http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,022,076
Page Views16,331,636
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ปักกิ่งหรรษา ตอน 17 สุสานสิบสามกษัตริย์

ปักกิ่งหรรษา ตอน 17 สุสานสิบสามกษัตริย์


ปักกิ่งหรรษา ตอน 17 สุสานสิบสามกษัตริย์
                               

เช้าวันนี้อากาศดีไม่ร้อนไม่หนาว แต่ลมยังพัดแรงเช่นที่เคยเป็น ฤดูใบไม้ผลิที่ปักกิ่งน่าท่องเที่ยวทีเดียว   หลังรับประทานอาหารเช้าแบบทัวร์ราคาพอประมาณ ก็ขึ้นรถนำเที่ยวต่อไปตามรายการ

เช้านี้เราจะมุ่งตรงไปยังทิศเหนือของนครปักกิ่ง 50 กม. ใช้เวลาเดินทางนานราวๆ 1 ชม.” คุณโจวเริ่มต้น แต่แล้วก็มีคนสงสัยจนได้

คุณโจวครับ ผมงงจังว่าทำไมรถนำเที่ยวของเราไปไหนค่อนข้างช้า ระยะทางไม่ไกลแต่ใช้เวลานานไปหรือไม่ เหมือนเลี้ยงเวลานะ ผมสงสัยมานานหลายวันแล้ว

คนใจร้อนแห่งกรุงเทพมหานคร เมืองที่มีการจราจรติดขัดมากที่สุด และคนใจร้อนมีมากกว่าคนใจเย็นอดไม่ไหว คุณโจวใจเย็นยิ้มกว้างแล้วตอบ

กฎหมายจราจรที่ปักกิ่ง รถยนต์วิ่งเร็วที่สุดได้ชั่วโมงละ 50 กม. เพื่อความปลอดภัยครับ

มีคนร้องอ๋อหลายคน แสดงว่ามีนักท่องเที่ยวสงสัยเหมือนกันหลายคน น่าขอบคุณคนถามนะนี่

เส้นทางที่เรากำลังมุ่งหน้าไปนี้ เป็นสุสานสิบสามกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง แต่ก่อนอื่นอยากเล่าให้ฟังถึงเรื่องราวของราชวงศ์หมิงสักหน่อย เผื่อจะได้ทราบเรื่องอย่างกระจ่างแจ้งมากขึ้น เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับคุณโจวเริ่มต้นอีกครั้ง


                                      

               “..1368 จูหยวนจาง ลูกชาวนาที่รวบรวมสมัครพรรคพวกนำทัพขับไล่ชาวมองโกลแห่งราชวงศ์หยวนออกไปสำเร็จ แล้วสถาปนาเป็นกษัตริย์องค์แรกของราชวงศ์หมิง ทรงพระนามว่า หมิงไท่จู ตั้งราชธานีขึ้นที่นครนานจิง ในขณะเดียวกันก็ทรงเลือกพื้นที่สร้างสุสานของราชวงศ์ควบคู่กันไปด้วย เรื่องนี้ถือเป็นกฎมณเฑียรบาลหรือขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมายาวนาน สุสานแห่งราชวงศ์หมิงเรียกว่า สุสานเสี่ยวหลิง

ราชวงศ์หมิงครองราชย์อยู่นานแค่ไหนครับผมถาม

ราชวงศ์หมิงเป็นชาวฮั่นที่ครองราชย์ตั้งแต่ ค.. 1368-1644 รวม 276 ปี ตั้งราชธานีสองแห่งๆ แรกก็ที่หนานจิงหรือ นานกิง ซึ่งถือกันว่าเป็นราชธานีทางใต้ แล้วสร้าง สุสานเสี่ยวหลิง (สุสานหมิงไท่จู) ฝั่งพระบรมศพ 2 พระองค์เท่านั้น ต่อมา ค.. 1406 จักรพรรดิหย่งเล่อ รัชกาลที่ 3  แห่งราชวงศ์หมิง ตัดสินพระทัยย้ายราชธานีไปยังเมืองเหนือคือ นครปักกิ่ง หรือเป่ยจิง ซึ่งถือว่าเป็นราชธานีทางเหนือ หลังจากทรงสร้างพระราชวังใหญ่โตที่พวกเราไปชมมาแล้วนั่นแหละครับ ส่วนสุสานกษัตริย์แห่งใหม่ก็ทรงเลือกพื้นที่ในหุบเขา เทียนโซวซัน หรือภูเขาอายุยืนเท่ากับสวรรค์มีพื้นที่กว้างขวางถึง 40 ตารางกิโลเมตร ณ สุสานนี้ฝังพระบรมศพกษัตริย์ราชวงศ์นี้ถึง 13 พระองค์ งานสำคัญอีกอย่างคือ ทรงสร้างกำแพงหมื่นลี้ทางตอนเหนือเพิ่มขึ้น ป้องกันคนนอกกำแพง" คุณโจวร่ายยาวยืด

