จอมโกงจอมภู ตอน 24 ล่องแพบก
ในพื้นที่ลุ่มน้ำห้วยสามสบ 65,000 ไร่เศษ เป็นภูเขาสลับซับซ้อนที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางตั้งแต่ 100 เมตรถึง
หน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอกปลูกป่าปรับปรุงต้นน้ำไปแล้ว
วันว่างจากงานปลูกป่า มณีชวนเพื่อนร่วมงานเดินสำรวจป่าสักดงที่เหลืออยู่ ขณะไต่ขึ้นไปตามสันเขาผ่านป่าไผ่ ป่าไม้รุ่นสองที่กำลังเติบโต และสวนป่าพ.ศ.2518 บางส่วน พอเข้าดงสักใหญ่
“เหนื่อยก็พักกันหน่อยดีไหม? พี่ชักแย่แล้วว่ะ!”
มณีถอดใจ นั่งลงบนตอไม้สักตอเขื่องตอหนึ่ง ประเสริฐหาที่ยืนพิง ผ่อนขาข้างหนึ่ง เผ่น ฤทธิ์ เชื่อม ไว นั่งลงกับพื้นที่มีใบไม้แห้งร่วงหล่น ใช่แล้วมันเป็นป่าผลัดใบประเภทมีไม้สักล้วนๆ กิ่งไม้ใบบางที่เหลืออยู่เพิ่มแสงแดดจัดจ้าพอดู มณีมองกวาดไปทั่วๆ ด้วยความตกใจ
“ดงสักนี่โดนกานแทบหมดเลยนี่ จองกันไว้ขนาดนี้เลยหรือ”
“คนนาน้อย คนเวียงสา มาเอาไม้สักดงนี้ทั้งนั้นครับ” ฤทธิ์พูดขึ้น
“แล้วทำไมไม่บอกบ้าง จะได้มาดักจับ” มณีแย้ง
“ก็นึกว่าหน่วยเรามีหน้าที่ปลูกป่าอย่างเดียวครับ” เผ่นตอบ
“ไม่หรอก แท้ที่จริงในพื้นที่หน่วย เราต้องรับผิดชอบทั้งหมด ถ้าไม่ป้องกันรักษาป่าที่เหลืออยู่ ก็เท่ากับเพิ่มงานปลูกป่าทดแทนไม่เลิกรา” มณีตอบและย้ำว่า ถ้าพบอีกขอให้บอกด่วนด้วย
พอหายเหนื่อย มณีลุกขึ้นเดินนำหน้า คราวนี้เป็นการเดินลงเขาเพื่อไปยังที่ราบตีนเขา ที่ราบในหุบเขาค่อนข้างล่อแหลมต่อการจับจองพื้นที่ทำไร่มากที่สุด แต่ขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเดินลงนั้น เผ่นเหลือบไปเห็นล้อคันหนึ่งกำลังชักลากไม้เสาเหลี่ยมเต็มคัน
“หัวหน้า เต็มล้อเลยครับ” พลางชี้มือให้ดู
“เอากันกลางวันแสกๆ เลยนิ ทุกคนระวัง ประเสริฐเตรียมปืนนะ ทันทีที่จู่โจม ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ขู่สักหน่อย” มณีหันไปบอกประเสริฐ ๆ พยักหน้ารับรู้และเตรียมแกะซองปืนที่เหน็บเอวอยู่
คณะสายตรวจจำเป็นย่องจนเกือบถึงล้อบรรทุกไม้ ทันทีที่มณีส่งสัญญาณให้ประเสริฐยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดตามที่ตกลงกัน แต่เสียงปืนกลับดังรัวจนหมดแม็ก ประเสริฐหน้าซีดด้วยความตกใจ คนขับล้อได้ยินเสียงปืนก็กระโดดลงล้อแล้วรีบปลดวัวออกจากแอก จูงวัวแจวอ้าวแบบไม่เหลียวหลัง
