มิตรภาพ (Friend)
อึ้งเข่งสุง
บนเส้นทางจากเมืองพาราณสี( Varanasi)ที่จะมุ่งสู่เดลลี (Delhi) ของสายการบิน Jet Air way ผมนั่งรอเครื่องอยู่อย่างเบื่อหน่าย เหนื่อยอ่อนไปกับเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ต้องนั่งแบบเอนนอน เพื่อผ่อนคลายความหน่าย แอร์ไม่เย็นนักของสนามบินพาราณสีไม่ชวนให้บันเทิง แต่ด้วยความน่ารักของเพื่อนร่วมเดินทางก็ชวนให้หายง่วงเหงาหาวนอนได้
ผมเห็นแหม่มผมแดงร่างสันทัดคนหนึ่งหันรีหันขวาง มองหาที่นั่ง ผมคะเนย์ว่าหล่อนต้องเหนื่อยมาไม่น้อย และพินิจพิศดุแล้วก็เห้นว่า น่าจะอายุรุ่นราวคราวพี่สาวคนโตของผม
ผมขยับกระเป๋ากล้องถ่ายรูปมาไว้บนตัก แล้วร้องทักทายให้พี่สาวต่างเผ่าพันธุ์ได้เห็น เธอแสดงอาการรับรู้ได้ เธอยิ้มแล้วเดินเข้ามานั่งลงใกล้ๆผม ซึ่งโดยปกติแล้วผมไม่ค่อยอยากเสวนากับฝรั่งอั้งม้อนัก ด้วยว่าภาษาอังกฤษของผมพิกลพิการอยู่พอแรง แต่ด้วยความเชื่อมั่นในไมตรี ผมเอ่ยถามค่อยๆ
"Where are you come from?"
เธอตอบเสียงดังเลย
"America"
แล้วเธอก็ยิ้มด้วยท่าทีภูมิๆ ในชาติประเทศ "And you"
"Bangkok"
ผมกระซิบเบาๆ ด้วยคิดว่าวันนี้บ้านเมืองของผมไม่ค่อยจะโสภาเท่าไรเลย มีแต่เรื่องยุ่งๆเป็นยุงตีกัน
"Oh! I went last year ago" แล้วเธอก็ยิ้มยับย่นบนรอยตีนกาที่สวยงามด้วยวัยกำลังงาม
ผมพยายามจะเรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบง่ายๆกับหญิงสาวคราวพี่ ผมได้ทราบว่าเธอชื่อจูลี่ อดีตครูโรงเรียนหนึ่ง วันนี้อายุ 81 ปีแล้ว ได้แต่ท่องเที่ยวไปกับกลุ่มเพื่อนๆ เธอเล่าว่า ไปมาแล้ว 44 ประเทศหลังจากเกษียนราชการ
แต่สำหรับผมหลังเกษียนราชการเพิ่งจะมีโอกาสมากับสายการบิน เจทแอร์เวย์ ครั้งนี้ครั้งเดียว ข้าราชการไทยที่มีแต่เงินเดือนเป็นหลัก หลังเกษียนแม้จะมีเงินได้มาบ้างก็ต้องผลักภาระครอบครัวจนสิ้น ส่วนตัวเองได้เงินบำนาญมาน้อยเพียงใดก็ต้องกระเบียดกระเสียนให้ชนเดือน
แต่สำหรับจูลี่เธอมีรัฐบาลเลี้ยงตลอดชีพอย่างสบายๆ กิน เที่ยว นอน และก็กิน เที่ยว นอน ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ผมแลกนามบัตรกับจูลี่พี่สาวต่างเผ่าพันธุ์ด้วยมิตรภาพแสนงาม แม้ในช่วงเวลาแสนสั้น
"I call you, if I will go to Bangkok"
มิตรภาพแสนสั้นจบลงเมื่อเสียงเรียกขึ้นเครื่องของเธอมาถึงก่อน เราจับมือและถ่ายรูปคู่ไว้ดูต่างหน้า
July พี่สาวจากแดนไกล หากโชคดีมีชัยเราอาจได้พบกัน เพียงได้สัมผัสชั่ววิบวับ แต่ก็ชื่นใจที่ได้พบพาน
ลาก่อน Goodbye อิอิ หัดพูดได้อีกหน่อยหนึ่งแล้ว