รถนำเที่ยววิ่งผ่านป่าต้นหยางซู ที่ปลูกสองฝั่งถนนอย่างสวยงาม  ร่มรื่น  แต่ละต้นใหญ่โตไม่เบา สองข้างทางเป็นสวนผลไม้จำพวก สาลี่ แอปเปิ้ล เท่าที่สายตาพวกเราส่ายไปก็เห็นต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้านโด่เด่ แท้จริงมีการตัดแต่งกิ่งหลังฤดูผลิตผล เพื่อให้เกิดกิ่งใหม่ หรือบางทีก็เรียกว่าการทำสาวต้นไม้ ด้านหน้ารถเป็นภูเขาขนาดใหญ่ หุบเขากว้างขวางนั่นแหละภูเขาเทียนโซวซันอย่างที่คุณโจวเล่าให้ฟัง

ตามราชประเพณีเมื่อตั้งราชวงศ์ สร้างวังแล้วก็ต้องสร้างสุสาน ซึ่งมีหลักสำคัญในการเลือกพื้นที่ต้องทำให้เกิดความสุข ความเจริญและความยั่งยืน ส่วนพื้นที่ที่เลือกต้องมีทิศเหนือ เป็นภูเขาที่มีความมั่นคงเหมือนพนักพิงของเก้าอี้ แล้วก็ต้องมีอายุเท่ากับสวรรค์ภูเขาด้านนี้จึงต้องสูง ทิศใต้ต้องเป็นที่ราบมีแม่น้ำไหลผ่านเป็นที่ดินที่อุดมสมบูรณ์ มีดินดี ทำการเกษตรกรรมได้ดี และมีน้ำพอเพียงให้ความชุ่มชื้นแก่แผ่นดินทำกิน ทิศตะวันออก ต้องเป็นภูเขาที่ทอดขวางกับแนวทิศเหนือเสมือนเท่าแขนข้างขวาของพนักเก้าอี้ ถือกันว่าเป็นภูเขาเสือเขียว

อย่าเพิ่งลงครับ ฟังผมก่อน เห็นคนที่วิ่งกันเข้ามาที่รถไหม นั่นแหละพ่อค้าแม่ค้าผลไม้ทั้งนั้น ผลไม้ฤดูนี้เป็นผลไม้ที่เก็บรักษาไว้ (ฝังไว้ใต้ดิน) รอเวลาเอาไว้ขายได้นาน ๆ ซื้อง่ายอาจได้ผลไม้ที่ข้างในเน่า แต่ข้างนอกมองดูดี แล้วก็อาจราคาแพง ผมขอให้รอซื้อหลังการท่องเที่ยวสุสานก่อนนะครับ ซื้อขณะที่รถกำลังจะออก ประเดี๋ยวจะเลือกกลุ่มแม่ค้าที่เชื่อถือได้มาให้ซื้อครับ เอาละ คราวนี้ลงรถได้แล้วรอผมซื้อตั๋วหน้าสุสาน

                                     


            ทันทีที่คุณโจวก้าวลงรถก็ถูกพ่อค้าแม่ค้า แต่งตัวดูเป็นคนจีนบ้านนอกมาก รุมล้อมจนมองไม่เห็นคุณโจว เห็นแต่ปลายธงเหลือง ก็พ่อค้าตัวใหญ่ๆ สูงๆ ทั้งนั้น บังคุณโจวมิดหมด พวกเราสงสัยกันว่าสุขภาพคุณโจวจะเป็นอย่างไร หากไม่ยอมให้ลูกทัวร์ซื้อผลไม้จากพ่อค้าเหล่านั้น

