ไปกับคุณ
“เอื้อยนาง”
มีวันว่างจากงานประจำ แค่อาทิตย์ละหนึ่งวัน ก็ใฝ่ฝันโหยหาการเลาะล่องท่องเที่ยวนักแล้ว สำหรับคนชีพจรอยู่ที่เท้าอย่างเอื้อยนาง แค่ได้ไปใกล้ ๆ ชายขอบกรุงฯ ก็เป็นดีละ วันอาทิตย์กลาง ๆ ฤดูฝนวันหนึ่งจึงได้โอกาสไปเที่ยว อ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี กันสองคนกับต้อมผู้ที่นั่งทำงานด้วยกันอยู่ทุกวัน
ไปกินมื้อเที่ยงกันที่แพอาหารริมคลองพระพิมลราชข้างวัดไทรใหญ่ ได้ไหว้พระ แล้วยังได้เดินชมตลาดน้ำริมคลองนั้นด้วยละ
ออกจากบ้านพัก(บ้านอ.วิริยะ และ โบตั๋น)ที่บางมดฝั่งธนบุรี มาต่อรถที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปไทรน้อยก็ไกลไม่น้อยในระยะทางบนถนนแบบกรุงเทพฯ แต่ถึงแล้วก็รู้สึกว่าคุ้มทีเดียวเมื่อได้พบว่า สภาพบ้านเมือง วิถีชีวิตของคนแถบนี้ยังเป็นธรรมชาติแบบชนบท เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนไม่มีเวลาไปเที่ยวไกล ๆ
ที่วัดไทรใหญ่กำลังมีงานจึงมีผู้ศรัทธามาทำบุญกันล้นหลาม ข้างวัดด้านที่ติดกับแพอาหาร และตลาดน้ำมีลิเกเด็ก ตัวน่ารักมาแสดงให้ชมกันด้วย
จ้ะ...เอ๋...
อิ่มเอมกับส้มตำผลไม้ในแพ แล้วมาเดินชมตลาดริมน้ำ ชมต้นไม้ ดอกไม้ ผักผลไม้กันนเพลินเกือบสุดทางก็มาพบรถนำเที่ยวชมสวนรูปร่างเหมือนเกวียนคอยาว แต่แทนที่จะใช้วัวลากกลับเป็นเครื่องยนต์ติดอยู่กับคอยาว ๆ ที่ยืดออกไปข้างหน้าแทน
สองสาว(เหลือ)น้อยจูงแขนกันไปด้อม ๆ มอง ๆ อยู่ไม่นานก็มีไกด์น้อยตัวป้อม ๆ กลม ๆ หน้าอมยิ้ม มาทำตาปรอย ๆ เชิญชวนให้นั่งรถเที่ยวสวนเกษตร
คุณกระแทะ นั่นแหละ
“เหมาไปเลยครับ รอคิวนั้นอีกนาน กว่าคนจะเต็มรถจึงจะออก”
เจ้าตัวกลมบอก อายุเขาคงไม่เกินเก้าขวบ แต่ตัวโตจะเท่าผู้ใหญ่แล้ว เรายิ้มให้ด้วยความเอ็นดู ก็ดูตาเขาซีเขาคงคอยมานานจะได้มีที่นั่งไปเที่ยวด้วย เลยยอมตกลง เหมาคันลำ ๑๒๐ บาทต่อเที่ยว หากรอคิวให้คนมาเต็มเขาเก็บคนละ ๒๐ แต่ต้องรอซึ่งไม่รู้ว่าจะอีกนานเท่าไหร่ จึงโอเคเหมาก็เหมา
รถกระแทะไม่รู้ใครตั้งชื่อ ที่จริงมันคือพาหนะสำหรับขนลาก ต่อกระบะนั่งโดยสารพ่วงท้ายเข้าแล้วพาผู้โดยสารเที่ยวชมสวนแบบกินลมชมวิว คนขับก็คือไกด์ไปในตัว แต่เที่ยวนี้มีไกด์พิเศษเพิ่มอีกคน เป็นเด็กชายตัวกลมหน้ายิ้ม เข้าเป็นเด็กพิเศษที่ดูจะคุ้นเคยกับคนแถบนี้ดีทีเดียว เขาดูดีอกดีใจที่ได้ไปกับเราซึ่งก็เต็มอกเต็มใจได้เขาเป็นมิตร คนขับเองก็คุ้นเคยเขาเป็นอันดี เขาบอกคนขับว่าเขาช่วยงานแม่เขาเสร็จแล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าแม่จะว่าให้
ถนนที่คุณกระแทะพาเที่ยวเป็นถนนเลียบคลองน้ำใส ริมฝั่งเขียวสดชื่น และแยกเลี้ยวเข้าไปตามเขตเกษตรกรรมของนนทบุรี ที่ดูดั่งเป็นคนละโลกกับแถวอนุสาวรีย์ชัยฯที่เราเพิ่งผ่านมา แค่ผ่านท้องทุ่งเขียวขจี มีดอกโสนเหลืองพราวบานพริ้มอยู่ริม ๆ ขอบทางเราเหมือนกับสลัดความวุ่นวายจอแจทิ้งไว้ลิบ ๆ ที่เบื้องหลังแล้ว ริมถนน ริมคลอง บางช่วงมีชาวสวนกำลังมัดผักเตรียมส่งตลาด เห็นกองผักสูงเป็นพะเนินเราก็ถึงบางอ้อ... อันว่าผักทั้งหลายตั้งแต่คะน้า ผักกาดหอม โหระพา ใบกะเพรา ที่บริโภคอยู่ทุกวันนั้นคงยกโขยงไปจากที่แน่เป็นแน่
แล้วก็ถึงคราลานตา ตื่นใจ กับถนนไม้ดอกไม้ประดับ หมู่บ้านบอนสี เฉลิมพระเกียรติ ที่ไกด์ชี้ชวนให้ดูด้วยความภาคภูมิใจ มีบางแห่งที่เขาภูมิอกภูมิใจเป็นพิเศษเขาจะพาแวะให้ชมไม่จำกัดเวลา เช่นสวนกล้วยไม้ที่ทำส่งออกทั้งดอก และต้น เขาว่าดอกกล้วยไม้เหล่านี้ส่งขายถึงพม่าเชียวนา...