มณีสั่งการ เผ่น ฤทธิ์ เชื่อมและไว วิ่งกันเข้าไปจับคนและวัว แต่ตามไม่ทัน ประเสริฐตั้งสติได้รีบตามลงไปสมทบคณะ
“ไม้สักเสาเหลี่ยมหน้า 6 นิ้วทั้งนั้นเลยนี่ ยาว
“เชื่อมกลับไปหน่วยนะ ถ้ารถบรรทุกเลิกงานให้วิ่งเข้ามาบรรทุกไม้กลับหน่วย” มณีสั่งการ
“เดินล่องห้วยสามสบไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึงหลังหน่วยเป็นสวนป่าแปลง 2518 ไปเลย รีบไปเดี๋ยวจะค่ำเสียก่อน” มณีสั่งการ เชื่อมออกเดินทางกลับหน่วยเพื่อแจ้งเรื่องให้รถบรรทุกมาขนของกลาง เวลาผ่านไปชั่วโมงเศษๆ คณะนั่งพักผ่อนรอจนกระทั่งเชื่อมวิ่งหน้าตื่นกลับมา
“หัวหน้า…ครับ …รถบรรทุกไปบรรทุกข้าวในเมืองครับ คงกลับมาค่ำๆ” เชื่อมหอบไปพูดไป
“ใครสั่ง ตายละ พี่สั่งเองนี่นะ ทำไงดีวะนี่” พลางหันไปทางประเสริฐ และคณะ
“จับแล้วไม่เอาของกลางมาเก็บรักษา อันตราย อาจมีเรื่องยาว” มณีพึมพำ แล้วหันมาสั่ง
“ลองไปดูที่ล้อซิว่ามีอะไรเหลืออยู่บ้าง “
“เผ่นเข้าไปดูหน่อยซิ “ เผ่นๆ แผล็บเดียวถึงล้อเทียมวัว
“มีเชือกที่มัดไม้นี่แหละครับหัวหน้า” มณีพยักหน้าแล้วตะโกนตอบ
“เอาเชือกนั่นแหละมาผูกหัวเสาแล้วช่วยกันลากกลับหน่วย ลากล่องน้ำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ถึง”
มณีพูดเพราะคิดว่าง่าย แต่ทุกคนทำหน้าแปลกๆ
เผ่นตัดเชือกแบ่งกันพอให้ผูกเสาเหลี่ยมได้ ทุกคนได้หัวเชือกก็ค่อยๆ ลากกันไปตามทางจนถึงห้วยสามสบ มีน้ำไหลอ่อยๆ มณีและประเสริฐลากนำทางไปก่อนคนละ 1 ท่อน ที่เหลือแบ่งกันจนครบ 7 ท่อน และแล้วงานล่องแพบกก็เริ่มต้นด้วยความทุลักทุเลที่สุดในชีวิต
ล้อเทียมวัวถูกปล่อยทิ้งไว้เหมือนไม่เคยเห็น ระหว่างที่ลากไปเจอแก่งหินทีก็เหนื่อยหน่อย ต้องเฮโลมาช่วยกันยกข้ามทีละท่อน แม้อยู่ในห้วยแต่กลับร้อนตับแทบแตก เหงื่อไหลท่วมกายทุกคน จากช่วงเวลาก่อนเที่ยง กว่าจะถึงหน่วยได้ก็ปาเข้าไปตะวันตกดินพอดี มณีเหนื่อยเหมือนจะขาดใจ ประเสริฐคนหนุ่มยังไปได้ไหว ไวกับเชื่อมก็สบายๆ 2 คน 3 ท่อน แต่เผ่น,และฤทธิ์ต้องควบคนละ 2 ท่อนกลับรู้สึกเฉยๆ
รุ่งขึ้นมณีไม่บันทึกส่งคดีไม้สักดังกล่าวแต่เก็บรักษาไว้ดื้อๆ เรื่องที่ติดใจมากคือ ไม้สักที่ถูกกานและตัดลงมากมาย การจับอย่างเดียวยังไงก็ตามไม่จบ
“ไม้เสาเหลี่ยม 9 ท่อน ปลูกสร้างบ้านได้หลังหนึ่งพอดี ส่วนดงป่าสักที่เห็นพี่ว่าอีกไม่นานคงหมดดง ตามจับก็เหนื่อยตายเลย ครั้นจะแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่แน่ใจ ประเสริฐว่าไงวะ?”