สุสานที่เห็นข้างหน้านี้คือ สุสานของจักรพรรดิหมิงเฉิงจู่(หย่งเล่อ) รัชกาลที่ 3 กษัตริย์ผู้ย้ายราชธานี และสร้างสุสานแห่งสิบสามกษัตริย์ขึ้น เรียกว่า สุสาน 13 หลิง สุสานที่เห็นสวยสง่ามากที่สุดบนดินนั้นคือ สุสานของจักรพรรดิ์หมิงเฉิงจู่คุณโจวเดินไปชี้มือให้ดูแล้วก็สรุปพร้อม

ลูกทัวร์ครับ กรุณาเดินมารวมกันไว้ให้ดี อย่าให้แตกกลุ่มนะครับเดี๋ยวหลงกันได้ง่ายๆ กรุณาเดินไปตามถนนที่เขาเดินกันเหมือนสะพานนั่นแหละ เห็นไหมครับ มีคนติดขัดเหมือนรถยนต์ในกรุงเทพฯ เลย ประเดี๋ยวจะเข้าอุโมงค์สุสานแล้ว
                พวกเรายืนรอการขยับที่ละนิดๆ ซึ่งช้ามาก ช้าพอๆ กับรถติดในกรุงเทพเลย นี่ถ้าอาอี๊ทนได้ก็สุดยอด แต่เผอิญต้องลงบันไดไปอีกหลายขั้นในอุโมงค์ อาอี๊ก็เลยเดินชมแต่ภายนอกสุสานและเครื่องทรงต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์

ส่วนสุสานที่แปลกประหลาดและพิสดารที่สุดคือ สุสานที่เป็นพระราชวังใต้ดิน เรียกว่า   สุสานติ้งหลิง เป็นสุสานของจักรพรรดิ หมิงเสินจง หรือจักรพรรดิว่านลี่ ที่ทรงครองราชย์ระหว่าง ค.. 1573-1620 สุสานนี้แปลกอีกอย่างคือ แทนที่สัญลักษณ์ การตกแต่งเป็นมังกร 2 ตัว ล้อมรอบไข่มุกเหมือนสุสานอื่นๆ แต่มีเพียงมังกรตัวเดียว หงส์ตัวเดียว สุสานนี้ค้นพบโดยบังเอิญที่นักโบราณคดีไปพบหินปิดประตูทางเข้าอุโมงค์สุสานเข้า ต้องพังประตูหินอ่อนที่หนักบานละ 4 ตัน กลไกประตูทำให้เปิดจากภายนอกไม่ได้ ต้องพังเข้าไป มีกลไกซ่อน อีกอย่างคือ เป็นก้อนหินวางไว้ในรอยบากตื้นๆ ตรงธรณีประตูซึ่งจะเอียงขวางประตูเมื่อปิดจากข้างนอกทันที เห็นไหนครับภูมิปัญญาทางสถาปัตยกรรมจีนโบราณ ไม่แพ้อียิปย์นะครับ" 
                คุณโจวส่งเสียงดังแข่งกับเสียงนักท่องเที่ยวอื่นๆ อย่างน่าสงสาร

ระวังกระเป๋าเงิน ของมีค่าด้วยครับ กรุณาอย่าถ่ายรูปนะครับ แล้วก็มีคนเบียดกันแน่นอาจมีมิจฉาชีพแทรกเข้ามาด้วย กำลังจะลงอุโมงค์สุสานแล้วนะครับ
                 มีคนเบียดเสียดกันแน่นตรงทางเข้าหน้าทางลงอุโมงค์ แต่ทันใดที่ถึงปากทาง กลิ่นฉุนมากฟุ้งกระจายขึ้นมาจากอุโมงค์ กลิ่นเหม็นมาก อาซ้อที่เดินอยู่ข้างหน้าเป็นลมทันที อาเฮี่ยล้วงไฮเป๊กซ์ส่งให้ดม อาซ้อสูดแรงๆ หลายที จนสดชื่นขึ้น แล้วจึงส่งต่อให้ผมและคณะที่ตามๆ กันมา

ไม่รู้กลิ่นอะไรนะ รุนแรงเหลือเกินอาซ้อปรารถขึ้น

นั่นซิ ไม่ได้ไฮเป๊กซ์อาซ้อผมก็ท่าจะไม่ไหวเหมือนกัน แหม เรื่องนี้คุณโจวไม่ยักเตือนนะจะได้เตรียมพร้อมผมบ่นต่อ