“พม่าสั่งซื้อกล้วยไม้จากไทย ไปไหว้พระเขา”
อืมม...เป็นความรู้ใหม่ ที่รู้สึกทึ่งไม่น้อย
ไม่ว่าสวนกล้วยไม้ สวนบอนสี หรือสวนบัวที่พ่อไกด์พาไปชม เห็นแล้วได้แต่อัศจรรย์ใจในความสามารถของพวกเราเหล่ามนุษย์เลยเชียวหละ ว่าทำไมสามารถเสกสรรพันธุ์ไม้ได้สวยงามมากมายปานนี้
แล้วไกด์ก็พาไปดูต้นไม้ประหลาด
เป็นต้นมะกอกน้ำมีดอกแปลกๆ แตกเป็นพุ่มเป็นพวงห้อยย้อยออกมาจากปลายกิ่ง ดูรุงรังเหมือนหนวดตาฤษี
“ต้นโน้น ต้นนู้น และนี่ ลงไปดูซี”
เอื้อยนางก็เป็นคนว่าง่าย ลงไปพิสูจน์แล้วก็สรุปเอาว่า มันไม่ใช่ดอกมะกอกน้ำหรอกนะ มันดูคล้าย ๆ รากไทร สรุปไม่ได้ว่ามันคืออะไร เกิดจากอะไร แต่มันก็ดูสวยดีนะ...
แล้วก็ผ่านทิวแถวต้นตะกูยักษ์ที่ไกด์บ่นว่า มันสร้างปัญหามากมาย
รถวกอ้อมกลับทางเดิมเมื่อตะวันเคลื่อนคล้อย ผ่านป่าข้าวที่ตอนนี้มีชาวนามองเห็นตัวเล็กนิดเดียวในทุ่งกว้าง ๆ เขียว ๆ นั้น
“ดูซีครับ ชาวนาเป็นพวกที่เหนื่อยยากแค่ไหน” ไกด์เปลี่ยนน้ำเสียงจากการบ่นต้นตะกู มาเป็นเศร้า ๆ เห็นใจชาวนา “เขาต้องทำงานในทุ่งในนา ต้องคอยดูแลต้นข้าว นั่นเขากำลังเด็ดต้นข้าวที่เป็นโรคออกทีละต้นเลยนะครับ ลำบากยากเย็นจริง”
เอื้อยนางซึ่งกำลังอิจฉาเขาผู้ได้อยู่ในท่ามกลางทุ่งโล่ง อากาศโปร่ง มีต้นข้าเขียวลออละออง เอนพลิ้วล้อดอกโสนอยู่หันมาพูดกับต้อมเบา ๆ ว่า
“เราทำหน้าที่บรรณาธิการ ต้อมพิสูจน์อักษรนั้นก็ยากพอกันนะ ต้องคอยเก็บไม้เอกไม้โทละเอียดยิบในต้นฉบับ ถ่างตาแต่ละวันยากเย็นเช่นกันนะต้อม”
ตะวันบ่ายคล้อยชาวนาเดินทางกลับบ้าน
เราบอกลาไกด์น้อยตัวกลม และคุณกระแทะกลับสู่ถนนแบบกทม. กว่าจะถึงบ้านพักชาวนาเขาคงพักผ่อนนอนหลับท่ามกลางสายลมโชยทุ่ง พร้อมสูดกลิ่นดอกข้าวที่อวลอบทุ่งไปแล้วกระมัง
๐๐๐๐๐๐