ตามหาปราสาทหิน...ศึกษาขาช่วยด้วย
“เอื้อยนาง”
เส้นทางแถบนี้เป็นทางเดินช้างมาก่อน บรรพบุรุษของเราแต่เก่าก่อนมีชื่อเสียงเรื่องการจับช้าง คล้องช้างมาใช้งานเป็นที่เลื่องลือ การสัญจรไปมาระหว่างนครศรีลำดวน สังขะ ประทาย สมัน สุวรรณภูมิ สู่พิมาย และบ้านเมืองอื่น ๆในแถบถิ่นแผ่นดินแห่งเขมรสูงล้วนอาศัยช้างพาย่างเดิน มาถึงยุคสมัยเครื่องจักรกลยนตรการครองโลก ถนนแดง ถนนดำ แผ่ขยายสยายปีกรุกล้ำโยงใยไล่สัตว์พาหนะโบราณให้หมดความจำเป็น การเดินทางของผู้คนร่นเวลาลงราวกับใช้เวทย์มนตร์กระนั้น
การสัญจรไปมาจึงเป็นเรื่องง่าย เพียงมีเวลาและเป้าหมายก็ขับรถออกจากบ้านไปทันที
และมาครานี้ เป้าหมายของลูกหลานพ่อใหญ่เลาะ คือการเสาะหาปราสาทหินโบราณ ตามตำนานนางนมใหญ่แห่งปราสาทโดนตรวล ชื่อ ปราสาทตาเล็ง
เหตุเพราะตามตำนานเล่าว่า ตาเล็งเป็นคู่รักของนางนมใหญ่ผู้ยอมเสียสละแม้ชีวิตเพื่อนางที่ถูกฝ่ายเขมรต่ำมาเอาตัวไป เพราะหลงใหลความงามของนางนมใหญ่ มันน่าสนใจไม่น้อยใช่ไหมล่ะ เป้าหมายการเดินทางครานี้จึงเกิดขึ้น
เราเพียงรู้ว่า ปราสาทตาเล็งนั้น ตั้งอยู่ในเขตอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เราก็สรุปเอาง่าย ๆ ว่าขับรถออกจากบ้านที่อุบลไปศรีสะเกษระยะทางเพียง ๖๐ กิโลเมตร แล้วเลยไปขุขันธ์รวมแล้วไม่เกิน ๑๐๐ กิโลเมตร ซึ่งใกล้กว่าบางอำเภอ เช่น น้ำยืน นาจะหลวย ของอุบลเองด้วยซ้ำ เราก็จึงออกเดินทาง พกเอาลูกเล็กเด็กน้อยไปกัน
“ขับรถไปดูป้ายไปละกันนะ”
“ไปถึงขุขันธ์แล้วค่อยถามทางก็ละกัน”
นั่นแน่... ความคิดแบบสบาย ๆ ตามสไตล์ลูกหลานพ่อใหญ่เลาะ
แล้วเราก็ทำทั้งสองอย่าง คือ ขับรถไปตามป้าย และพอไปถึงขุขันธ์ อ้าว ป้ายหาย หรือเลยป้าย
“ลงไปถามชาวบ้าน ชาวเมือง เขาคงบอกได้ ก็ปราสาทหิน โบราณสถาน คนในอำเภอเดียวกันเขาต้องรู้อยู่ดอกนา”
หลานพ่อใหญ่เลาะบอก ลูกพ่อใหญ่เลาะก็ลงไปถามทาง ขณะเหลนพ่อใหญ่เลาะก็เล่นอยู่ด้านเบาะหลัง ยังแฮปปี้อยู่
ณ ตลาด ขุขันธ์
จุดที่หนึ่งที่ไปถาม เขาว่าไม่รู้จักหรอกเพราะไม่ใช่คนถิ่นนี้ จุดที่สองโอเคให้ขับรถตรงไปแล้วเลี้ยวขวา ไปจนถึงสามแยกแล้วเลยไปอย่าเลี้ยว
ฟังทะแม่ง ๆ แต่ก็ทำตาม ถึงสามแยกก็ไม่เลี้ยวรถเลยวิ่งไปเรื่อย ๆ ไกลออกไปถึงหมู่บ้าน มองหาป้ายไม่มีเลยลงไปถามอีก
“ปราสาทตาเล็งหรือไม่มีหรอกแถวนี้”
งั้นออกรถไปถามข้างหน้า ข้างหน้าบอกว่า
“ได้ยินแต่ปราสาทตาเส็ง ตาเซ็งนะ กลับรถก่อนแล้วค่อยเลี้ยวซ้าย”
ชักงง ๆ กัน ตาเส็ง ตาเซ็ง มาแทนที่ตาเล็ง ออกรถไปอีกเลี้ยวซ้ายตามที่เขาบอก ครานี้เจอถนนโลกพระจันทร์สมาชิกด้านเบาะหลังเริ่มออกอาการงอแง