“ผมก็ว่าคงหมดไปในไม่ช้านี้ เพราะว่ากานจนตายไปมากแล้ว แล้วก็ไกลหน่วยงานเรา ดูแลไม่ทั่วถึง”
ประเสริฐพูดตอบโต้บ้าง
“ปล่อยให้ชาวบ้านของเราเลื่อยมาสร้างบ้านบ้างดีไหม?” มณีคุยต่อ
“ก็ดีนะครับ บ้านฟากหลังคามุงหญ้าคาไม่มีใครอยากอยู่นักหรอกครับ ได้ไม้สักมาสร้างบ้านก็ดีกว่าแน่ๆ หนามยอกก็เอาหนามบ่ง” ประเสริฐเสนอเพื่อสนอง
“อ๋อ ดีๆ” มณีคราง
ตกค่ำอีก 2 วัน มณีพอจะหายเหนื่อยจากการล่องแพบก ตัดสินใจเรียกประชุมชาวบ้าน มีการโฆษณาว่าวันนี้งดหนังกระด้าง แต่มีหนังจริงมาฉายให้ดูด้วย ได้ผล ไม่มีใครอยู่เฝ้าบ้านเลย ทุกคนอยากดูหนังมาก
“คืนนี้มีเรื่องปรึกษาพวกเราทุกคน เมื่อ 2-3 วันก่อน พวกผมไปตรวจป่าที่เหลืออยู่พบว่าเป็นดงไม้สักที่สันดอยห้วยสามสบ หลายต้นถูกกานจนตายแล้ว อีกหลายต้นกานใหม่ๆ แค่ท่อนปลายที่พวกขโมยไม้ทิ้งไว้ก็ไม่น้อยแล้ว จะทำยังไงกันดี” มณีปรารภขึ้นด้วยเสียงเรียบๆ
“ไม่เข้าใจครับ หัวหน้าจะเอาอย่างไร ไปจับมาให้หมดเลยหรือจะเอาอย่างไร?” วิเชียรถามด้วยความสับสน ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย มีแต่เด็กๆ เท่านั้นที่ไม่รับรู้ เฝ้ารอหนังฉายมากกว่า
“พูดกันจะจะ อยากเปลี่ยนบ้านฟากเป็นบ้านไม้สักไหม? ” มณีเผย
“อยากซิครับ ที่จริงผมรู้เห็นมานานแล้ว แต่ไม่รู้จะบอกใคร แค่ท่อนปลายที่เขาทิ้งไว้ก็ปลูกบ้านได้หลายหลังอย่างที่หัวหน้าว่าครับ” วิเชียรพูดขึ้นอีกรอบหนึ่ง
“ผมก็ว่าอย่างวิเชียรว่าแหละครับ มีมากจริงๆ ถ้าหัวหน้าให้เลื่อยมาปลูกบ้านได้ ผมเอาคนหนึ่งละครับ” ขจร คนหนุ่มลูก 2 กล่าวขึ้น
“แต่ระหว่างนี้ ถ้ามีใครผ่านไปพบเห็นมอดไม้ละก็ มาบอกผมได้เลย เราจะไปจับกุมดำเนินคดีพิเศษ เพราะว่าถ้าป่าหมดเราก็ต้องปลูกทดแทนนับร้อยๆ ปี”
แต่เรื่องที่มณีปรึกษาชาวบ้าน ป่าไม้สักต้นใหญ่ใช้การได้หมดแน่นอน “เดี๋ยวก็แตกหน่อใหม่” มณีนึกเข้าข้างตนเอง
ในที่สุดมีการรับรู้กันว่า หากใครมีกำลังช่วยตนเองได้จะหาไม้สักล้มขอนนอนไพรหรือยืนต้นตาย ก็เลื่อยมาปลูกบ้านได้ แต่มีข้อแม้ว่าห้ามขายออกนอกหมู่บ้านเด็ดขาด ทุกคนเห็นด้วย ใช่แล้วนกยังอยากทำรัง ทำไมคนอย่างเราจะไม่อยากมีบ้านคุ้มกะลาหัวหรือ ?
