http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,031,094
Page Views16,340,867
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

สิ้นหลวงพ่อชา ฤาสิ้นธรรม

สิ้นหลวงพ่อชา ฤาสิ้นธรรม

                                                       สิ้นหลวงพ่อชา ฤา สิ้นธรรม
                                                                                                                   
"ทิดท้วม"

วัดดังพระดีที่อุบลราชธานี หนีไม่พ้นวัดหนองป่าพงกับหลวงพ่อชา สุภัทโท หน่อเนื้อเชื้อชาติอุบลราชธานีโดยกำเนิด ท่านเกิดที่บ้านจิกก่อ หมู่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินทร์ชำราบ(17 มิย.2461=วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย) บุตรชายหนึ่งในจำนวน 10 คนของนายมานางพิม ช่วงโชติ  ท่านได้รับการศึกษาเพียงชั้นประถมปีที่ 1 โรงเรียนบ้านจิกก่อ อ่านออกเขียนได้ดี ก็ต้องออกจากโรงเรียนด้วยภาระของครอบครัวที่หนักอึ้ง

                                 

ด้วยจิตใจใฝ่ธรรมะแต่เด็ก ในปีพ.ศ.2474 ท่านยังมีอายุเพียง 13 ปี บิดาเห็นว่าชอบทางธรรม จึงได้นำพาท่านไปฝากฝังยังวัดมณีวนาราม อุบลราชธานี ได้บวชเป็นสามเณรเพื่อศึกษาเล่าเรียนหนังสือธรรม เรียนบาลีไวยากรณ์ เรียนมูลกัจจายน์ จนสามารถอ่านแปลภาษาบาลีได้แตกฉาน แต่ด้วยความยากลำบากของครอบครัวที่มีกันหลายชีวิต ท่านบวชได้เพียง 3 ปีก็ลาสิกขาบท กลับมาช่วยบิดามารดาทำนาทำไร่ เพื่อฟื้นฟูชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัว จนพ้นกรรม

                                  

พออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ ท่านจึงได้กลับไปบรรพชาเป็นพระในร่มกาสาวพัตรสืบมา  โดยมีพระครูอินทรสารคุณ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวิรุฬสุตการ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการสอน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ในปีพ.ศ.2482 ที่วัดก่อใน ตำบลธาตุ  อำเภอวารินชำราบ ได้สมญานามว่า ชา สุภัทโท   เมื่อบวชเรียนแล้วก็ตั้งใจเรียนและสอบสอบได้นักธรรมตรี
ด้วยสำนึกแห่งภาษิตอีสาน "บ่อออกจากบ้าน บ่อฮู้ฮ่อมทางเทียว บ่เฮียนวิชาห่อนสิมีความฮู้" จึงได้ชักชวนเพื่อนพระอีก 2 รูปธุดงค์ไปต่างถิ่น ผ่านพบและปฏิบัติธรรมจากหลวงปู่กินรี  หลวงปู่เถระชาวเขมร  อาจารย์คำดี  พระอาจารย์มั่น ขณะนั้นยังยึดมั่นกับพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา 
ในปี พ.ศ.2485-2488 ศึกษาพระธรรมที่วัดหนองหลัก ตำบลเหล่าบก อำเภอม่วงสามสิบ อุบลราชธานี ด้วยความมานะพากเพียรจึงสอบได้นักธรรมโทและเอก 
 
                                    

แต่แล้ว ในปีพ.ศ.2497  โยมมารดาและพี่ชาย ได้นิมนต์ให้กลับมาจำพรรษา ณ บ้านเกิด จึงได้ดำเนินการสร้างวัดหนองป่าพง ท่ามกลางป่าดงพงพีที่รกเรื้อและน่าหวาดกลัว  ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสตลอดมาจนสิ้นบุญมรณะภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ.2535 เวลา 05.30 น.อย่างสงบท่ามกลางศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศ จากทุกทวีป 

                               

หลวงพ่อชา สอนสั่งด้วยธรรมะสั้นๆ ง่ายๆ แต่กินใจ ลึกล้ำจนจดจำกันได้อย่างลึกซึ้ง เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่วถิ่นแผ่นดินธรรม ยากที่จะหาคำสรรพคุณมาเสริมแต่งได้ แต่ด้วยความเรียบง่ายแห่งธรรมกถาของหลวงพ่อชา กลับขจรขจายไปไกลสุดใต้หล้าฟ้าดิน ข้ามประเทศ ข้ามทวีป และลึกเข้าไปสู่หัวใจของผู้ฝักใฝ่หาธรรมะเจริญจริง วัดหนองป่าพงจึงเป็นวัดที่เรียบๆ พระอยู่อย่างสมถะง่ายๆ ไม่ยึดติดสิ่งก่อสร้างถาวรวัตถุ แต่ยึดมั่นคำสอนที่ให้พลังใจทั้งกับพระสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ที่ก้าวเข้ามาศึกษาอย่างจริงจัง 