เหตุการณ์เป็นดั่งนั้นไปอีกหลายหมู่บ้าน ดีว่าเป็นลูกหลานพ่อใหญ่เลาะผู้ไม่ย่อท้อในการเลาะล่องท่องเที่ยว หิวก็กิน ปวดฉี่ก็หาที่หาทาง
ท้องทุ่งกว้างใหญ่ ฟ้าใสๆ ในวันอากาศเย็นสลายแห่งเดือนธันวาคม ทำให้เป้าหมายของเราไม่หลุดทิ้งกลางกลาง เรายังคงอดทนในการเสาะหา ปราสาทตาเล็ง หรือตาเส็งก็ไม่รู้ เลยไปเจออีกสองปราสาทที่ไม่ได้เสาะหา นับว่าเป็นกำไร นั่นคือปราสาทบ้านสมอ กับปราสาทปรางค์กู่
จริง ๆ การตามหาปราสาทหินตาเล็งครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งในความใฝ่ฝัน ด้วยเหตุบรรพบุรุษของเรา ต้นตระกูลพรหมทา กับพรหมคุณ เป็นคนจากท้องถิ่นแผ่นดินแห่งปราสาทหิน เราจึงคิดถึงอยู่เสมออยากมาสัมผัสหากว่ามีโอกาส
ห่างออกมาจากตัวอำเภอออกมา จากการลงไปสัมผัสสอบถามเราได้รู้ว่าชาวบ้านส่วนมากเป็นส่วย หรือเขมร ไม่พูดจาภาษาลาว มีน้ำใจ และใสซื่อน่าคบหา
สภาพแวดล้อมในหมู่บ้าน ไม่ว่าถนนหนทาง ใต้ถุนบ้าน หรือที่อื่นใดดูสะอาดสะอ้าน ไม่มีขยะรุงรังเหมือนบ้านชานเมือง ไมแอบซุก ๆ ไว้ที่ว่างของคนอื่นอย่างในเมืองกรุง เราแวะทานกลางวันที่หมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านปราสาทที่ตั้งปราสาทตาเล็งเลย
แต่ว่า...ชาวบ้าน เล็ก ใหญ่ ไม่มีใครรู้จักปราสาทตาเล็ง นอกจากคนขายไอศกรีมที่ขับรถตระเวนไปหลายหมู่บ้าน ผู้ซึ่งบอกทางเราได้ถูกต้องจนไปถึงได้
โชคดีที่มีคนขายไอศกรีม
ไปถึงปราสาทจนได้กลับมา แต่ยังค้างคาใจ
กับสถานที่สำคัญ เป็นโบราณสถานอย่างนั้น ทำไมชาวบ้านในท้องถิ่นไม่รู้จักเลย ทั้ง ๆ กรมศิลปากรได้พบเจอ ให้ความสำคัญทำการขุดค้น บูรณะ ปฏิสังขรณ์ ขึ้นทะเบียนไปแล้วในหลาย ๆ แห่ง ๆ ในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวไปแล้วก็ไม่น้อย
เอาเถอะ...คนรุ่นก่อนช่วงหนึ่งอาจไม่รู้เพราะประวัติศาสตร์อีสานขาดตอนเป็นที่รู้กัน แต่เด็กรุ่นใหม่ที่ได้เรียน ได้ศึกษาในระบบที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมที่อ้าง ๆ กัน ในช่วงแห่งการปฏิรูปใหม่ (ปฏิรูปไม่รู้กี่ครั้ง) คุณครูบาอาจารย์มีโอกาสเสาะหาตำแหน่งทางวิชาการเท่าเทียม ทำไมรากเหง้าของตัวเองเท่านี้จึงไม่มีใครใส่ใจ ให้ความรู้ ให้ข้อมูล ให้การศึกษาด้านประวัติศาสตร์ความเป็นมาของตนเองแก่นักเรียนและชาวบ้าน
กระทรวงศึกษาที่ไม่มีศึกษาธิการอำเภอ ศึกษาธิการจังหวัดแล้ว แต่ผันแปรไปเป็นตำแหน่งใหม่เป็นเขต เป็นผอ.ทำอะไรอยู่หนอ
จึงร้องขอมาแหละค่ะว่า (กระทรวง)ศึกษาขาช่วยด้วย...เด้อค่ะ
๐๐๐๐๐๐๐