การหารือจบลง ตบท้ายด้วยหนัง 8 ม.ม. เรื่องที่ฉายเป็นหนังฝรั่งของวอลล์ดิสนี่ย์ เช่น แบมบี้ เจ้ากวางน้อย ปีเตอร์แพน เมาคลีลูกหมาป่า ในเนื้อหนังขำขันอยู่แล้วแม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ด้วยศิลปะชั้นครู หนังกลับเรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้มและความสนุกสนานได้อย่างยอดเยี่ยม ความเงียบเหงาอันตรทานไปสิ้น มณียืนมองดูด้วยรอยยิ้ม
ล่องแพบกจนแทบลากเลือด เดือดจัดๆ ก็เลยสั่งลุยมันเสียเลย ให้รู้เสียบ้าง
รุ่งขึ้น มณีนั่งกินกาแฟตามปกติและนั่งหาวหวอดๆ อยู่หน้าที่ทำการ ประเสริฐเดินออกไปสั่งงานหน้าเสาธง แต่พอมณีมองไปเห็นแต่คนงานผู้หญิงนั่งกันเต็ม ผู้ชายหายไปหมด
“เฮ้ย! เกิดอะไรขึ้นวะ “ ประเสริฐเดินกลับที่ทำการ เอาบัญชีเรียกชื่อไปเก็บ ระหว่างเดินไปก็พูดขึ้น
“พี่ ได้ผล 100 % ผู้ชายแบกเลื่อยและขวานเข้าไปดงป่าสักบนดอยห้วยสามสบหมดเลย ไม่เหลือกระทั่งคนแก่” มณีหัวเราะหึๆ ประเสริฐค่อนข้างร้อนใจ
“พวกบ้านห้วยเขียด ห้วยเลา คงโมโหแน่นอน”
“เป็นไงก็เป็นกัน จับไม่ไหว หนามยอกก็เอาหนามบ่งอย่างนี้ละนะ”
อีกไม่นาน นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งมาว่า มีบัตรสนเท่ฟ้องร้องว่าหน่วยปรับปรุงต้นน้ำภูพยับหมอกทำไม้เถื่อน ป่าไม้สักบนสันดอยคงจะหมดไป ขอให้จับกุมด้วย ในใบแจ้งระบุว่า หัวหน้าและผู้ช่วยสนับสนุนให้ทำไม้เถื่อน สงสัยว่าจะได้ประโยชน์จากการขายไม้ในป่า
นายอำเภอร่วมกับป่าไม้จังหวัดน่านเข้ามาสอบข้อเท็จจริง พบข้อเท็จจริงตามที่มณีเล่าแจ้งแถลงไข ทุกคนหัวเราะและส่ายหน้าที่มีคนกล้าบ้าบิ่นแก้ปัญหาเหมือนไก่นาตาฟาง
“เอาไงดีท่านป่าไม้จังหวัด “ นายอำเภอถาม
“เอาไงก็เอากัน คนบ้าๆ อย่างมณีมีแต่เสี่ยงเพื่อชาวบ้าน เฮ้อ!” ป่าไม้จังหวัดถอนใจเฮือกใหญ่
หลังจากตกลงปลงใจได้ การทำบันทึกเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดก็ปกป้องคนทำงานเพื่อประชาชน ข้อความในบันทึกกินใจไม่น้อย
“เป็นทิศทางการทำงานที่ชัดเจนว่า หน่วยงานนี้เอาทั้งคน และเอาทั้งป่า การพัฒนาทุกกรณีย่อมมีสิ่งที่ต้องเสียหาย แต่เป้าหมายโดยรวมเหมาะสมกับความเป็นจริง และคณะกรรมการเห็นร่วมกันว่า ควรยุติเรื่อง”