ปฐมบทแห่งธรรมะที่สารนาถ
ธงชัย เปาอินทร์-ภาพ/เรื่อง
เมื่อพระพุทธองค์ทรงละความเพียรจากทุกข์กริยามหาโหด อดๆ อยากๆ ยากลำบากพระวรกายและจิตใจยิ่ง ณ ริมฝั่งเนรัญชรามหานทีนั้น ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เข้าใจว่า ทรงละทิ้งการบำเพ็ญเพียรกลับมักมากเสียแล้ว จึงสิ้นศรัทธาหนีไปอยู่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี อย่างสิ้นเยื่อใย แต่เมื่อพระพุทธองค์ทรงบรรลุโสดาบันเมื่อย่ำรุ่งคืนวันเพ็ญเดือนหก(ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) นั้น ผู้ที่พระพุทธเจ้าระลึกถึงและใคร่โปรดพระธรรมคำสอนเป็นพระอาจารย์ที่ได้เคยอาศัยศึกษาหาความรู้ คืออาฬารดาบสกาลามโคตร และ อุททกดาบส รามบุตร แต่ท่านได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งสองตน
ลำดับต่อมาที่พระพุทธองค์นึกถึงปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 ที่เคยอุปัถฐากระหว่างบำเพ็ญเพียรอยู่ถึง 6 ปี จึงได้เสด็จไปหาด้วยพระองค์เอง ยังความฉงนให้กับเหล่าปัญจวัคคีย์ยิ่งนัก แต่เมื่อได้ฟังธัมมจักกัปปวัตนสูตร จึงได้บรรลุธรรมอมฤตแห่งองค์สมณโคดม จึงแจ้งทั้งปวงแล้วปัญจวัคคีย์ทั้งห้าก็ได้บรรลุโสดาบันแล้วบวชเป็นพระภิกษุเช่นกันทั้งสิ้นด้วยวิธีเอหิภิกขุอุปสัมปทา
ต่อจากนั้นพระพุทธองค์ทรงเทศนาเรื่อง “วิปัสสนาวิมุตติ” อันเป็นที่สุดแห่ง พรหมจรรย์ชื่อว่า "อานัตตลักขณสูตร" สิ้นบทพระธรรมคำสอนปัญจวัคคีย์ก็หลุดพ้นจากกิเลสาสวะ ไม่ถือมั่นด้วยอุปทานสำเร็จเป็น “พระอรหันต์” และรับใช้พระพุทธศาสนาสั่งสอนไปทั่วชมพูทวีป เป็นธรรมจาริกรุ่นแรกว่างั้นเถอะครับ
พระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงสร้างพุทธศาสนสถานเพื่อรำลึกถึงพระสมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงปฐมเทศนา ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน เมืองพาราณสี หลังจากพุทธกาล 300 ปี เหลือร่องรอยมากมาย ที่มองดูใหญ่โตและมีความอลังการยิ่งก็ ธรรมเมกขสถูป ประดับปรระดาด้วยการแกะสลักวิจิตรพิสดาร มีเสาศิลาจารึกรูปหัวสิงห์ อันเป็นตราของพระเจ้าอโศกมหาราช พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองจนถึงราชวงศ์คุปตะ
ในครั้งนั้น พ.ศ.1300 พระถังซำจั๋ง (Hiuen-Tsang) บันทึกว่ามีพระอยู่ประจำถึง 1,500 รูป พระสถูปสูง 100 เมตร และเสาหัวสิงห์ ต่อมาเมื่อถึงยุคที่กษัตริย์โมกุลเข้าปกครองอินเดีย จึงได้ปล่อยทิ้งร้างเรื่อยมา ในที่สุดเมื่อท่านอนาคาริก ธรรมปาละ ชาวศรีลังกา ได้บูรณะขึ้นอีกครั้ง ยังผลให้ประเทศอินเดียหันมาสนใจและทะนุบำรุงพุทธสถานสืบมาตราบจนทุกวันนี้
ทุกวันนี้ พุทธมณฑลแห่งป่าอิสิปตนมฤคทายวัน สถานที่ปฐมเทศนาขององค์พระสมณโคดมแก่ปัญจวัคคีย์ ได้กลายเป็นสถานที่แสวงบุญของเหล่าพุทธศาสนิกชนจากทั่วโลก เป็นเบื้อบาทแห่งพระศาสนาที่ยั่งยืน และเพิ่มความมั่นคงในพุทธศาสนาสืบไปอย่างไม่มีวันดับ ดังเช่นพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ “พระพุทธศาสนาไม่มีวันเสื่อม ถ้าคนในพระพุทธศาสนาไม่ทำเสียเอง”
ใกล้ๆกับธรรมเมกสถูป คั่นเพียงถนนสายเล็กๆ มีพิพิธภัณฑ์สถานที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจเข้าไปชมอย่างยิ่ง เป็นสินค้าขายควบการเข้ามาไหว้กราบพระสถูป และซึมซับเรื่องราวแต่อดีตกาลที่ทรงคุณค่า ทุกวันนี้ หัวสิงห์ 4 หัว ได้กลายเป็นตราประจำชาติอินเดีย นอกพื้นที่พิพิธภัณฑ์มีธรรมรำลึกมากมายหลายรูปแบบให้เลือกกลับมาเป็นของที่ระลึก เป็นของฝากก็มีคุณค่ายิ่งสำหรับผู้รับ
นอกจากนั้นยังได้ไปเยือนเพื่อรำลึกถึงสถูปพระนางสิริมหามายา แล้วก็ได้มีโอกาสให้ทานแก่เหล่าคนยากคนจนที่มีมากมายทุกสถานที่ ทันทีที่รถจอด ณ จุดใดก็จะมีคนเหล่านี้เข้ามาร้องขอส่วนบุญ ถ้าจะให้ดี ไปอินเดียทั้งที แลกเงินรูปีชนิด 1 รูปี ไว้เยอะๆ รับรองให้ทานสำราญใจได้ไม่มีเหลือกลับมาบ้านแน่นอน
ภาพที่เห็นเป็นภาพที่เป็นชีวิตจริง คนรวยรวยล้นฟ้า คนจนแทบจมธรณี ความเมตตาจึงอยู่ที่ตัวท่านกับใจตน เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากสายการบินเจทแอร์เวย์เปิดเส้นทางแสวงบุญตรงจากกรุงเทพ-พุทธคยา-พาราณสี ครับ