นิยามของคำว่า โฮมสเตย์
ถ้าพูดถึงที่พักของนักท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท เป็นภาพที่ชินตาและตรงประเด็น แต่กิจกรรมการสร้างสถานที่ดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่สำหรับแหล่งท่องเที่ยวใหญ่ๆ ความรู้สึกของคนทั่วไปจึงรู้สึกแพงและหรูหราสมราคาของสถานที่ การบริหารโรงแรมและรีสอร์ทจึงเป็นกระบวนการจัดการที่กว้างขวาง ใช้ทรัพยากรมนุษย์ มีเงินทุนยาว อุปกรณ์สิ่งอำนวยความสะดวกเพียบ การคมนาคม การสื่อสาร การตลาด อันเป็นสหวิชาการที่ผสมผสานอย่างชาญฉลาด ผู้บริหารต้องมืออาชีพ ไม่งั้นเจ๊ง
Chill house บางเบ้า
กลุ่มทุนที่ทำเรื่องดังกล่าวจึงต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยกว่าจะตัดสินใจลงหลักปักฐานธุรกิจ การศึกษาวิเคราะห์หาความเป็นไปได้ ความน่าจะเป็น และความผิดพลาดที่ต้องระวังเลข “0” ผลกระทบที่เกิดกับท้องถิ่นเป็นมุมกว้าง รายได้จากการท่องเที่ยวในภาพที่เอื้อประโยชน์ถึงภัตตาคาร ร้านค้าของฝาก ของชำร่วย รายเล็กรายใหญ่จะเกิด เรียกว่าเป็นผลพวงจากการท่องเที่ยวระดับจังหวัดหรือระดับประเทศ
ต่อมาได้เกิดวิวัฒนาการการท่องเที่ยวก้าวไกลและลงรากลึกถึงรากหญ้า ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่เรียกว่า โฮมสเตย์ (Home Stay) ขณะนี้ได้รับการสนองตอบจากชุมชนอย่างกว้างขวาง ลองทบทวนดูสักนิดท่าจะดีว่า โฮมสเตย์ นั้นแท้ที่จริง เขาเหมารวมอะไรไปด้วยบ้าง หรือจะเรียกว่าองค์ประกอบของคำว่าโฮมสเตย์มีอะไรบ้างก็ได้
มันเริ่มต้นที่ว่า บ้านที่อยู่อาศัย เจ้าของบ้านอยู่อย่างไรก็อยู่อย่างนั้น ไม่ต้องไปต่อเติมแบบแยกหลัง แต่อาจจะเพิ่มห้องหรือขยายบ้านให้หรูหรา ซึ่งผิดไปจากธรรมชาติดั้งเดิมที่ชีวิตความเป็นอยู่เดิมๆของเขา เพียงแต่อาจจะเพิ่มที่นอนหมอนมุ้ง ห้องน้ำห้องสุขาให้สะอาดขึ้น วีถีชีวิตความเป็นอยู่เคยอยู่เคยทำอย่างไรก็อยู่ย่างนั้น อาจต้องเพิ่มเวลาให้กับแขกที่เข้าพักอีกหน่อย เช่นเล่าเรื่องราวในท้องถิ่นหรือวิถีชีวิตการทำกินให้ฟัง
ลงข่ายในแม่น้ำ
เรื่องอาหารการกิน กินอยู่อย่างไรก็ทำกินปกติแต่ให้เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักว่า จะขัดบัญญัติของศาสนาหรือไม่ เช่นไปอยู่ชุมชนอิสลามแต่จะเอาหมูผัดพริกขิงไปกิน หรือไปอยู่บ้านที่กินมังสวิรัติแต่อยากกินแกงไก่ไทยตัวอ้วนๆ วัฒนธรรมการทำและการกินของแต่ละชุมชนนักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสอย่างถึงกึ๋น และอาจจะเพิ่มวิถีชีวิตของชาวไทยภาคกลางที่ต้องไปทอดแห ลงข่าย วางลอบ ธงเบ็ด หรือแม้แต่ใช้ฉมวกแทงปลาในยามค่ำคืนตามริมฝั่งแม่น้ำลำคลอง เป็นอีกเรื่องราวที่สร้างความซาบซึ้งตรึงใจ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่ชาวบ้านเขารู้และเป็นอยู่
ถ้าไปในฤดูน้ำลงกุ้งปลาจะออกจากท้องทุ่งลงสู่แม่น้ำที่มีน้ำลึกกว่า การยกยอปลาและยอกุ้งฝอยมาทำปลาร้า กะปิ หรือพล่ากินเป็นอาหาร ล้วนมีความน่ารักปนอยู่ หรือการหาผักหญ้าจากท้องถิ่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติ เช่น ดอกโสนริมคลอง ผักบุ้งยอดอวบๆริมน้ำมาแกงเทโพ หรือต้มจิ้มน้ำพริก นักท่องเที่ยวต้องช่วยกันหาช่วยกันทำ ยิ่งไปในถิ่นชาวเขาหรือต่างชนชาติยิ่งมีวัฒนธรรมการกินและประกอบอาหารแตกต่างออกไปอีก อาจต้องไปเก็บผักกูดริมห้วยในหุบเขา ใบมันปลาในป่าหลังหมู่บ้าน หรือใบชะพลูมาแกงคั่วหอยขมจากท้องห้วย