ในใจคิดว่าอาจจะเป็นกลิ่นสางสพที่หมักเอาไว้หลายร้อยปี หลายพันปี ก็ได้ แต่คิดอีกที สุสานนี้ก็ขุดค้นมานานแล้ว กลิ่นก็น่าจะจางไปแล้ว  คิดอีกทีแค่ลมปากและลมหายใจของคนที่อัดกันลงไปหลายร้อยคนนั้นก็ส่งกลิ่นพอแรงแล้ว กลิ่นไม่พึงปรารถนาเสียด้วย ถ้ายิ่งรวมกับกลิ่นตัวด้วย แน่นอนเลย แทบสลบเหมือด

ถ้าทุกคนที่เข้าไปในสุสานใต้ดินผายลมแค่ครึ่งเดียวก็คงจะเกิดก๊าซไข่เน่ามากพอที่จะเป็นลมเหมือนกันผมคิดในใจสนุกๆ 
                พอลงไปถึงห้องใต้ดินหรือพระราชวังใต้ดิน หรือสุสานใต้ดินคุณโจวพูดขึ้นด้วยเสียงที่ดังเต็มที่

ภายในสุสานใต้ดินมีห้อง 5 ห้อง 2 ห้องแรกว่างเปล่า ห้องที่ 3 มีรูปห้องป่องตรงกลางเหมือนรูปถังเบียร์ ยาว 84 เมตร ห้องสำคัญที่สุด คือ ห้องที่ 4 เป็นห้องโถงอันยิ่งใหญ่ มีบัลลังก์หินอ่อน 2 ที่สำหรับฮ่องเต้และฮองเฮา บัลลังก์ที่มีหัวมังกรตรงเท้าแขนเป็นบัลลังก์จักรพรรดิ ส่วนบัลลังก์ที่มีหัวหงส์ที่ท้าวแขนเป็นของมเหสี แล้วก็นั่นเตาเผากำยาน เชิงเทียน และกระเบื้องเคลือบสีน้ำเงินขนาดใหญ่เป็นตะเกียงนิรันดร์ แล้วก็มีห้องว่างอีก 2 ห้อง ว่างเปล่าผมเห็นเส้นเอ็นคอคุณโจวโป่งเพราะแรงตะโกน

คุณโจวครับ นั่นมีบัลลังก์อีกที่นี่ของใครครับมีคนถามด้วยความสงสัย

บัลลังก์มเหสีอีกองค์หนึ่งมีเสียงหัวเราะและฮือด้วยความสนใจ พอฟังอย่างนี้แล้วผมหายสงสัยเลยว่าทำไมบรรดาอาแปะ(ลุง) ของผมจึงมีภรรยากันทีละหลายๆ คนนัก

ในห้องโถงใหญ่ห้องที่ 5 มีหีบพระศพจำลองของจักรพรรดิว่านลี่และมเหสีทั้งหลายวางไว้ นักโบราณคดีพบว่ามีพระบรมศพ 3 องค์ มีของมีค่ามากมายในหีบ เช่น หยก 12 ก้อน วางไว้ข้างพระศพโดยเชื่อกันว่าจะทำให้ไม่เน่าเปื่อย

กว่าจะออกจากอุโมงค์ก็เหนื่อยอ่อน แต่ก็ประทับใจความยิ่งใหญ่ ทุกอย่างก่อสร้างด้วยหินอ่อนก้อนใหญ่ๆ ในช่วงสมัยนั้นๆ เขาทำกันได้อย่างไร เป็นภูมิปัญญาจีนโบราณอีกเรื่องหนึ่งที่น่าทึ่งไม่น้อย สถาปัตยกรรมที่เห็นมาหลายแห่งล้วนอลังการ สวยงาม และบอกถึงเรื่องราวต่างๆ ในแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ไม่น้อย  แม้แต่สุสานเหล่านั้นจะสร้างด้วยหลักความเชื่อว่าจะยั่งยืนก้าวหน้า ก็ยังมีสัจธรรมที่ชี้ชัดว่า แท้จริงในโลกล้วนอนิจจัง อะไรที่ว่าแน่นอน นั่นแหละคือความไม่แน่นอน การผลัดเปลี่ยนราชวงศ์จึงเป็นเครื่องหมายที่บอกว่า กรรมคือการกระทำครับ

 

Tags : chinatour

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view