http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,021,079
Page Views16,330,616
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

กะเหรี่ยงทัวร์เมืองกาญจนบุรีชวนไปล่องแก่ง สนุกแบบเนียนๆ

กะเหรี่ยงทัวร์เมืองกาญจนบุรีชวนไปล่องแก่ง สนุกแบบเนียนๆ


กะเหรี่ยงทัวร์เมืองกาญจนบุรีชวนไปล่องแก่ง สนุกแบบเนียนๆ

               ป่าต้นน้ำน้ำตกตะเคียนทองอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ช่วงอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ทำให้น้ำตกหลายชั้นเต็มไปด้วยน้ำที่ไหลหลั่งพรั่งพรู ลงสู่ห้วยซองกาเลีย ผ่านเกาะแก่งเป็นระยะ บางแห่งก็เป็นเขตน้ำนิ่ง บางแห่งก็เป็นน้ำลึกจนเป็นวัง ดูน่ากลัว(ไอ้เข้) แต่บางแห่งเป็นแก่งเล็กแก่งน้อย ชวนให้ได้อารมณ์ในการล่องแก่งตามสมควร นอกจากนั้นยังพบว่ามีน้ำตกที่มีน้ำอุ่นๆไหลลงสู่ห้วยซองกาเลียด้วย แปลกดี  
                    

                   



                     กะเหรี่ยงทัวร์เจ้านี้ ผู้ดำเนินธุรกิจท่านเล่าว่า เขาเป็นคนไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงจริงๆ ได้รับการศึกษาเหมือนเด็กไทยทั่วไป จบแล้วก็มาเป็นครูอยู่ที่บ้านเกิด ถึงจุดหนึ่งขอลาออกเพื่อมาทำธุรกิจท่องเที่ยวในชื่อ กะเหรี่ยงทัวร์ โดยอ.โคมทอง ศิริวัฒนพิเชษฐ์ โทร.0861693779 และ 089-9127359   พร้อมที่พักแรมชื่อ เจดีย์เจม สังขละบุรี  ซึ่งมีทั้งห้องพักและกางเต็นท์ ตั้งอยู่ริมห้วยซองกาเลียนั่นละครับ                                      

                  ก่อนล่องแก่งก็ต้องมีการแนะนำการแต่งองค์ทรงเคื่องและการล่องเรือยางกันนิดหน่อย เพื่อความคล่องตัวในการร่วมกันทำงานเป็นทีม และเผื่อต้องไปเผชิญกับแก่งโหดรัดับ 4-5  จะได้ไม่ตกใจกลัวหรือสั่นเป็นเจ้าเข้าอะไรทำนองนี้ แต่โดยธรรมชาติธุรกิจล่องเรือยางนี่ ผู้ประกอบการมีนายท้ายเรือคนหนึ่ง นายหัวเรืออีกคนหนึ่ง ทั้งสองคนนี้มีความเชี่ยวชาญในการบังคับทิศทางเรือลุยแก่ง มักไม่พลาด สายวันนั้น พวกเราล่องเรือยาง 2 ลำ แพไม้ไผ่พัฒนาอีก 1 แพ ครับ


           
 

                     ด้วยอาการรื่นรมรณ์สมใจที่ได้มาร่วมกันตะลุยแก่ง ทุกคนมีใบหน้ายิ่มแย้มแจ่มใส มองดูแล้วก็น่าชื่นใจที่หนุ่มสาวกลุ่มนี้ห่างไกลยาเสพติด แต่มาติดท่องธรรมชาติแทน ได้ทั้งเพื่อน ได้ทั้งความสุข สนุกสนาน และได้สูดอากาศบริสุทธิ์กลางป่าเขา บางทีอาจได้คนรู้ใจในวัยเดียวกันด้วย ก็ขอให้โชคดีมีชัยกันไปก็แล้วกัน ผู้เขียนเองพ้นวัยนี้ไปแล้วจ้า 


                                               
                                                                           รอ.. ถ่ายใบไม้สวยๆ
                                        

              เมื่อทุกคนพร้อมแล้ว นายหัวเรือจะถีบเรือออกเดินทาง นายท้ายทำหน้าที่อย่างคล่องแคล่ว หัวเรือเข้าทิศทางได้พอดี เสียงหัวเราะและการหยอกเย้าดังขรมไปทั้งคุ้งน้ำ  มันคือความสุขที่ฉาบฉ่ำไปทั้งใบหน้าของทุกคน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ กริยาท่าทาง ล้วนบ่งบอก น้ำใสไหลเย็นเยียบไหลแรงพอประมาณนำพาเรือให้ล่องไปอย่างเร็ว แนวป่าเขียวขจี ดูอย่างไรก็สดชื่น ๆ

                                                  
                                         
                                                                            ดอกไม้ป่าหน้าฝนริมห้วย

                         ทันใด นายท้ายตะโกนสั่งนายหัวเรือ ดูทิศทางข้างหน้า และวาดเรือให้ตรงช่องที่จะผ่าน "แก่งเรือบิน"  เป็นแก่งระดับ 4 ที่หลายครั้งเรือยางบินไปคนละทางกับนักล่องแก่ง แต่ก็อย่างว่า เรื่องอย่างนี้มันขึ้นอยู่กับนายท้ายและนายหัวเรือ พอเล็งได้เข้าที่ก็ปล่อยเรือพุ่งทะยานเข้าสู่แก่งน้ำที่สูงชันทันใด เสียงกรีดร้องด้วยความสนุกดังขรม ทั้งที่เรือแทบจะล่มกลางแก่ง ในที่สุดลำแรกก็ผ่านไปได้อย่างสบายๆ  

                                       