การละเล่น การแสดง การรำโทน ร้องเพลงอีแซว ภาคกลาง ฟ้อนแหงนทางภาคเหนือ เพลงรองเง็งภาคใต้ อาจจ้างเยาวชนหรือละคร หรืออยากจะหัดตีระนาดถ้าไปพักค้างบ้านของวงระนาด อยากนวด อบตัวด้วยสมุนไพร เดี๋ยวนี้ทุกชุมชนมีให้ใช้บริการได้มากขึ้น เป็นแบบแผนโบราณขนานแท้และราคากันเอง ผ่อนคลายหายเหนื่อยจากสังคมเมืองและเย็นเยียบไม่ร้อนรน ด้วยเป็นความสุขที่มีอยู่อย่างเรียบง่าย
กู้ลอบดักปลา
ค่าใช้จ่ายถ้าเป็นโรงแรมก็แยกค่าที่พัก ค่าอาหาร และค่าเครื่องดื่ม แต่โฮมสเตย์เหมาจ่ายเป็นรายหัวที่รวมทั้งที่พัก อาหาร เบ็ดเสร็จในคราวเดียว เป็นรายได้เสริมให้กับชาวบ้านที่เปิดบ้านให้พักค้างและเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้าน รายได้ตกถึงท้องถิ่นโดยตรง เว้นแต่บ้านที่ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาบ้านให้เป็นโฮมสเตย์ เที่ยวแบบนี้นักท่องเที่ยวประหยัดเงินได้อีกหลายตังส์ รู้สึกสบายๆ ไม่เครียด นุ่งผ้าขาวม้าเดินเล่นก็ได้
นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมรีสอร์ทซึ่งใช้ทฤษฎี “บริการคืองานของเรา” จะกินน้ำสักแก้วก็จะมีคนรินน้ำมาเสิร์ฟ อาหารรอทุกเวลาที่ห้องอาหาร มีบริการเบ็ดเสร็จ ที่นอนปูด้วยความเรียบร้อย ผ้าปูตึงเปรียะ(อดีตรูมบอยโรงแรมนารายณ์เก่า) แต่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโฮมสเตย์ซึ่งใช้ทฤษฎี “ญาติมาเยี่ยมเยืยน” จะกินน้ำสักแก้วก็ต้องลุกไปหากินเอง อยากกินน้ำพริกก็ต้องช่วยกันตำช่วยกันโขก และถึงเวลาจะนอนก็แบกที่นอนไปปูนอนกันได้ตามใจชอบ
รีสอร์ทหรูและบังกาโลราคาถูก แต่ก็ไม่ใช่โฮมสเตย์
นิยามของคำว่าโฮมสเตย์จึงไม่ใช่การสร้างกระต็อบแยกออกไปในบริเวณบ้าน หรือบังกะโล หรือห้องแถว หรือห้องตามขอบบ่อปลา หรือกระชังปลา มีอาคารร้านอาหารที่ต้องมานั่งกินรวมกัน แต่ไปพักบ้านไหนก็กินกับบ้านนั้น หรือการพาล่องเรือในแม่น้ำยามค่ำคืนแต่เปิดเพลงดิ้นกันเรือแทบล่ม พฤติกรรมโฮมสเตย์จึงแตกต่างจากรีสอร์ท แพเธค โรงแรม จ้า
พฤติกรรมนักท่องเที่ยวที่ดูรายการทีวี อ่านจากสื่อสิ่งพิมพ์ เมื่อไปท่องเที่ยวจึงมักยึดติดกับค่านิยมการบริการ และพยายามที่จะให้ได้รับการบริการเหมือนโรงแรม ประกอบกับผู้ประกอบการโฮมสเตย์จำนวนมากก็ยึดติดกับอุปนิสัยคนไทย แขกมาเยือนบ้านเรือนก็บริการด้วยน้ำใสไมตรีเสมอ ภาระการต้อนรับขับสู้ก็ทำให้เกิดความเหนื่อยยากและลำบากมากขึ้น เอาใจพ่อตัวดีประจำบ้านก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ยังจะต้องมาเอาใจผู้มาเยือนอีกก็เหนื่อยแย่
ปลาที่หาได้ วิถีชีวิตชาวประมง
หลักการโฮมสเตย์จึงเป็นบ้านหลังเดิมที่เพิ่มเครื่องนอนหมอนมุ้ง ถ้วยโถโอจาน และความสะอาด พฤติกรรมเจ้าบ้านเคยเป็นชาวสวน ชาวไร่ ชาวนา คนตอนต้นไม้ เก็บผลไม้ขาย ก็ให้เป็นอย่างนั้นต่อไป เพิ่มเติมความสดใสด้วยการชวนเชิญญาติผู้มาเยี่ยมเยือนร่วมทำกิจกรรมที่ทำอยู่ด้วย เล่าเรื่องราวชีวิตความเป็นอยู่หรือหมู่บ้านให้ญาติผู้มาเยือนได้รับรู้และจดจำ จะกินต้องช่วยกันหาและทำ จะอยู่ต้องช่วยกันปูและเก็บเครื่องนอน
ผักสดแกล้มหลน เห็นแล้วอยากกิน
มีโฮมสเตย์หลายแห่งเล่าให้ฟังว่า นักท่องเที่ยวที่มาเยือนมักกลับมาหลายรอบจนแทบจะเป็นญาติสนิทกันไปแล้ว เงินทองแทบไม่อยากได้แต่ก็จำใจต้องรับเพราะค่าใช้จ่ายมันมี ส่วนนักท่องเที่ยวก็ยืนยันว่ามาแล้วสบายใจเหมือนได้กลับบ้านมาเยี่ยมญาติ ต่างก็รู้สึกยินดีปรีดาที่ได้พบกันอีกครั้ง นี่คือคุณค่าแห่งมิตรภาพที่เกิดขึ้นอย่างลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม
เรื่องนี้ก็ขอได้ทำความเข้าใจกันด้วยว่า โฮมสเตย์นะคร๊าบไม่ใช่โรงแรม
ถ้ามีเรือล่องท่องเที่ยวด้วยอย่างที่แม่น้ำสะแกกรัง แจ๋ว