http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,956,801
Page Views16,263,102
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

สะล้อซอซึงกับขันโตกดินเนอร์

สะล้อซอซึงกับขันโตกดินเนอร์

                                    สะล้อซอซึงกับขันโตกดินเนอร์  อดีตที่ถวิลหา

                         
                                                   ฟ้อนแหงน หรือตามสำเนียงเหนือว่า ฟ้อนแง้น

                       แม้วันนี้  ผมจะจากเมืองน่านมานานนับสิบๆ ปีแล้วก็ตาม (2531-2552) แต่ผมไม่เคยลืมเพื่อนร่วมงาน พี่น้องผองเพื่อนในท้องถิ่นที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่เช่นที่อำเภอเวียงสา-นาน้อย- นาหมื่น (ช่วงปี 2521-2531) เมืองในหุบเขาน้อยใหญ่ เมืองที่มีที่ราบทำนาได้น้อย เมืองที่เงียบสงบและมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เป็นชีวิตจริงที่ผมได้สัมผัสมาอย่างลุ่มลึก และซาบซึ้งใจในไมตรีของเพื่อนๆ คนบ้านป่าเมืองดอยที่มีจิตใจงดงาม มีน้ำใจไมตรี มีศีลและธรรมะแนบเนื้อนาใจ ทำให้ผมคิดถึงอยู่เสมอ และยังจะวนเวียนกลับไปทุกปีๆ(มูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์  และมูลนิธิเฮียะ เปาอินทร์) แม้ว่า วันนี้เพื่อนผู้จากไปของผมจะลาลับไปสู่สรวงสวรรค์แล้วก็ตาม อาจารย์ประจักษ์ กาวี เพื่อนผู้รักศิลปะการฟ้อนในเสียงเพลงพิณหรือสะล้อซอซึง
                ด้วยรูปโฉมโนมพรรณที่สูงใหญ่ ผิวคล้ำแต่อิ่มเอิบ ยิ้มแย้มพรายด้วยสายตาและปากอยู่เสมอ เคล้าคลอด้วยน้ำเสียงที่นุ่มกังวาล ยิ่งเมื่อยามที่เข้าบทบาทของการฟ้อนประกอบดนตรีพื้นบ้านอย่างสะล้อซอซึงด้วยแล้ว วิญญาณของศิลปินเปล่งประกายเฉิดฉายให้เห็นด้วยความนิ่มนวล สวยงาม และลีลาออดอ้อนออเซาะเยี่ยงคนมีไฟหัวใจรักในศิลปวัฒนธรรมแสนงามของถิ่นเหนือ 
 "น่าน" เมืองประเทศราชที่ครองความเป็นคนเมืองอย่างสมภาคภูมิ   
        

