เกด
ชื่อพื้นเมือง เกด
ชื่อวิทยาศาสตร์ Manilkara hexandra (Roxb.) Dubard
ชื่อวงศ์ SAPOTACEAE
สถานภาพ ไม้หวงห้ามธรรมดาประเภท ก
นิเวศวิทยาและการกระจายพันธุ์
ในประเทศ ป่าดงดิบชื้น หรือเขาหินปูนที่ไม่สูงมากนักทางภาคใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้และป่าชายหาดทั่วไป
ในต่างประเทศ พม่า กัมพูชา ลาว เวียดนาม
ลักษณะทั่วไป
ต้นไม้ ไม้ยืนต้นขนาดกลางถึงใหญ่ สูง 15-25 เมตร ผลัดใบ เรือนยอดแน่นทึบเป็นพุ่มกลม ลำต้นและกิ่งมักคดงอ ต้นเล็กมีกิ่งคล้ายหนาม มีน้ำยางขาว เปลือกนอกสีน้ำตาลอมเทา เมื่อเปลือกแก่สีคล้ำ แตกเป็นร่องลึกตามยาวหรือเป็นสี่เหลี่ยม เปลือกในสีชมพู
ใบ ใบเดี่ยว เรียงเวียนเป็นกลุ่มตามปลายกิ่ง ใบรูปไข่กลับ กว้าง 2-5 ซม. ยาว 6-11 ซม. ปลายใบมนกว้างและหยักเว้าเล็กน้อย โคนใบมน แผ่นใบหนา ขอบใบเรียบ หลังใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ท้องใบสีนวล เส้นแขนงใบเรียงขนาดถี่ ๆ เห็นไม่ชัดเจน ก้านใบเกลี้ยงยาว 1.5-2 ซม.
ดอก ดอกออกเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นช่อแบบช่อกระจุกสั้น ๆ ตามซอกใบและเหนือรอยแผลใบ ดอกห้อยลง กลีบเลี้ยงเรียงเป็น 2 ชั้น ๆ ละ 3 กลีบ กลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดปลายแยกเป็น 6 แฉก ดอกบานเต็มที่กว้าง 0.8-1.2 ซม. ดอกสีขาวหรือเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ
ผล ผลสด แบบมีเนื้อ รูปไข่ ผิวผลหนาเป็นมัน กว้าง 0.9-1.1 ซม. ยาว 1.4-2 ซม. ผลสุกสีเหลืองอมส้ม มีเมล็ด 1 เมล็ด
ระยะเวลาการออกดอกและเป็นผล
ออกดอก ก.ค.-ส.ค.
ผลแก่ ต.ค.-พ.ย.
การขยายพันธุ์ เพาะกล้าจากเมล็ด
การใช้ประโยชน์
ด้านเป็นไม้ประดับ เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ขนาดใหญ่ พุ่มเรือนยอดกลมกว้าง ใบหนาแน่น ดอกดกมีกลิ่นหอม นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามพุทธศถาน ให้ร่มเงาได้ดี ใช้พื้นที่ขนาด 4x4 เมตร ก็ปลูกได้ เป็นไม้ที่ขึ้นได้ตั้งแต่ชายหาดทรายจนถึงป่าดงดิบชื้น
ด้านเนื้อไม้แปรรูป ใช้ทำเครื่องมือการเกษตรกรรม
ด้านเป็นพืชอาหาร ผลสุกกินได้
ด้านสมุนไพร สรรพคุณ
เปลือกต้น แก้เลือดออกตามไรฟัน แก้เหงือกอักเสบ แก้ไข้ ฝาดสมาน บำรุงกำลัง เป็นยาต้านพิษ
ผล รับประทานเป็นยาฝากสมานบำรุงกำลัง
ผลและเมล็ด ทำให้ผิวหนังอ่อนนุ่ม
เมล็ด บรรเทาอาการระคายเคือง รักษาแผลเปื่อย แผลพุพอง