http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,009,749
Page Views16,318,920
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ผีตาโขนที่เมืองด่านซ้าย

ผีตาโขนที่เมืองด่านซ้าย


ผีตาโขนเมืองด่านซ้าย ฮัลโลวีนแบบไทยๆ 


         การละเล่นพื้นถิ่นหลากหลายได้กลายเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวที่ทรงคุณค่าแก่ท้องถิ่นนั้นๆมามากต่อมาก ผีตาโขนก็เช่นกัน วันนี้ได้กลายเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวที่ช่วยให้เมืองด่านซ้าย จังหวัดเลย โด่งดังไปทั่วโลก มิใช่เป็นเพียงการละเล่นในงานบุญหลวงเช่นแต่เก่าก่อนอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นงานมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ สวยงาม และน่าตื่นตาตื่นใจอย่างไม่น่าเชื่อ และจัดไม่ตรงกับงานบุญหลวงอีกต่อไป

                 
                                
เหยาะย่างต่างม้าย่อง อุอุ!!

          ผมเดินทางไปกับเพื่อนรุ่นน้องในวงการสื่อ คมชัดลึก คุณไตรเทพ ไกรงู รวมกันทั้งคันเพียง 6 คน จากกรุงเทพรถยนต์ไต่ไปตามถนนสายกรุงเทพ-สระบุรี แล้วแยกไปสายพุแค-หล่มสัก(21) ถึงหล่มสักวิ่งไปตามถนนสาย 203 ถึงอำเภอด่านซ้าย ระยะทาง 400 กม.เศษๆ แยกขวาก็ไปภูเรือและเลย ใช้เวลาเดินทางแบบสบายๆ เหนื่อยก็พัก 5-6 ชม. 
          งานวันแห่ผีตาโขนปีนี้ตรงกับวันที่ 26-28 มิถุนายน 2552 วันสุกดิบเป็นวันที่ 26 และวันเล่นจริงวันที่ 27 ส่วนวันที่ 28 ไม่มีอะไรเลย
 
               
                              
                                         สาวงามร่วมขบวนแห่

           หากย้อนอดีตการละเล่นผีตาโขนเมืองด่านซ้าย จะเห็นว่าแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าในอดีตนั้น ชาวด่านซ้ายเล่นผีตาโขนในงานบุญหลวง วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 7 ของทุกปี โดยวันสุกดิบจะเป็นการเล่นผีตาโขนเพื่อเวียนบอกบุญไปตามบ้าน แล้วนำสิ่งของ จตุปัจจัยที่ผู้ทำบุญบริจาคมาเข้าวัด เพื่อใช้เป็นเสบียงเลี้ยงญาติพี่น้องที่มาจากหมู่บ้านไกลๆ 
            
                        
                                            ผีเสวนา ..ไอ้ขี้โม้

           การแห่ขบวนก็มีผีตาโขนที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ แต้มสีด้วยดินหม้อ ใช้ร่มกระดาษเป็นหมวก กะดึงผูกคอวัวแขวนเอวเกิดเสียงดังกรุ๋งกริ่งๆ อาวุธก็มีมีดไม้ หอกไม้ ศิวลึงค์ทาหัวแดงแจ๊ด ขวานไม้ก็ยังมี และดูเหมือนขาดไม่ได้ก็ไม้แกะชักรอกให้เกิดท่าทางผสมสวาทกันระหว่างหญิงและชาย  ดนตรีใช้พิณ สะล้อ และแคน บรรดาผีก็เดินขบวนกันไปหลอกหลอนและขอส่วนบุญตามบ้านและร้านค้า วันรุ่งขึ้นอันเป็นวันตรงกับ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 7 ก็แห่แหนกันไปฟังเทศมหาชาติ 13 กัณฑ์ เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว 


                        
                                ผีผู้หญิงมั้ง สีสวยจนหว้านหวาน อุ๊ยตัว!! 

           แต่เมื่อมีการหยิบจับเอาการละเล่นผีตาโขนมาใช้ในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมตั้งแต่วันที่จัดงานก็มักจะตรงกับวันหยุดเสาร์อาทิตย์ เช่นปี 2004 ก็จัดระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน แต่สำหรับปีนี้จัดระหว่างวันที่ 26-28 มิถุนายน 2552 ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 6 (7) เป็นการซ้อมในวันสุกดิบ(26) และแห่จริงวันที่ 27 ทั้งวัน 
           ผีตาโขนวันนี้แต่งตัวสีสันสวยงาม หน้ากากวาดลวดลายด้วยความวิจิตรตระการตา เป็นศิลปะพัฒนากว้างไกล ดนตรีไม่มีพิณ สะล้อ และแคนอีกแล้ว หากแต่เป็นเครื่องเสียงเล่นตามแผ่นที่ให้จังหวะสมัยใหม่ ผีก็ดิ้นกันไปตามจังหวะเพลงเร้าใจ มีการใช้รถยนต์เป็นแท่นแห่แหนด้วย เครื่องขยายเสียงดังลั่นสนั่นทุ่ง 


