http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,018,497
Page Views16,327,941
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

หลงเสน่ห์อยุธยา 1.ตาลลูกนั้น...จากบ้านโปรตุเกส โดยเอื้อยนาง

หลงเสน่ห์อยุธยา 1.ตาลลูกนั้น...จากบ้านโปรตุเกส  โดยเอื้อยนาง

หลงเสน่ห์อยุธยา

๑.ตาลลูกนั้น ...  จากบ้านโปรตุเกส 
                                                                             เอื้อยนาง

            เสียงเด็กร้องปลุกฉันลุกขึ้นมากลางดึก

            เสียงยังคงดังแว่ว ๆ ให้ได้ยินแม้เมื่อลุกขึ้นมานั่งบนเตียงในความมืดแล้ว  เสียงนั้นช่างคล้ายดั่งว่ามันวี่วอนอ้อนลมมาจากที่ไกลสุดแสน

            เป็นเสียงร้องของเด็ก  แต่ครั้นเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ  มันกลับคล้ายดั่งเป็นเสียงร้องของนก 

            ไม่ใช่หรอก...  ฉันบอกตัวเอง  นกอะไรร้องเสียง ออด ๆ ปุด ๆ ... 

            หรือว่าจะเป็นชะนี...


                                     

 

            ฉันมาพักอยู่ที่เกสต์เฮาส์  หน้าวัดมหาธาตุ อยุธยากับเพื่อนผู้เพิ่งกลับมาจากยุโรป  เธออยากเที่ยวเมืองไทย ที่ไหนๆ ก็ได้ จะได้คุยกันไปด้วย  ฉันเลือกอยุธยา  เราจึงใช้เวลาตลอดทั้งวันในการนั่งรถหน้าเตารีดท่องเมืองเก่าแบบหลงเสน่ห์อยุธยา(เฉพาะฉันนะ)  และมาล้มตัวลงนอนในตอนดึก ๆ นี่เอง  ฉันหลับเป็นตายขณะหูยังแว่วเสียงเรื่องเสื้อหลายสีของเมืองไทย  เรื่องอะไร ๆ ที่เมืองไทยไม่มีเหมือนเมืองเทศ ที่เพื่อนเพิ่งจากมา  เกี่ยวกับการจัดการนานาประการ

            เพื่อนคงมีอาการช็อคทางวัฒนธรรม  จึงพร่ำบ่นเรื่อยไปในขณะฉันกลับดื่มด่ำลึกล้ำกับสิ่งที่พบเจอ  และเธอคงเพิ่งหลับไป  เพราะยังเงียบฉี่  ไม่มีวี่แววว่าจะได้ยินสิ่งที่ฉันได้ยิน

            ฟังซี...เสียง ...ปุด ๆ ...ของสัตว์ร้อง  แปรเปลี่ยนเป็นเสียงเด็กร้องไห้อีกแล้ว  ครานี้มา  ออด ๆ  งอด ๆ อยู่ใกล้ ๆ  มุมใดมุมหนึ่งในห้องนี้เอง  ฉันพยายามลืมตาในความมืด  มีแสงสลัวจากไฟประดับด้านพระปรางค์วัดมหาธาตุส่องมาให้เห็นได้พอราง ๆ 

                                                      



           
เสียงของเด็กขี้อ้อนยิ่งดังขึ้นเมื่อรู้ว่ามีคนตื่น   ดังแรงและถี่ขึ้นเป็นสะอึกสะอื้น กระซิก กระซี้ ดูช่างขี้แงเหลือประมาณ

            อ้อ...อยู่นั่นเอง  เจ้าเด็กขี้อ้อน  นอนกลิ้งสวิงตัวไปมาอยู่บนโต๊ะเล็ก ๆ ปลายเตียงนี่เอง  เด็กที่ไหนมาร้องไห้อยู่ที่นี่  ส่งเสียงสะอื้น ริกๆ ซิก ๆ  พิไรพิรี้น่าสงสาร  

            ฉันโหย่งเท้าเข้าไปหา  เจ้าตัวน่าสงสารพลันกระโดดเข้ามาในอ้อมกอด  จนฉันรับแทบไม่ทัน  และเลยก้นจ้ำเบ้าลงที่เดิมขณะกอดร่างนั้นไว้แน่น

