Many31/16 กพ44 กกต. โกงกันตลอด
บ้านเมืองเรานี้เป็นประชาธิปไตยมายาวนานกว่า 60 ปี ฉีกรัฐธรรมนูญกันหลายฉบับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นการเปลี่ยนยุคสมัย เว้นวรรคจากการปฏิวัติบ้าง ร.ส.ช.บ้าง สภาปฏิรูปบ้าง ทีเด็ดมาลงที่รัฐธรรมนูญฉบับที่กล่าวอ้างกันนักหนาว่า เป็นฉบับแรกและฉบับเดียวที่ยกร่างโดยประชาชน เพื่อประชาชนและจะป้องกันการโกงกันได้ด้วยประชาชน
มีการกำหนดองค์กรอิสระที่เรียกย่อๆว่า กกต. มีนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่ครับ มีคณะกรรมการ 5 คน ที่ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีอิสระ เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความรู้และมีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วประเทศ 62 ล้านคน และมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการนำ โจรห้าร้อย เอ้ย สส.(แบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต) จำนวน 500 คน สู่สภา เพื่อบริหารประเทศชาติบ้านเมืองให้เป็นปึกแผ่นให้ได้ โดยหวังว่าจะไม่มีการโกงกันได้เสียที คนดีๆจะได้ลงเล่นการเมืองและเดินเข้าสู่สภาอย่างสมควรแก่การเคารพยิ่ง
ถือกันว่า 5 อรหันต์คือคนดีที่สุดที่เลือกสรรค์กันมาแล้ว มีประสบการณ์จากหน้าที่การงานมาอย่างสูงส่ง ส่วนใหญ่เป็นสายยุติธรรม ส่วนน้อยมีเพียงนายยุวรัตน์ กมลเวช มาจากสายปกครอง และนายโคทม อารียา จากสาย เอ็นจิโอ อาจารย์มหาวิทยาลัยผู้โด่งดัง ทุกคนมีเกียรติประวัติน่านับถือ เป็นที่ยอมรับในสังคมไทย แม้อาจจำยอมรับก็ต้องถือว่ายอมครับ เรียกว่า วุฒิภาวะคับแก้ว
แต่มาเห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อถือเอาก็ตอนที่คุณยุวรัตน์แกเล่นแต่งองค์ทรงเครื่องแบบสบายๆ ทุกครั้งที่เดินผ่านจอแก้วหรือหน้าสื่อสิ่งพิมพ์ ด้วยการใส่เสื้อยืด รองเท้าแตะ หน้าตาและผมเผ้ายุ่งเหยิงเป็นกระเซิง นั่งรวมกับอีกสี่คนที่ใส่สูท สง่าผ่าเผย ความรู้สึกน่าเชื่อถือของผมตกวูบลงไปชนิดติดลบ นี่มันตำแหน่งที่จะต้องสร้างความน่าเชื่อถือ น่าศรัทธา น่าเคารพ น่ายำเกรง และเหมาะสม แต่นายยุวรัตน์ดูถูกมิใช่เพียงเพื่อนร่วมคณะกรรมการ เพราะว่าทุกคนแต่งตัวภูมิฐานน่าเชื่อถือ และเหมาะสม แต่ดูถูกประชนทั้งประเทศด้วยการแต่งตัวตามใจฉัน ตามอารมณ์ เพราะคิดว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่คับแผ่นดิน จะทำยังไงก็ได้ เช่นนั้นหรือ