                          
                                          ผีโซโร สไตล์ไอ้โม่งดำ  เอื๊อกๆ

            ในการแห่ผีตาโขนก็แห่มาอวดกันให้คณะกรรมการตัดสินประกวด ไม่มีงานบุญหลวงเหมือนในอดีต ไม่มีการแห่ของเข้าวัด และไม่มีการเทศมหาชาติ 13 กัณฑ์อีกเลย มันคือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ประเพณี วัฒนะธรรม ไปจากเดิมจนหมดสิ้น แต่มันส่งผลกระทบกว้างขวางต่อการท่องเที่ยวของอำเภอที่เคยเงียบสงบให้ครึกครื้นขึ้น
            ผีตาโขนในอดีตมีผีใหญ่ 2 ตัวๆ หนึ่งหญิง ตัวหนึ่งชาย ผีป่าทาด้วยดินหม้อดำไปทั้งตัว ถือกระบองไม้ไผ่ และผีป่าทาขี้โคลน ก็ถือกระบองไม้ไผ่ วันนี้ก็ยังมีอยู่ แต่ผีตาโขนเล็กเพิ่มปริมาณมากจนดูยิ่งใหญ่อลังการ เสื้อผ้าสีสันสวยงาม นับวันจะยิ่งแปลกพิศดารมากขึ้น  ลีลาการละเล่นสนุกครึกครื้น มีชายคนหนึ่งยังถือไม้แกะสลักชักรอกท่าผสมสวาทระหว่างหญิงชายร่อนไปแหย่สาวๆให้ได้อาย


                      
                                         นานาผี น่าสนุกชะมัดเลย
           
               หน้ากากผีตาโขนใช้หวดนึ่งข้าวเป็นหมวก ทางมะพร้าวเป็นหน้ากากเจาะรูลูกกะตา 2 ข้าง มีผ้าคลุมยาว วาดลวดลายแปลกแตกต่าง แต่พิศดารขึ้นทุกปี อาวุธของผีตาโขนยังเป็นไม้เท้า ดาบไม้ หอกไม้ ขวานไม้และศิวลึงค์ทาหัวสีแดงแจ๊ดเหมือนเดิม


               
                        เจ้าเงาะป่าหรือว่าผีป่าทาดินหม้อปากแดงๆ ฮะฮะ!!

            จากการละเล่นเชิงงานบุญกลายเป็นการละเล่นเพื่อความสนุกสนานและสวยงาม มีของที่ระลึกผีตาโขนวางจำหน่ายทั่วไป แต่ค่อนข้างแพง น่าเสียดายที่ไม่ยักกะมี หน้ากากผีพเนจรเช่นพวกผมบ้างเลย จะได้สวมหน้ากากแล้วลงไปดิ้นกระแด่วๆ  สนุกสนานไปกับพี่น้องชาวด่านซ้ายด้วย เรื่องนี้ถ้าจะถือว่าเพิ่มขีดการมีส่วนร่วมก็ใช่ แต่เชื่อไหมครับ มีให้เช่าหรือขายถูกๆเมื่อไร จะมีนักท่องเที่ยวลงไปแห่แหนด้วยแน่นอน

                       
                                      ผี"ม้ง"สีหวานเจี๊ยบ น่ารัก..จัง

            การเข้าไปมีส่วนร่วมนั้นจะช่วยเพิ่มความผูกพันให้กับนักท่องเที่ยวมากขึ้น มันจะตราตรึงใจเขาเหล่านั้นไปจนตาย จะมีเรื่องไปเล่าให้เพื่อนฝูง ญาติ พี่น้อง ฟังอีกต่อหนึ่ง ยิ่งเดี๋ยวนี้มีการบันทึกภาพได้ง่ายๆด้วยแล้ว เขาอาจจะถ่ายวิดิโอด้วยกล้องแล้วนำไปอวดเพื่อนๆ ต่างแดน นี่แหละการโฆษณาแบบปากต่อปาก สื่อสารด้วยภาพและอินเตอร์เนต
            คณะกรรมการจัดงานมหกรรมผีตาโขนด่านซ้ายที่เคารพ ถ้าท่านทำได้ให้วันสุกดิบเป็นวันที่ท่านเตรียมชิ้นส่วนหน้ากากผีตาโขนให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักได้มีส่วนร่วมในการประดิษฐ์ แล้ววันแห่จริงก็ให้เขาตั้งกลุ่มเป็นผีตาโขนพเนจรอีกขบวนหนึ่งละก้อ สนุกแน่ มันจะประทับในความทรงจำแนบแน่นยิ่งกว่าการได้มาแค่ตาดู หูฟัง มือถ่ายรูปก็จริง   แต่ขาดความรู้สึกร่วมครับ


                    
                                   ผีหลากสีสันมาจากต่างหลุม  ฮิฮิ!!