                                             
                                                                    ลีลายั่วเย้ายักยวนชวนเชิญ


                  วันหนึ่งนึกสนุกกันขึ้นมา ผมร้องขอให้อาจารย์ประจักษ์ กาวี เพื่อนที่เคารพนับถือ ให้ฟ้อนประกอบดนตรีพื้นบ้าน สะล้อซอซึง เต็มรูปแบบ ซอ(ขับขาน)ให้ผมฟังด้วยนะ ผมขอร้องเพื่อนในกลุ่มหิ่งห้อยน้อยแสง นำขบวนโดยอาจารย์มิ่งขวัญ เข็มหทัยกุล(ใจปอด) และกลุ่มเพื่อนๆ แต่งชุดพื้นบ้านเมืองน่านเต็มที่ ส่วนผู้หญิงนำโดยอาจารย์พิกุล (ภรรยา อาจารย์มิ่งขวัญ) อาจารย์เทียนทอง พัฒนใหญ่ยิ่งและครอบครัว โอย ตื่นตกใจเลยเมื่อคุณดวงชีวัน โกมลเสน อดีตดาราคนดังจอแก้วและจอเงิน มาร่วมด้วยอย่างเริดอลังการ
                   อย่างที่เห็นในภาพครับ ทั้งสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ มันกลายเป็นภาพที่ผมไม่เคยลืมเลือนไปจากใจเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับลีลาฟ้อนของอาจารย์ประจักษ์และน้องๆศิลปินพื้นบ้านบุตรหลานศิลปินแห่งชาติ พ่อคำผาย นุปิง ทีท่าที่อาจารย์เหยาะเยื้องนุ่มนวลปานนกกระเรียนโผผินบินร่อนลง เข้าบทช่วงจังหวะ "ฟ้อนแหงน" ผมรีบควักแบงค์ร้อยแล้ววางลงตรงด้านหลังของศิลปินสาว แล้วหล่อนก็ร่อนร่ายให้ไหวเอนลงทีละน้อยๆ จนปลายผมยาวสยายแตะพื้น แต่นั้นยังไม่พอ หล่อนโอนอ่อนร่อนลงจนแหงนหงายใช้ปากคาบแบงค์ร้อยได้อย่างสวยงาม ส่วนอาจารย์ประจักษ์นั้นสวมบทฟ้อนต้อนสาวพราวด้วยลีลาหวานจับใจ ดูในภาพซี เฮๆๆ
                   แค่นั้นยังไม่พอผมร้องขอให้ตั้งสำรับกับข้าวแบบทางพื้นบ้านเมืองน่าน หรือว่าแบบล้านนา เรียกกันโก้ๆว่า ขันโตกดินเนอร์ บนโตก หรือ โต๊ะหวายสานขนาดเตี้ยๆ (ดูในภาพ) พร้อมด้วยอาหารพื้นเมืองน่านทุกชนิด เช่น แกงอ่อม น้ำพริกอ่อง ผักกับแกล้มที่ขาดไม่ได้ก็ฟักทองนึ่ง มะเขือเปราะหนุ่มกำลังดีนึ่ง น้ำพริกหนุ่ม  แหนม ไส้อั่วหอมเครื่องเทศ ลาบคั่ว  แกงแคผักรวมพื้นบ้าน ลืมไม่ได้ก็แคบหมู ข้าวเหนียว(นึ่ง)ใส่กระติบข้าวแล้วจิ้มใส่ปาก กินไปก็ฟังและชมด้วยหัวใจที่พองโต สนุกและซึ้งกับบาทบาทที่ทั้งร้องและรำของอาจารย์ประจักษ์ กับคณะ มันเป็นภาพฝังใจให้ผมอยากกลับไปเมืองน่าน ขอเพียงได้ไป และสูดกลิ่นอายแห่งความหลังแสนสุขใจ 
                   หลังการแสดง เพื่อนๆ ของผมได้ร่วมกันรับประทานอาหารขันโตกดินเนอร์อย่างมีความสุข และนั่นคือบทส่งท้ายที่ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมจะได้พานพบอาจารย์ประจักษ์ กาวี ผู้แสนดีกวีศิลป์ของผมเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อผมได้รับทราบข่าวอีกครั้งก็ต้องตกใจแทบร้องลั่น อาจารย์ประจักษ์จากผมและเพื่อนๆไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ผมก็ได้ใช้ภาพจากงานเลี้ยงขันโตกมื้อนั้นลงจารึกในนิตยสารทราเวลแอนด์สปอร์ทอย่างสวยงาม
                  วันนี้ผมกลับมาใช้ภาพที่นิวัตร เปาอินทร์ ศิลปินดีเด่นจังหวัดระยอง เป็นผู้บันทึกภาพไว้อย่างสวยงาม อย่างคุ้มค่าราคาแห่งศิลปินทั้งสอง ทั้งผู้ฟ้อนและผู้ถ่าย เพื่อบันทึกไว้ให้อนุชนรุ่นหลังๆได้รู้ ได้เห็น และได้จดจำไว้ว่า ครั้งหนึ่ง ชายคนนี้ได้สร้างความอภิรมย์ให้กับคนเมืองน่านและแขกที่เคยเข้ามาเยี่ยมเยียนหลายครั้งหลายครา ประกาศให้โลกรู้ว่า เมืองน่านมีศิลปะและศิลปิน ผู้มีความสามารถอันประเมินคุณค่ามิได้เช่น อาจารย์ประจักษ์ กาวี
  
