คริสต์มาส Christmas : สีสันแสนงามแห่งถ้วยแก้วรวมมิตร
“เอื้อยนาง”
เทศกาลคริสต์มาสเป็นจิตวิญญาณของผู้คนเกือบทั้งโลกไปแล้วในปัจจุบัน ใครที่ไม่รู้จักก็คงเชยสุดเลยละ
ในเมืองไทยเองซึ่งเป็นดินแดนที่ผสมผสานเอาประเพณี ความเชื่อ หลากหลายมาผนวกไว้เป็นของตนราวกับรวมมิตรหลากสี รสหวาน มัน เย็นสดชื่นในถ้วยแก้วเจียระไนแสนงามกระนั้น พอถึงฤดูกาลก็มีการเตรียมการเฉลิมฉลองต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสกันทั่วไปไม่ว่าในกรุง ในห้าง ต่างจังหวัด หรืออาจแม้กระทั่งหมู่บ้านเล็ก ๆ มุมใดมุมหนึ่งของประเทศไทย
เอื้อยนาง เมื่อครั้งยังเป็นครู เคยไปสอนที่โรงเรียนในหมู่บ้านเล็ก ๆ ชุมชนชาวคริสต์ริมฝั่งแม่น้ำมูล ทุกปีพอใกล้วันคริสต์มาสโรงเรียนแทบร้างกันเลย เพราะเด็ก ๆ
ต่างพร้อมใจกันลาไปเตรียมการ เตรียมตัว ให้พร้อมก่อนวันสำคัญนั้นจะมาถึง
“หนูจะไปตลาดเมืองวารินกับแม่ ซื้อเสื้อผ้าใหม่ ชุดใหม่ไว้ใส่ในวันคริสต์มาส”
“หนูจะต้องอยู่บ้าน เลี้ยงน้อง แม่กับยายไม่ว่าง ต้องทำข้าวหนมข้าวต้ม”
“ผมต้องซ้อมละคร ตอนกำเนิดพระกุมาร ที่จะแสดงในคืนวันที่ ๒๔ นี้”
“พวกหนูก็จะซ้อมรำ ซ้อมฟ้อน เพื่อเข้าขบวนแห่ด้วย”
.......
เหตุผลมากมาย สรุปแล้วก็คือภารกิจใหญ่หลวงเกินกว่าจะมาโรงเรียนได้ คุณครูอย่ามาห้ามซะให้ยาก งานนี้พ่อแม่ผู้ปกครองก็เป็นกันทั้งหมู่บ้านอยู่แล้ว ครูก็ได้แต่ยอมแพ้และเข้าร่วมกิจกรรมชุมชนด้วยเท่านั้นเอง ได้เรียนรู้วิถีชีวิต วิถีคริสต์ในอีสานด้วย
หะแรกก็ได้แต่แปลกใจ ตื่นตา ตามประสาคนตาตื่นอย่างเอื้อยนางละ เห็นการทำต้นเงิน(บริจาค)แบบต้นบุญผ้าป่า บุญกฐิน บุญพระเวสสันดร เห็นชาวบ้านหอบหมอนขิดลายสวยไปทำบุญวันคริสต์มาส ก็ให้แปลกใจ และได้ข้อสรุปว่านี่คือความผสมกลมกลืนแห่งวัฒนธรรม ความงามล้ำแห่งถ้วยแก้วรวมมิตร
ครั้นได้ไปอยู่ทัสมาเนีย(รัฐทางใต้ของออสเตรเลีย)หลายปี ได้เห็นท่าน “ซานตาคลอส” มาเดินแจกของท่ามกลางแสงแดดเปรี้ยงแห่งฤดูร้อนของโลกใต้ที่แดดใสผ่องส่องจ้าตั้งแต่ตีสี่ไปจนถึงสี่ห้าทุ่มของแต่ละวัน เหลือเวลากลางคืนสี่ห้าชั่วโมงในแต่ละวัน ก็ให้ประหลาดใจอีก เด็ก ๆ ที่นั่นวาดรูปท่านซานต้าขี่ม้าแทนกวางเรนเดียนที่เราเคยรับรู้ในตำนานเชียวหละ
แม้ไม่ใช่ชาวคริสต์ แต่เราก็มีเพื่อน มีพี่ มีน้อง มีลูกศิษย์ลูกหานับถือศาสนาคริสต์อยู่รอบ ๆ ตัวเรา ปัจจุบันเจ้าอิ๊กคิวหลานจอมซนก็เรียนอยู่ในโรงเรียนในอุปถัมภ์ของคริสตจักร ดังนั้น ตำนานและเทศกาลวันคริสต์มาสในสังคมนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และจินตนาการถึงวันคริสต์มาส ถึงซานตาคลอส ก็คือความหนาวเย็น ซานตาคลอสจะเดินทางไปที่ใด ๆ ด้วยล้อเลื่อนที่มีกวางเรนเดียน ลากลิ่วลอยไปในปุยหิมะ
ตามตำนานนั้นว่า วันคริสต์มาส คือวันที่ ๒๕ ธันวาคม เป็นวันประสูติของพระเยซูเจ้า ดังนั้นชาวคริสต์จะจัดงานเฉลิมฉลองวันสำคัญนี้ และถือเป็นเทศกาลสำคัญของปี ต่อเนื่องกับปีใหม่ ครอบครัวที่สมาชิกอยู่ห่างไกลกันได้เวลามาร่วมเฉลิมฉลองคุณยาย คุณย่า คุณตา คุณทวด ที่อยู่เดียวดายก็ได้เวลาจัดบ้านไว้คอยลูกหลาน ส่งของขวัญ เขียนคำอวยพร Merry Christmas สุขสันต์วันคริสต์มาส เสียงเพลงเมอรรี่คริสต์มาสในทำนองจังหวะสนุก ๆ จะดังก้องตลอดสัปดาห์แห่งเทศกาล ทุกคนจะเตรียมของขวัญจากใจเตรียมไว้ให้คนที่ตนรัก วางไว้ตามต้น หรือกิ่งก้านของต้นคริสต์มาส ซึ่งนิยมใช้ต้นสน นำมาประดับประดาสีสันแพรวพราว
ในชุมชนเมืองเล็ก ๆ อย่าง St.Helens Tasmania ช่วงเวลาแห่งเทศกาลนี้จะมีการจัดงานของกลุ่มโน้น สโมสรนี้ ครอบครัวนั้น หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นแขก เป็นเจ้าภาพไปแทบทุกวัน ต่อเนื่องจนถึงปีใหม่ เป็นช่วงวันหยุดยาวของผู้คน เย็น ๆ จะมีผู้แต่งเป็นซานตาคลอส(มีทั้งหญิง และชาย)สะพายถุงออกเดินแจกของขวัญ ทักทาย ไปเคาะประตูบ้าน ร้านค้า หรือประตูห้องที่กำลังจัดงานเลี้ยง ที่อาจมีทั้งชาวคริสต์ ชาวพุทธ และอื่น ๆ รวมกันอยู่ให้กรี๊ดกร๊าดผสานเสียงหัวเราะกันลั่นไป
จ๊ะ...เอ๋...เมอรรี่คริสต์มาส
ดูเหมือนใคร ๆ ก็รัก ใคร ๆ ก็กรี๊ดท่านซานต้าผู้เหงื่อแตกเหงื่อแตนอยู่ภายใต้ชุดคลุมสีแดงหนาๆ ท่ามกลางแสงจ้าแห่งฤดูร้อนนี่เหลือเกินละ
Merry Christmas นะคะ
๐๐๐๐๐๐๐