                               

วัดหนองป่าพง มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นป่าไม้ดงดิบนานาพันธุ์ เช่นไม้ยางนา ไม้ตะเคียนทอง ไม้กะบาก ไม้ปู่เจ้า ไม้เขลง ไม้คอแลน ไม้ไทร ไกร ไม้ตะแบก ไม้พญาสัตบรรณ ไม้ประดู่  มีการกระจายพันธุ์จากเมล็ดที่ร่วงหล่น มีต้นไม้ชั้นสองชั้นสามที่กำลังหนุ่มและเริ่มแข็งแรง เบียดเสียดขึ้นไปรับแสงแดดจากบนท้องฟ้า ท้าทายต้นไม้ใหญ่ที่หลายต้นเริ่มแก่เฒ่า ผุ ล้มตาย และกลายเป็นอินทรีวัตถุสู่ดินอีกครั้ง ผสมผสานกับดอก กิ่ง ใบ ที่ร่วงหล่นตามกาลสมัย เป็นการเปลี่ยนถ่ายตามธรรมชาติ 

                               
                
ในป่าดงพงพีของวัดหนองป่าพง มีสัตว์ขนาดเล็กๆเข้ามาอิงอาศัยมากมายหลายชนิด กระแต กระรอก พญากระรอกดำ นก แมลง งูเงี้ยวเขี้ยวขอ  ไก่แจ้ที่เดินหากินตามใต้ต้นไม้ และขุดคุ้ยใบไม้พลิกหาตัวหนอนและเมล็ดพืชที่ร่วงหล่น จิกกินเป็นอาหาร เสียงขานขันเจื่อยแจ้วแว่วดังมาจากมุมโน้นบ้าง มุมชายรั้วบ้าง ฟังได้เป็นระยะ ลูกไก่ แม่ไก่พากัยคุ้ยเขี่ย เสียงร้องกุ๊กๆ ๆ เรียกลูกมาหากินเพลินใจ 

                                  

พระสงฆ์นุ่งห่มเช่นพระทั่วไป สบง สังฆาติ บ้างก็นั่งสมาธิ บ้างก็เรียนธรรมะจากหนังสือ บ้างก็ทำกิจธุระในชีวิตประจำวัน อาบน้ำ ซักผ้าสบง ตากจีวร เป็นธรรมวินัยที่ต้องช่วยเหลือตนเอง เป็นวัตรปฏิบัติที่เรียนรู้ สั่งสม และยึดมั่นในธรรมชาติของพระสงฆ์วัดป่า ไม่มีรถยนต์หรูใต้ถุนกุฏิ ไม่มีอาสนะใหญ่โตเกินกว่าความจำเป็น ไม่มีญาติโยมผู้ร่ำรวยเดินนวยนาดมาดเจ้านาย ไม่มีเสียงวิทยุโทรทัศน์ ไม่มีเครื่องขยายเสียงที่ป่าวประกาศชวนเชิญให้ทำบุญ หยอดตู้รับบริจาค และไม่มีกิเลสตัณหาบนผืนแผ่นดินธรรมกลางป่าดงพงไพรของวัดนี้ 


                                 
                                      

ความสงบร่มเย็นหลังสิ้นหลวงพ่อชา ยังเป็นภาพที่ตราตรึงใจในสัจธรรม ไม่เปลี่ยนแปรไป และไม่ได้เพิ่มเติมสิ่งที่เรียกว่ามันมากับความศิวิไลซ์ใดๆ แต่ด้วยศรัทธาประสาศิษย์จำต้องรับการอุทิศให้ได้สร้างพระสถูปต์เจดีย์ทรงอีสานบ้านเกิด เจดีย์สี่เหลี่ยม เหลืองอร่ามกลางผืนป่าเขียวขจี เป็นที่บรรจุอัฐิหลวงพ่อชาเพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้เคารพกราบไหว้และนั่งสมาธิโดยรอบด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง เป็นเพียงสิ่งก่อสร้างใหม่ล่าสุดที่ปรากฎบนแผ่นดินธรรมผืนใหญ่ในร่มเงาพระศาสนาอย่างลงตัว และสงบงาม  

   
                                      



Tags : Dhama Land

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view