http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,994,856
Page Views16,303,168
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

คึดฮอด..เมืองลาว ตอน 2.ฟ้อนลายง้าว โดยเอื้อยนาง

คึดฮอด..เมืองลาว ตอน 2.ฟ้อนลายง้าว โดยเอื้อยนาง

                      คึดฮอด..เมืองลาว        ตอน 2  ฟ้อนลายง้าว          "เอื้อยนาง" 

           หลังจากหัวใจทุกดวงล่องลอยเพลิดเพลินไปกับเสียงขับงึมพลิ้วหวาน  จนหลับฝันไม่อยากตื่นกันในคืนนั้นแล้ว  บ่ายวันต่อมาหัวใจทุกดวงก็ถูกปลุกให้เต้นเร้าด้วยเสียงกลองจังหวะเร้าใจของการฟ้อนลายง้าว(ง้าว-ดาบ)    บ้านป่าขะยุง  เมืองแก้วอุดม  แขวงเวียงจันทน์

            ศาลากลางบ้าน  ริมฝั่งแม่น้ำงึมถูกจัดให้เป็นเวทีชั่วคราว  ใช้ผ้าลายดอกบาง ๆ เป็นฉากกั้นให้ผู้แสดงการฟ้อนลายง้าวได้แต่งตัว  ผู้ชมหลายคนรวมทั้งผู้เขียนเองด้วย  แทนที่จะนั่งคอยชมที่หน้าเวที  กลับคอยไม่ไหว  พากันไปชะเง้อชะแง้หลังฉาก  ดุจสมัยเป็นเด็ก ๆ ไปแอบดูหมอลำ    ลิเกเขาแต่งตัวหลังเวทีกระนั้น                    
                             
               

                ฟ้อนลายง้าว 
เป็นการแสดงศิลปะการต่อสู้คล้ายกับรำมวย  แต่มีอาวุธ  คือ  ดาบคู่ใช้ทำร้ายคู่ต่อสู้  และตัวเอง  เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเหนียว  และอยู่ยงคงกระพันของทั้งสองฝ่าย

            ตามปกติแล้วการแสดงนี้  จะมีขึ้นเพียงปีละครั้ง  คือประมาณเดือนสิบสองของแต่ละปี  เพื่อทำพิธีสักการบูชาครูบาอาจารย์ผู้ได้สอนสั่งถ่ายทอดมา   รวมทั้งสิ่งศักดิ์ที่นับถือของผู้เรียนวิชามนตร์คาถา  อาคม

เพื่อความอยู่ยงคงกระพัน  หรือที่ชาวลาวเรียกกันว่า  เรียนมนตร์คง  ซึ่งปัจจุบันในหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมฝั่งน้ำงึมแห่งนี้มีอยู่ประมาณสิบกว่าคน

              

           
อาจารย์ผู้มีมนตร์คงมาแสดงให้เราดูวันนี้ชื่อ  อาจารย์เทียน  เป็นชายชราอายุประมาณ ๕๐ ปี  อาจารย์เล่าให้ฟังว่าที่เรียนมนตร์คาถานี้  ก็เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว   อาจบางครั้งต้องออกรบทัพจับศึก  อันเป็นหน้าที่ของลูกผู้ชาย  และบางครั้งก็ต้องเข้าป่าล่าสัตว์  วิชาเหล่านี้มีประโยชน์มาก
  เมื่อถูกถามถึงการปฏิบัติตนของผู้เรียนมนตร์คง  อาจารย์มากกว่า

          คนที่เรียนวิชานี้ก็ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป  แต่มีสิ่งต้องขะลำ(ข้อห้าม  หรืองดเว้น) หลายอย่าง  เช่น  บ่เดินลอดราวตากผ้า  บ่จับผ้านุ่งผู้หญิง  วันพระถือศีลบ่กินข้าวเย็น  บ่ทำงานทำงานอะไร(ในวันพระ)  บ่กินมังสัง ๑๐ อย่าง (ไม่ทานเนื้อสิบชนิด)  คือเนื้อคน  หมา  แมว  เสือ  ปลาไหล  งู  กระทิง  ลิง  แรด  และเต่า

              
           
การฟ้อนครั้งนี้จัดขึ้นให้ดูเป็นพิเศษสำหรับพวกเราโดยเฉพาะ    นับว่าเป็นบุญตา  แต่หลายคนดูแล้วเกิดอาการปั่นป่วนมวนท้อง  เพราะหวาดเสียวคมดาบที่เขาใช้ทำร้ายตัวเองและคู่ต่อสู้  โดยเฉพาะกลุ่มที่เมาน้องคำมะนีแต่เมื่อคืน  แทบดูไม่ได้กันเลยเชียว  คิดถึงคมดาบปลาบแปลบของเขา  ถ้าไปอยู่ในมือคนที่บ้านตอนนี้  จะเป็นอย่างไร  คิดไปคิดมาไม่ดูดีกว่าขะหน่อย

                          
           
ก่อนเริ่มการแสดง  ก็เป็นธรรมดาต้องมีการไหว้ครูด้วยขัน ๕  (ดอกไม้ ๕ คู่ ธูป  เทียน  อย่างละ  ๕ คู่  พร้อมเงินจำนวนหนึ่ง)

