้อมูลทั่วไปคือสัมปทานที่ให้อนุญาตไม่มีแนวเขตป่าที่ชัดเจน อาศัยแนวเขตธรรมชาติจำพวกห้วย คลอง ชายฝั่งทะเล ไม่มีรายละเอียดอื่นๆเช่นพื้นที่กันออกจากเขตป่าสัมปทาน หรือเขตที่ดินกรรมสิทธิ์ใดๆในป่าสัมปทานที่ให้ หรือสวนยางพาราเดิม การคำนวณเนื้อที่หยาบๆ จะโทษใครดี
เมื่อมีการบุกรุกเข้ามาในเขตป่าสัมปทาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ทั้งหน่วยจัดการป่าเลน ป่าไม้จังหวัดท้องที่ ป่าไม้เขตท้องที่ โดยหน้าที่ต้องตรวจสอบ จับกุมดำเนินคดี ซึ่งก็มีหลายรายที่เจ้าหน้าที่จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว แต่ถ้ามีมากขึ้นได้ก็ยิ่งดีต่อป่า ข้ออ้างคือ บุคลากรขาดแคลนส่วนใหญ่มีหน่วยละ 1-2 คน(ข้าราชการ) ภารโรง และพนักงานขับเรือ งบประมาณน้อยไปปีละ 200,000 บาท
เจ้าของสัมปทานป่าชายเลนมีหน้าที่หนึ่งคือป้องกันรักษาป่า ต้องแจ้งต่อหน่วยงานราชการเพื่อปกป้องป่าสัมปทานของรัฐบาลด้วย แต่ไม่ได้แจ้ง อ้างว่าเขาอ้างเอกสารสิทธิต่างๆมาแสดง กรณีนี้ฟังไม่ขึ้นเพราะว่าตนเองทำป่าสัมปทานมาแทบจะคนเดียวตลอด ถือว่าเพิกเฉยหรืออาจจะเป็นพวกเดียวกัน หรืออาจจะชี้ป่าขายให้กับใครหรือ เรื่องนี้ผิดเงื่อนไขสัมปทานเต็มประตูครับ
ฝ่ายปกครองและตำรวจ ทุกคณะเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายป่าไม้และรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นคณะอนุกรรมการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เมื่อมีการบุกรุกโครมครามต้องจับกุม แต่ก็เพิกเฉย เจ้าหน้าที่ที่ดิน ทั้งระดับอำเภอและระดับจังหวัด ได้รับคำร้องขอออกเอกสารสิทธิ์ด้วยเอกสาร สค.1 หากมีความซื่อสัตย์ย่อมทราบอยู่แก่ใจว่า ของจริงมันเป็นอย่างไร หมดไปหรือยัง นำกลับมาใช้ใหม่มั้ย
ที่ดินส่วนใหญ่จึงทำเป็นปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเคร่งครัด คือรีบดำเนินการให้แล้วเสร็จด้วยเล่ห์กลคือ ทำหนังสือขอทราบแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ ว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตหรือไม่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ไปชี้แนวเขตให้แล้วตอบไปว่า ไม่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ก็ออกเอกสารสิทธิได้ทันที น่าแปลกใจทำไมกล้าหาญกันจริงๆ
ที่สัมปทานป่าชายเลนจึงมีข้าราชการร่วมกับผู้รับสัมปทานเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามกฏหมาย เรื่องนี้ใครควรจะเป็นผู้ตรวจสอบแล้วยกเลิกสัมปทานไปตามมาตรา 68 ทวิ โดยไม่ต้องชดเชยค่าเสียหายแต่อย่างใด ส่วนการปฏิบัติงานตามเงื่อนไขสัมปทานที่ผิดอีกประการคือ วิธีการตัดต้นไม้จากป่าสัมปทานผิด ไม่เคยมีการตัดไม้ตามแนวที่กำหนดแต่อย่างใด เรียกว่าตัดเป็นแถว(Strip )แล้วเว้นแถวเพื่อให้ไม้ใหม่งอกและเติบโตเป็นป่าต่อไป แต่เรื่องนี้พูดยากเพราะว่าป่าสัมปทานทำกันมานานแต่กลับเหลือป่ามากมายกว่า 90%ของพื้นที่ป่าสัมปทาน ผิดวิธีแต่ป่าไม่หมดก็พูดยาก
วันนี้ได้พบความจริงว่า หากเล่นกันตามเงื่อนไขสัมปทาน ป่าสัมปทานชายเลนถูกปิดกันหมดแน่นอน ห่วงแต่ปิดแล้วมาตรการป้องกันรักษาและฟื้นฟูที่ใช้เงิน 2,300 ล้านบาทนั้นจะป้องกันได้จริงๆหรือไม่ ผู้ร่วมรับผิดชอบคือใครหรือกรมป่าไม้ทำแต่เพียงผู้เดียวอีกหรือ ในวันนั้น นายสมจิต ประมูลทรัพย์ นายก อบจ. พังงา ยืนยันว่าต้องทำเป็นคณะ(ทุกฝ่าย) ลำพัง อบจ.ก็ทำไม่ได้ อิทธิพลมันมากจริงๆ
ภาพรวมทรัพยากรป่าไม้เป็นสมบัติของคนทั้งชาติ โดยหน้าที่กรมป่าไม้คือผู้รับผิดชอบ แต่อย่างไรก็ตาม กรมป่าไม้ทำคนเดียวไม่ไหวแล้ว ทุกองค์กรต้องมีส่วนร่วมในการปกป้องทรัพย์อันมีค่ายิ่งของแผ่นดินไว้ให้ได้ ป่าชายเลนนั้นเปรียบเสมือนปราการกั้นภัยธรรมชาติที่สำคัญต่อพื้นที่ชายฝั่ง ทีเดียวครับ