             มีกลิ่นหอมอ่อนๆกรุ่นกำจายออกมาจากศีรษะน้อยๆ ในอ้อมกอด  เสียงสะอื้นจางหาย กลายเป็นเสียงหัวเราะ  ใบหน้าน้อย ๆ ในกรอบผมสีน้ำตาลแหงนเงยขึ้นมาอิงแอบดีอกดีใจจน

             ฉันอดไม่ได้พลอยหัวเราะไปด้วย
            “ยังไม่นอนอีกเหรอ...มาหัวเราะอะไรกลางดึก  คุณเสื้อสีรุ้ง

              คุณนันเพื่อนที่ฉันคิดว่าหลับอยู่ลุกไปเปิดไฟ ทำให้ห้องสว่างขึ้น

              “หอมอะไรฮึ... เธอทำจมูกฟุดฟิด  ครั้นหันมาที่ฉันเธอก็ร้องขึ้นว่า   อ้าว...โอ้ย...แล้วนี่เอาลูกตาลนี่มากอดไว้ทำไม

                เพื่อนตาตื่นมองฉัน  ฉันตกใจก้มมองร่างเด็กน้อยผู้สะอื้นปนหัวเราะในอ้อมกอด  แต่ที่เห็นคือผลกลมๆ สีน้ำตาลเป็นเงาวับสะท้อนแสงไฟ

                เป็นผลกลมที่หล่นกลิ้งอยู่บนดินใต้ต้นตาล  ที่ฉันคว้าเอามาอุ้มก่อนกลับขึ้นรถหน้าเตารีด  แล้วโบกมือลาบ้านโปรตุเกส  โบราณสถานแห่งสุดท้ายที่เราไปเยือนเมื่อบ่ายคล้อยจวนค่ำเมื่อวาน

                 กลิ่นหอมอ่อนๆ ยังโชยมาแม้ว่าฉันจะเอามันกลับไปวางที่เดิม  สัมผัสอุ่นๆ ที่ปลายมือทำให้ต้องค่อยๆ วางอย่างเบาๆ อย่างเกรงอกเกรงใจ  เพราะในเสี้ยววินาทีหนึ่งนั้น  ลูกตาลกลมรีลูกนั้นกลับเห็นเป็นใบหน้าสีชมพูในกรอบผมสีน้ำตาล  กำลังพริ้มตาลงหลับใหล

                  ภาพโบราณสถานบ้านโปรตุเกส    ริมฝั่งเจ้าพระยาผุดพรายขึ้นมาให้เห็น  ......

                          


            ตาลต้นนั้นสูงเด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางซากฐานอาคารเก่าที่ก่อด้วยอิฐ  ถัดไปเป็นอาคารสีขาวภายในเป็นหลุมลึกที่มีโครงกระดูกมนุษย์อยู่เรียงราย เล็ก ใหญ่
            ทั้งหมดนี้คือร่องรอยหลักฐานการเข้ามาอยู่ในอยุธยาของชาวต่างชาติในอดีตหลายร้อยปีที่ผ่านมา

             ในสมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราชพระมหากษัตริย์ลำดับที่ ๑๓ แห่งกรุงศรีอยุธยา (ขึ้นครองราชย์เมื่อ
พ.ศ.๒๐๗๗) เมื่อเกิดสงครามไทยกับพม่าปรากฏมีทหารกองอาสาโปรตุเกสไปช่วยในกองทัพของพระองค์  และครั้นรบชนะพม่ากลับมาพระองค์ได้ปูนบำเหน็จความชอบแก่กองอาสาชาวโปรตุเกส  พระราชทานที่ดินให้ตั้งบ้านเรือน ณ ตำบลบ้านดิน  เหนือคลองตะเคียน ซึ่งต่อมาเรียกว่าหมู่บ้านโปรตุเกส  และทรงอนุญาตให้สร้างวัดคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาธอริคทำให้มีบาทหลวงเข้ามาเผยแพร่ศาสนาในอยุธยาตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

                           


             ในรัชสมัยต่อ ๆ มา มีชาวต่างชาติ  ต่างศาสนา  เดินทางเข้ามาค้าขายในอยุธยามากขึ้น มีทั้งชาวคริสต์  อิสลาม เช่น ญี่ปุ่น  ฮอลันดา(วิลันดา) อังกฤษ  สเปน เป็นต้น จึงเกิดมีชุมชนชาวต่างชาติอื่น ๆ ขึ้นในกรุงศรีอยุธยา  อีกหลายชุมชน  ชาวต่างชาติที่เข้ามามีทั้งพวกมาค้าขาย  และหนีภัยการเมือง  ภัยศาสนามาจากประเทศของตน  หลายคนได้รับราชการมีตำแหน่งสูงในราชสำนัก

              ชุมชนชาวโปรตุเกสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นชุมชนใหญ่ เป็นที่ตั้งของโบสถ์ถึง ๓ โบสถ์  คือ โบสถ์คณะโดมินิกัน  โบสถ์คณะฟรานซีสกัน  และโบสถ์ของคณะเยซูอิต  แต่สงครามและความขัดแย้งทำให้ถูกทำลาย  เหลือไว้แต่ซากปรักหักพังไว้เป็นหลักฐานร่องรอย...


                                        



              แม่น้ำเจ้าพระยายังคงไหลไปทิศทางเดิม  อาคารบ้านเรือนที่ผุดพรายขึ้นมาใหม่นั้นต่าง
หากที่เปลี่ยนแปลงไป  ฉันก้าวเดินออกจากอาคารที่สร้างครอบโครงกระดูกใต้ดิน   ออกมาด้านหน้าที่เป็นศาลาท่าน้ำ   
              มองไปฝั่งตรงกันข้ามเห็นอาคารสีขาวที่ตั้งแห่งหมู่บ้านญี่ปุ่นในอดีต  และได้รับการปรับปรุงฟื้นฟูให้เป็นแหล่งศึกษาเรื่องราวร่องรอยแต่หนหลังเช่นเดียวกับที่นี่ ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมท่าน้ำ
  ในอดีตการสัญจรไปมาที่สะดวกที่สุดคือทางเรือ  อาคารบ้านเรือนจึงมักสร้างอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ  ลำคลอง   ในวันสำคัญทางศาสนาสถานที่แห่งนี้คงคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนผู้มา
เข้ารีตหลากหลายเชื้อชาติ 

            จะค่ำแล้ว  กลับกันเถอะนะ    เสียงเพื่อนเตือนมา  เรียกฉันตื่นจากห้วงภวังค์  จึงสาวเท้าอย่างรวดเร็วจะขึ้นรถ

            อุ๊บ...

            ท้าวของฉันสะดุดอะไรบางอย่างทำให้เกือบเสียหลัก 

            ลูกตาลน่ะ    คนขับรถบอกยิ้มๆ  ฉันก้มลงมองลูกไม้กลม ๆ ที่หล่นกลิ้งขวางทางเดิน ใช้เท้าเขี่ยออกแล้วก้าวเดิน

                                      


           
แต่...เจ้ากรรมตาลลูกนั้นไม่ยอมกลิ้งไปไหน  เหมือนมีนัยน์ตาจ้องมองออกมาวิงวอนต้องใช้มือช้อนขึ้นมาอุ้มไว้

            เอาไปทำไมหนักจะตาย   เพื่อนติงแต่เธอก็รับไปใส่ลงกระเป๋าสะพายนำมาวางที่โต๊ะนั้นจนได้  และมันก็ปลุกฉันขึ้นมากลางดึกอยู่เดี๋ยวนี้

            พรุ่งนี้กลับไปหมู่บ้านโปรตุเกสอีกหน่อยนะ   ฉันบอกเพื่อนก่อนล้มตัวลงนอน

            อ้าวไหนว่าจะไปหมู่บ้านญี่ปุ่นฝั่งตรงข้ามไง  กลับไปทำไมที่นั่นไม่เห็นมีอะไร

             แล้วเพื่อนก็บ่นไปยืดยาว ตามประสาคนใส่เสื้อสี  ฉันตอบเบา ๆ ว่า อยากไปดูว่าโครงกระดูกอีก  ว่ามีที่เป็นโครงร่างของเด็กด้วยบ้างไหม

              เพื่อนจะตอบว่าอย่างไรฉันก็ไม่ได้ยินหรอก เพราะได้ยินแต่เสียงหัวเราะชอบใจดังพริ้วมาจากโต๊ะตัวเตี้ยใกล้ปลายเตียงดังอยู่แว่ว ๆ ก่อนจะหลับไป

๐๐๐๐๐๐

 

Tags : Short&long story

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view