            เมื่อพิธีไหว้ครูเสร็จสิ้นลงแล้ว    มีการนำดาบ(ง้าว)ที่จะใช้แสดงออกมาให้ผู้ชมทั้งหลาย    ที่นั่งใจจดใจจ่ออยู่รายรอบได้ลูบคลำ    จับต้อง    เพื่อพิสูจน์กันแจ้ง ๆ ว่าเป็นของจริง  ดาบจริง ๆ  คมจริง ๆ ไม่ใช่หลอกกันเล่นหรอกนะจ๊ะ                                       
           
แล้วเสียงกลอง  ฆ้อง  และฉาบก็ดังขึ้นกระแทกหัวใจผู้ชมทั้งหลายแทบกระเด็นกระดอน  แล้วสะกดให้ตะลึงชะงักงัน  ด้วยผู้แสดงชุดแรกเป็นผู้ชายสองคนแต่งกายแบบนักรบโบราณ  กระโดดออกมากลางเวที  เสียงดังตึงตัง  แล้วร่ายรำโลดเต้นตามจังหวะกลอง  มีท่ารำที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึง  คือ  ใช้ดาบทั้งคู่ในมือเสียบ  แทง  ปาด  เลื่อยตามร่างกายของตนเอง  บางครั้งใช้ปลายแหลม ๆ ของดาบแทงฉึกที่ท้อง  มิหนำใช้ค้อนตอกลงไปอีก  บางครั้งใช้เท้าถีบคู่ต่อสู้ให้ล้มลง  แล้วใช้ดาบฟันฉับที่หน้าท้อง  แต่หาเป็นไรไม่  ผู้เขียนนั้นดูมั่ง   หลับตามั่ง  เลยพลาดภาพดี ๆ ไปหลายท่า

                        

            เป็นการต่อสู้ที่แปลก  คือผู้แสดงออกมาเป็นคู่ ๆ แต่แทนที่จะต่อสู้กัน  หรือคอยทำร้ายอีกฝ่ายหนึ่งเท่านั้น  แต่กลับคอยจะทำร้ายตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ต่อเมื่อบังเอิญร่ายรำ  หรือกระโดดโลดเต้นไปชนกัน  หรือถูกเย้าแหย่ ยั่วยุด้วยกระบวนการเตะ  ถีบ ถอง   กระโดดเหยียบ  นั่นแล้วจึงจะหันไปทำร้ายคู่ต่อสู้  บางชุดมีการแบกต้นกล้วยออกมาเป็นอุปกรณ์ประกอบการแสดงอีก  เพื่อให้ผู้รำใช้ดาบฟันฉับ ๆ  ขาดกระลงกลางคัน  แสดงถึงพลังและความคมของดาบ  แต่ไม่ระคายผิวของพวกเขาเลย
           
การแสดงทั้งหมดมี ๔ ชุด    สลับกันระหว่างชายหญิง  ท่ารำต่าง ๆ ดูคล้ายกัน  แต่เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ในชุดหลัง ๆ  เสียงดาบ  เสียงกระโดดดังเปรี้ยงปร้างสะนั่นสะเทือนจนผู้ชมหลายคนถอยห่าง  ที่เป็นเด็ก ๆ นั้นร้องไห้เลยก็มี

            ชาวบ้านคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ เอื้อยนาง  เล่าให้ฟังว่า  ลูกของนางเป็นคนหนึ่งในจำนวนนักรำดาบ(ฟ้อนลายง้าว)ในวันนี้  นางว่านักฟ้อนทุกคนแต่ก่อนต้องเป็นผู้เรียนคาถามนตร์คงเท่านั้น  แต่ปัจจุบันรุ่นหลัง ๆ ที่มาแสดงให้คนดูส่วนมากเรียนเพียงท่าฟ้อน  ท่าร่ายรำเท่านั้น 
           
แต่ทุกคนต้องมีศรัทธาแน่วแน่ ในตัวอาจารย์ผู้สอน  ซึ่งเป็นผู้มีมนตร์คง  มีความอยู่ยงคงกระพัน  ความศรัทธาเชื่อมั่นนั้นจะช่วยให้รอดจากคมหอกคมง้าว

            นางยังบอกอีกว่า  ผู้ชมทั้งหลายนี่หากศรัทธาเชื่อมั่นก็สามารถเข้าร่วมร่ายรำทำท่าได้  หากต้องการ  รับรองปลอดภัยหากมีใจแน่วแน่จริง ๆ

            เจ้าจะลองดูบ่  ถ้าจะลองข้อยจะบอกอาจารย์เทียนให้

            นางว่าพร้อมกับลุกขึ้น  ทำท่าจะไปบอกอาจารย์เทียนจริง ๆ

            เอื้อยนาง  มองดูเหล่านักฟ้อน  ใช้ปลายดาบแหลม ๆ  ตอกเข้าท้องอันเปลือยเปล่าของตนเองแล้วก็ได้แต่ร้องเพลง  ....

            ถอยดีกว่า...ไม่อาว์ดีกว่า...ค่ะ

                                         

๐๐๐๐๐๐๐๐๐

         

           

 

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view