พระพุทธปรางค์วัดอรุณราชวราราม
: สุดยอดสถาปัตยกรรมรัตนโกสินทร์ ริมฝั่งเจ้าพระยา
“เอื้อยนาง”
วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่มีมาแต่สมัยอยุธยา เดิมชื่อ “วัดมะกอก” ด้วยว่าตั้งอยู่ในเขตชุมชน “บางมะกอก” ต่อมาเปลี่ยนเป็น “วัดแจ้ง” โดยเหตุมาจากเมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่กรุงธนบุรี ล่องมาตามลำเจ้าพระยา ถึงบริเวณวัดแห่งนี้พอดีรุ่งแจ้ง(สว่าง) พระองค์จึงได้เสด็จมาสักการะ วัดนี้จึงได้ชื่อว่า “วัดแจ้ง”แต่นั้นมา ครั้นเมื่อพระองค์ตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี ก็โปรดให้สร้างพระราชวังขึ้นในบริเวณนี้ วัดจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขตราชฐานครั้งนั้นด้วย ครั้นถึงสมัยรัตนโกสินทร์เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติ ได้ทรงรื้อกำแพงพระราชวังเดิมบางส่วนออก วัดแจ้งจึงเป็นวัดนอกเขตพระราชวังไป ต่อเมื่อรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดให้บูรณะพร้อมทั้งพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดอรุณราชวราราม”
พุทธปรางค์ ฤาเทพสร้างในแดนดิน
แต่เดิมนั้นการสร้างพระปรางค์ก็เพื่อเป็นที่เคารพสักการะเนื่องในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู แต่พระปรางค์วัดอรุณราชวราราม เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นด้วยศรัทธาในพุทธศาสนาผสมผสานไปกับศิลปกรรมแบบฮินดูจึงได้ชื่อว่า พุทธปรางค์
พระปรางค์องค์เดิมของวัดอรุณราชวรารามสูง ๘ วา สร้างขึ้นพร้อมกับโบสถ์น้อย และวิหารน้อย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงมีพระราชศรัทธาจะเสริมสร้างให้ใหญ่สูงกว่าเดิมมาก แต่พระองค์สวรรคตเสียก่อน ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดให้ปฏิสังขรณ์วัด พร้อมกับสร้างกุฏิสงฆ์เป็นตึกทั้งหมด พร้อมกับเสริมสร้างพระปรางค์ให้สูงถึง ๑ เส้น ๑๓ วา ๑ ศอก ๑ นิ้ว
วัดอรุณราชวรารามตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา เขตธนบุรี ตรงกันข้ามกับท่าเตียน หากคุณเดินทางไปชมวัดอรุณราชวรารามโดยทางเรือจะสามารถมองเห็นยอดปรางค์สูงเด่นอยู่แต่ไกล และยิ่งได้ก้าวขึ้นจากเรือสู่ฝั่งหน้าวัด ความงามตระการแห่งสถาปัตยกรรมจะหยุดสายตาคุณให้ตะลึงแล ชะงักงันราวกับต้องมนตร์ขลัง ยิ่งก้าวเดินเข้าไปใกล้ได้แหงนเงยขึ้นไปมอง ในยามที่มีผู้คนขึ้นไปเดินบนฐานชั้นรอบพระปรางค์ คุณจะมองเห็นผู้คนเหล่านั้นตัวเท่าตุ๊กตาหุ่นมือตัวเล็ก ๆ ป่ายปีนอยู่บนฐานชั้นที่ลดหลั่น ซึ่งมีกระบี่แบก ยักษ์แบก พราหมณ์แบก อยู่เป็นแถวรายเรียง
องค์พระปรางค์ก่อด้วยอิฐถือปูนประดับประดาด้วยลวดลายหลากสีสันวิจิตรแพรวพราว ตั้งอยู่บนฐานไพทีขนาดใหญ่ย่อมุมไม้สิบสอง มีปรางค์ทิศตั้งอยู่ทั้งสี่มุมของฐาน และยังมีมณฑปที่ทิศสำคัญทั้งสี่ทิศ ถัดขึ้นไปเป็นฐานซ้อนลดขนาดกันขึ้นไปจนถึงเรือนธาตุ โดยมีบันทางขึ้นทั้งสี่ด้าน ตรงส่วนเชิงบาตรแต่ละชั้นมีรูปยักษ์แบก กระบี่แบก และพราหมณ์แบกตามลำดับ
เรือนธาตุของปรางค์เป็นชั้นจัตุรมุขประดิษฐานรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ๔ ด้าน
ชั้นอัสดงประดับด้วยรูปนารายณ์ทรงครุฑ
พระพุทธปรางค์นี้ ช่างได้จำลองเขาพระสุเมรุแกนกลางของจักรวาลตามคติไตรภูมิออกมาเป็นพุทธสถานได้อย่างงดงามราวกับดินแดนแห่งเทพผู้คุ้มครองเทวภูมิ
สิ่งที่เสริมความงามเรืองรองพราวพร่างให้แก่แกนจักรวาลนี้ คือ การตกแต่งประดับประดาด้วยกระเบื้องเคลือบสีต่าง ๆ แต่งเป็นลวดลายดอกไม้ ใบไม้ และลายอื่นที่งามประณีต วิจิตร บรรจง กระเบื้องจีนที่ใช้มีทั้งแบบกระเบื้องเคลือบสีทั้งแผ่น และชิ้นส่วนใหญ่เล็กหลากสีสัน บางส่วนมีเปลือกหอย กระจกสี ประดับเสริมแต่ง สอดสลับพราวตาน่าชมยิ่งนัก
๑๑๑๑๑๑๑๑