                        ลำที่สองล่องมาเอื่อยๆ อย่างระมัดระวังเต็มที่ แววตานายท้ายและนายหัวเรือเพ่งไม่กระพริบ ลูกเรือมองหน้ากันไปมา จะผ่านไหม ในใจของทุกคนร้องถาม สีหน้าเคร่งมากกว่าเดิม รอยยิ้มเหือดหายไป แต่แล้วเมื่อเรือพุ่งเข้าสู่แก่ง เสียงกรีดสลบดังขึ้น "มัน" ทุกคนปล่อยอารมณ์ไปตามกระแสน้ำที่ผกผัน ความรุนแรงระดับ 4 ไม่ร้ายเหลือรับ ผ่านไปได้อีกลำ


                                   


                    แพลำสุดท้ายแปลกกว่าแพอื่นๆ เขาใช้วงล้อยางในรถสิบล้อผูกขนาบกับไม้ไผ่ลำโตๆ มัดแน่นด้วยเชือกไนล่อนหลายจุด ขันชะเนาะจนแน่นว่างั้นเถอะ พลาดก็แพแตก หรือไม่ก็คมหินทิ่มยางในรถยนต์แตก ทุกอย่างเสี่ยง แต่ก็เป็นอีกมาตรการใหม่ที่อยากลองกันดู ถ้าปลอดภัยและดูน่าเสี่ยง ชวนตื่นเต้นกว่าเรือยางสีสวยละก้อ ได้แพยางชนิดใหม่ที่ราคาถูกและท้าทายใจ 
 

                                     


                             ในที่สุด เรือยางลำสุดท้ายผ่านได้อย่างน่าใจหาย ทุกคนไปลอยแพรอลุ้นกันอยู่อย่างวิตกกังวล "รอด ไม่รอด" แต่ก็อย่างว่า นายท้ายกับนายหัวเรือที่เชี่ยวชาญลำน้ำที่รู้จัก ผ่านไปได้อย่างสนุกสนาน เป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ท้าทาย และมั่นใจได้ว่า ถ้าล่อง 5 คนด้วยเรือยางชนิดใหม่ มันกว่าเรือยางที่ฝรั่งทำแน่นอน ดูสภาพที่อาจารย์โคมทอง (นายหัวเสื้อเขียว) แกนั่งเถอะน่ะ เสียวไหม?

                                      




                             เรือยางล่องลอยไปตามกระแสน้ำ พวกเราแหงนคอมองขึ้นไปตามสุมทุมพุ่มไม้ ไม้อิงอาศัยสวยๆเกาะห้อยตามกิ่งไม้เยอะแยะไปหมด มีหลายชนิด แต่พวกเราก็ไม่รู้ว่ามันชื่ออะไรบ้าง ธรรมชาติประดับประดาให้ป่ารกครึ้มและสวยอย่างกับป่ามหัศจรรย์ในเทพนิยาย มีบางชนิดที่พอจะรู้จักก็เช่น ฝอยลม เฟิร์นกระแตไต่ไม้ ห่อผ้าสีดา กล้วยไม้ป่าชนิด ไอยเรศ ฯลฯ


                                       

                                     ผ่านสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆไปจนถึงน้ำตกที่มีน้ำอุ่น ไหลลงมาจากลำห้วยเล็กๆสายหนึ่ง อาจารย์วาดเรือนำทางเข้าไปพัก ปล่อยให้ทุกคนลงไปถ่ายรูป นอนแช่น้ำอุ่นๆ ทดสอบคำบอกเล่า ดวงตะวันเกือบจะลับแนวต้นไม้ป่าแล้ว แต่ยังพอมีเหลือให้ทุกคนได้สัมผัสอีกบรรยากาศหนึ่ง มันเป็นช่วงพักที่เหนื่อยมานาน ล้าไปกับการพายเรือยาง ท้องเริมหิว น้ำในขวดที่เตรียมไปได้รับความสนใจ แก้กระหายไปได้เสมอ 


                                     


                           เรือยางล่องลอยไปอีกครั้ง ท่ามกลางความใสสะอาดของสายน้ำเชี่ยว นก กระรอกบนต้นไม้ริมห้วยชวนมอง ต้นไม้ใหญ่น้อยมีให้เห็นตามสมควร ไร่ข้าวหมุนเวียนของพี่น้องกะเหรี่ยงบนฝั่ง มีเรื่องเล่าเพิ่มเติมความรู้ คนหนุ่มคนสาวจากเมืองกรุงหรือจะรู้ได้ว่า กะเหรี่ยงใช้พื้นที่ป่าทำไร่หมุนเวียนอย่างไร เขาทำกินอย่างยั่งยืนอย่างไร ใช่แล้วครับ ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงที่กาญจนบุรี ส่วนใหญ่ทำไร่หมุนเวียน  


                                    

                   กะเหรี่ยงเปิดป่าทำไร่พื้นที่หนึ่ง จำนวนมากน้อยแล้วแต่ความจำเป็น และกำลังของแต่ละครอบครัว เมื่อทำกินด้วยการปลูกข้าวไร่ หรือข้าวโพด ไปแล้ว 1 ปี จะปล่อยให้ไร่แปลงนั้นร้าง รก และมีต้นไม้ขึ้นมาแซม ระหว่างนั้นเขาจะไปทำกินอีกแปลงหนึ่ง แล้วก็เปลี่ยนไปอีกแปลงหนึ่ง ครบ 3 ปี ก็หมุนกลับไปทำกินที่แปลงที่หนึ่ง หมุนเวียนไปปีละแปลงๆ เขาจะไม่บุกรุกป่าเพิ่มขึ้น มันเป็นวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยง  
(กลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มใหญ่ๆ มี ปกาเกอะญอ (สกอว์) โพล่ง (โปว์) ตองสู้ (ปะโอ) และบะแก (บะเว))




                                    

Tags : National park

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view