                                 
                                                ขันโตกอาหารพื้นเมือง               แต่งชุดเจ้าหญิงล้านนา

                 คณะนักดนตรีและเครื่องดนตรีประกอบการฟ้อนสะล้อซอซึงมื้อนี้ คณะหนึ่งรวมกันประมาณ 7 คน คือ ช่างซอชาย 1 คน หญิง 2 คน นักดนตรีผู้ดีดพิณหรือปิน(ซึง) 2 คน มือสะล้อ 1 คน หัวหน้าวง 1 คน อันว่า ซึงหรือพิณ เป็นเครื่องดนตรีประเภทดีด มีคันโครงเป็นไม้สัก ซะส่วนใหญ่เพราะว่ามีน้ำหนักเบาและทนทาน ขุดโพรงบางส่วน  ลวดเป็นสาย 2 คู่ มีมือขันลวดให้ตึงตามเสียงที่ต้องการ หรือการปรับเสียง การดีดใช้พลาสติกแทนนิ้วมือ กีต้าเมืองน่านว่างั้นเถอะครับ
                  สะล้อ(ซอ) คล้ายคลึงกับซออู้ซอด้วงของเครื่องดนตรีไทย เป็นเครื่องดนตรีประเภทสี มีทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ตัวสะล้อประด้วยคันทวน ท้ายทวนและลูกบิด กะลามะพร้าวคือจุดเกิดเสียง คันชักเป็นไม้ไผ่ ขึงด้วยเอ็นไนล่อนเพื่อทำให้เกิดเสียง สายลวดมี 2-3 เส้นที่ขึงจากปลายคันมายังตัวสะล้อ(กะลามะพร้าว) นอกจากนี้ก็ยังมีปี่จุ่ม ขลุ่ย  ครบถ้วนกระบวนเครื่องดนตรีแล้ว ก็ถึงตัวเอกของเรื่อง ช่างซอ จะไพเราะแค่ไหน จะสนุกและน่าดูเพียงใดขึ้นอยู่กับช่างซอกับลีลาลูกเล่นในบทเพลง 
                   ในจังหวัดน่าน มีศิลปินแห่งชาติ สาขา ศิลปะการแสดงดนตรีพื้นบ้าน 2 คน อันได้แก่ พ่อไชยลังกา เครือเสน ได้รับรางวัลเมื่อปีพ.ศ.2530 และต่อมาในปีพ.ศ.2538 พ่อคำผาย นุปิง ก็ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติเป็นคนที่ 2  กล่าวสำหรับอาจารย์ประจักษ์ กาวี (คณะแสงหิ่งห้อย) ผู้เป็นศิลปินในดวงใจของผม และเพื่อนพ้องน้องพี่ชาวเมืองน่าน นั้น ท่านได้มาด่วยเสียชีวิตไปเสียก่อนตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น จึงไม่ได้รับรางวัลศิลปินแห่งชาติ แต่ผมและเพื่อนจดจำได้เสมอไป
                    วันนั้น อาจารย์ประจักษ์ กาวี ได้ร่ายบทเพลงตามบทกลอนของช่างซอฝีปากเอก ทำนองละม้ายเชียงแสน อันเป็นทำนองแม่บทหรือเพลงเก๊า หรือเพลงต้น ซึ่งเนื้อหาในบทเพลงจะเป็นคำพังเพยหรือสุภาษิต คำเปรียบเทียบเปรียบเปรย คำคม คำพรรณา โวหาร คำบรรยายธรรมชาติแสนงาม ความสวยสมแห่งเรือนร่างสตรี หรือหนุ่มเหน้าเจ้าคนคม หรือคำเพลงที่กินใจให้จดให้จำ แล้วตามด้วยบทเพลง "ซอล่องน่าน" 

                                          
                                                   ที่ระลึก

                    ส่วนทำนองจะปุ ที่เมืองน่านเรียกกันว่า ทำนองจ๊กก๊ก ขับขานกันเป็นเพลงคั่นสั้นๆ  ต้นตำนานเพลงพื้นบ้านเมืองน่านขนานแท้นี้ ว่ากันว่าเริ่มมาตั้งแต่พญาการเมือง อพยพผู้คนลงจากเมืองวรนคร(ปัว) ล่องแม่น้ำน่านมาเพื่อตั้งเมืองใหม่ที่เมืองภูเพียงแช่แห้ง ปัจจุบันเป็นวัดพระธาตุแช่แห้ง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำจังหวัดน่าน บทเพลงซอล่องน่านที่ปู่มาและยายคำขับขานจึงได้รับความนิยมตลอดกาลเวลาอันยาวนาน 
                    บทเพลงมากมายหลายร้อยเพลง เช่น ซอพม่าน่าน เพลงเงี้ยว พม่าเชียงใหม่ เพลงอื่อ ซอปั่นฝ้าย ซอพระลอ  ซอมะกึ่งมะกาง ซอยิ่น  คำคืนที่ผันผ่านมาแสนนาน เพลงซอวันเกิดของอาจารย์ ประจักษ์ กาวี ยิ่งเพิ่มสีสันความสนุกให้กับพวกเราเหล่าเพื่อนๆ ได้อย่างขนานใหญ่  ม่วนขนาด
                     คืนวันผันผ่านไปดุจสายน้ำที่ไม่เคยไหลกลับ แต่ในความทรงจำสุดแสนประทับใจไมตรีและบทเพลงประกอบลีลาของ ช่างซอที่ชื่อ อาจารย์ประจักษ์ กาวี ยังตราตรึงใจไม่เคยลืมเลือนเลย เมื่อยามใดที่ได้เห็นภาพสาวๆ สวมเสื้อผ้าเครื่องแต่งองค์ด้วยผ้าลายน้ำไหลของเมืองน่านแสนงามนั้น ผมอดคิดถึงวันคืนเก่าๆ เช่นค่ำคืนวันนั้น ซึ่งมีความหมายอยู่เสมอ เหมือนกับที่บทเพลงหนึ่งขึ้นต้นคำว่า "คิดถึงอยู่เสมอ  เธอผู้อยู่ในใจ ........."       
                  
                   

Tags : Art & culture

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view