           นักท่องเที่ยวจะเข้ามาพักค้างเมืองด่านซ้ายมากวันขึ้น มีความผูกพันและสนุกสนานมากขึ้น อะดรีนาลีนหลั่งก็สนุกแหละ มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่งผลกระทบเป็นแรงกระเพื่อมมากขึ้น เศรษฐกิจด้านอาหารการกินก็จะมากขึ้น ของฝากของที่ระลึกก็จะมากขึ้น โดยเฉพาะหน้ากากและเสื้อผ้าที่เขาจ่ายนำกลับไปเป็นของที่ระลึกแบบแยกชิ้นส่วนเก็บกลับได้ ยิ่งได้ผลการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์กว้างขวางมากยิ่งขึ้น 
            ปัญหาอยู่ที่ว่า แนวความคิดเรื่องราวเหล่านี้ ใครจะเป็นผู้ที่เริ่มต้นและขายแพ็คเก็จ การเดินทาง ที่พักแบบโฮมสเตย์ หรือกางเต็นท์  อาหารการกินง่ายๆถูกๆ  สอนการประกอบผีตาโขน ขึ้นอยู่กับการจัดการ หรือว่ามหกรรมผีตาโขนจะยังคงเป็นการละเล่นระดับท้องถิ่นต่อไป หรือว่า จะขายเทศกาลผีตาโขนให้คนแห่แหนมาร่วมสนุกได้อย่างระดับสากลเขา วันที่จัดงานต้องแน่นอน ชัดเจน และไม่แตกต่างจนจำไม่ได้ แล้วเกิดความสับสน
             การประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนจำเป็นหรือไม่ การประชาสัมพันธ์ต้องมีกี่ครั้งก่อนงาน (ความถี่) สาระเรื่องราวที่จะเล่าสู่กันต่อๆไปต้องได้อรรถรส และกลั่นกรองแล้ว  
             ผมไปร่วมงานมหกรรมผีตาโขนด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น ก็ไม่เคยไปสัมผัสเลย ไปแล้วก็ได้แต่บันทึกภาพเป็นงานหลัก และรู้สึกอึดอัดใจมากกับพิธีการตามระบบราชการที่ล่าช้า ยืดยาด มีรูปแบบราชการๆ เจ้าขุนมูลนายเหมือนเดิม ไม่ตรงต่อเวลาที่ควรจะเริ่มต้น     มุ่งเน้นการโปรโมทบุคคลมากกว่าเรื่องราวของคำว่า ผีตาโขน  ผีตาโขนเด็กเล็กๆแทบจะเป็นลมกันหลายคน 

                          
                                              ผีเด็กๆชักร้อนโว๊ย

             เรื่องทำนองนี้ ผมเคยไปร่วมงานปลูกป่าชายเลนที่จังหวัดพังงา ชาวญี่ปุ่นเหมาเครื่องบินมากว่า 400 คน จ่ายเงินกันเองเพื่อมาปลูกป่าเลนเมืองไทย ชาวญี่ปุ่นไปรอตั้งแต่เช้า ลูกเด็กเล็กแดง ชาวบ้าน ที่เกณฑ์มาร่วมงาน หลายร้อยคน แต่ต้องผู้ว่าราชการจังหวัดมาเปิดงาน เชื่อไหม วันนั้นกว่าผ^hว่าราชการจังหวัดจะมาก็ บ่าย 3 โมงเย็น 

                         
                                          ลวดลายและสีสันแสบทรวงไหม

             พอตัดริบบิ้นปลูกป่า ผู้ว่าก็กลับ ขบวนนักเรียนและคนไทยลงปลูกกันคนละต้นสองต้นก็กลับหมด น้ำทะเลเริ่มขึ้นในตอนเย็น แต่ชาวญี่ปุ่นลงลุยไม่เลิก ปลูกจนหมดต้นกล้าปาเข้าไปสองทุ่มกว่าๆ เขาถึงกลับโรงแรมด้วยชุดมอมแมมที่สุด ผมในฐานะผู้ประสานสื่อมวลชนให้
ได้แต่นั่งปลงทำใจและรู้สึกละอายในระบบเจ้าขุนมูลนายของเรา         
              งานผีตาโขนนี่จะสนุกครึกครื้นมาก ถ้าจัดงานตั้งแต่เย็นจนถึงเที่ยงคืน เขาจะสนุกกับการดีดดิ้นและเล่นล้อกันด้วยความเพลิดเพลิน แต่ต้องปลอดสุรายาบ้าด้วยนะครับ มีได้บ้างก็เช่นไวน์ เที่ยงคืนเลิกเด็ดขาดแล้วแห่กันไปฟังเทศน์สัก 1 กัณฑ์ที่วัดโพนชัย ก็คงจะดี
              ทำให้ผีตาโขนเป็นวันฮัลโลวีนของไทยจะได้ไหม ?

                         
                                นิวัตร เปาอินทร์ ผู้ถ่ายภาพกับผีตาโขนเล็กตนหนึ่ง

Tags : เที่ยวทั่วถิ่นไทย

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view