ผมไม่เชื่อว่าการทำงานหนักอย่างนายยุวรัตน์จะไม่มีเวลาแต่งตัวให้เหมาะสม แต่ผมเชื่อว่านายยุวรัตน์กำลังหลงตนเองอย่างชนิด ก็กูจะแต่งอย่างนี้ใครจะทำไม สื่อทุกสื่อก็ไม่มีใครกล้าแตะต้อง เพื่อร่วมงานก็คงมีความเป็นผู้ดีเกินกว่าจะออกปากทักท้วง แน่นอนนี่คือองค์กรอิสระแต่มิได้หมายความว่าตามใจฉัน ตำแหน่งหน้าที่ตรงนี้มันสำคัญมากใช่หรือไม่ ถ้าใช่ เหมาะสมหรือครับที่คุณแต่งตัวอย่างนั้น เห็นแล้วมันจะน่าเชื่อถือหรือไม่ คุณสมบัติผู้บริหารมันเป็นอย่างไรหรือ
ที่หนักไปกว่านั้น พอการเลือกตั้งเกิดขึ้น เป็นการเลือกตั้งวุฒิสมาชิก ก็ไม่มีความสามารถในการป้องกันการโกงกันได้เลย ต้องเลือกตั้งกัน 5 ครั้ง หมดเงินของแผ่นดินไปมากมายแค่ไหน เสียเวลาเสียเครดิต เสียรังวัด จนแทบไม่เหลือรูปมวยเอาเสียเลย ยิ่งพอมาถึงเรื่องเลือกตั้ง สส.สองแบบ ก็ยิ่งมองเห็นได้มากขึ้นว่า ระหว่างองค์กรอิสระ กับมหาดไทยทำนั้น มีความแตกต่างกันอย่างไร นี่คือผลพวงของนักวิชาการที่วางทฤษฎีไว้สวยหรู แต่ปฏิบัติจริงก็เห็นๆกันอยู่ เละตุ้มเปะ โกงกันตลอดทุกรอบ
ผมไปเลือกตั้ง ก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่า ทำไมต้องกาสองบัตร พอเดินจะไปหย่อนบัตร อ้าว มีกล่องให้หย่อนใบเดียว นึกเอะใจว่าทำไมต้องให้หย่อนบัตรสองประเภทลงในกล่องเดียว พอตกเย็นเห็นคุณโคทมออกทีวีว่า หลังเวลา 15.00 น. พอกล่องมาถึงที่รวมกอง ก็จะเริ่มเปิดกล่องแล้วแยกบัตรสองประเภทออกจากกันจนหมด หมดแล้วก็จะเริ่มนับทีละกองที่ละประเภท เวรแท้ๆ ถึงบางอ้อพอดี
ปรากฏว่า พอเปิดกล่องแยกบัตรก็เริ่มมั่วกันแหลก ชาวบ้านที่จ้างมาแยกบัตรเดินเข้าเดินออกได้ตามสบาย อ้างว่ายังไม่ได้กินข้าวบ้าง เข้าห้องน้ำบ้าง ใส่เสื้อวอร์มบ้าง หอบเสื้อวอร์มบ้าง ดูแล้วขาดความน่าเชื่อถือที่สุด เสียเวลามากมายโดยไร้เหตุผล และกว่าจะนับคะแนนกันได้ก็มั่วกันอีก อ่านผิดเบอร์เราก็ไม่รู้ เพราะว่ามองไม่เห็น ไฟฟ้าก็แสงเหลืองๆ สงสัยเจตนากระทำการให้มั่วๆเข้าไว้
เลือกตั้งครั้งนี้สูญเสียเงินของแผ่นดินไปกว่า 3,000 ล้านบาท (สามรอบ) มหาดไทยทำมาทุกครั้งยังหมดเงินแค่ 500 ล้านบาท โกงกันก็น้อยกว่า ขบวนการก็น่าเชื่อถือกว่า แล้วก็ไม่เห็นจะต้องแสดงภูมิปัญญาให้ใส่บัตรสองชนิดลงกล่องเดียวกัน แล้วก็มาเทกล่องแยกบัตรสองชนิดออกจากกันอีกครั้ง ว่ากันว่าแนวคิดนี้คนหัวดื้อที่ชื่อยุวรัตน์ไปฟังเขามาแล้วก็ตะแบงจะเอาอย่างนี้แหละ จะเสียเงินอีกกี่สตางค์กันครับ กับแค่เพิ่มกล่องห่วยๆ อีกเท่าตัว อ้างเข้าไปได้ยังไงก็ไม่ลบภาพภูมิปัญญาได้หลอก กรรมจริงๆ