เหยียบฉ่าวัดเกาะหงษ์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
เหยียบฉ่า ได้ยินครั้งแรกเมื่อเพื่อนรุ่นน้องชื่อไตรเทพ ไกรงู นสพ.คมชัดลึกมาเล่าให้ฟัง ได้ยินครั้งที่สองเมื่อไปงานมหกรรมแพทย์แผนไทยภาคกลางที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า อำเภอวัดสิงห์ จังหวัดชัยนาท ตัดใจไปตามคำแนะนำที่วัดเกาะหงษ์ บนถนนสายนครสวรรค์ถึงโกรกพระ ระยะทาง 8 กม. ถึงวัดเกาะหงษ์ ม.6 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โทร.056-358040,056-358118 วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ลมพัดตึง เย็นสบายดี
ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามีวิหารเล็กๆอยู่หลังหนึ่ง พอเห็นก็ตกตะลึงในความวิจิตรบรรจงของหน้าบัน และกรอบประตูทางเข้าด้านหลังองค์พระประธานซึ่งหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา หน้าบันสวยงามมาก เป็นรูปปั้นปูนเทวดาเหยียบครุฑ แปลกตามาก ส่วนกรอบประตูเป็นพระพุทธบาทซ้อนสร้างไว้เหนือกรอบประตู ซึ่งก็เพิ่งเคยพบเห็นครั้งนี้เป็นครั้งแรก ภายในวิหารมีพระประธานปั้นปูนสวยงามอีกเช่นกัน ดังนั้นเมื่อมาที่วัดเกาะหงษ์จึงควรมากราบไหว้พระและพุทธบาทในวิหารเสียก่อน
รอยพระพุทธบาทจำลองแปลก
ด้านหลังวิหารเป็นลานว่าง มีดงต้นจันทน์ลูกอินขนาดใหญ่หลายต้น ต้นพิกุลอีกหลายต้น บดบังแสงแดดจนร่มครึ้ม ดูแล้วประมาณว่าน่าจะอายุมากกว่า 200 ปี ใต้ร่มเงาต้นจันทน์มีเพิงหมาแหงนอยู่สองโรง มีแคร่และอุปกรณ์การเหยียบฉ่า ผมนั่งรอเจ้าอาวาสวัดเกาะหงษ์ หลวงพ่อบุญชู เพื่อจะถ่ายรูปและฟังเรื่องราวจากปากของท่าน มีผู้ป่วยสองสามคนมานั่งรอ และเมื่อหลวงพ่อมาถึง ก็สั่งให้หนุ่มหนึ่งซึ่งไหล่ติดนอนคว่ำบนแคร่ ส่วนสาวอ้วนอนงค์หนึ่งก็ขึ้นไปนอนอีกหนึ่งแคร่ เตาเผาไม้ฟืนไฟลุกโชน เหล็กกระทะครอบบนเตาทั้งสองเตา และจานน้ำมันสมุนไพรอยู่ข้างๆ
หลวงพ่อบุญชู เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันวัดเกาะหงษ์
หลวงพ่อเล่าว่า ในอดีตสมัยรัชกาลที่ 5 เสด็จประภาสต้นมาที่วัดท่ามะปรางค์เหลือง รศ.125 พระองค์สนพระทัยการเหยียบฉ่าของหมอจีน หลวงพ่อเงินเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในขณะนั้น ต่อมาหลวงพ่อกันสหธรรมิกของหลวงพ่อเงินได้ถ่ายทอดวิชาเหยียบฉ่าให้กับหลวงพ่ออินทร์ เจ้าอาวาสวัดเกาะหงษ์ จากนั้นก็สืบทอดมาถึงหลวงพ่อบุญชู เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันนี้
หลวงพ่อเล่าว่า ท่านเหยียบฉ่ารักษาโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต อยู่กว่า 40 ปีแล้ว แต่ไม่มีพระในวัดนี้สนใจศึกษาเลย มีแต่พระจากวัดอื่นๆ ไกลๆ มาฝึกปฏิบัติการเหยียบฉ่า
นี่แหละฝ่าเท้ารักษาโรค
หลวงพ่อตั้งจิตอธิษฐานว่า ในการเหยียบฉ่ารักษาโรคนี้ เป็นการทำบุญแก้ความวิกลวิกาลของญาติโยม ไม่เคยมีการตั้งราคาค่างวดการเหยียบ ตามแต่ผู้ป่วยจะถวายให้หรือนำผ้าป่ากฐินมาทอดให้หลังจากหายสบายดีแล้ว ซึ่งท่านทำการรักษามานานกว่า 40 ปีแล้ว ส่วนเงินที่ได้จากกิจนิมนต์ท่านก็นำไปซื้อน้ำมันมะพร้าวและสมุนไพรที่ใช้
อ๋อ โยมผู้หญิงคนนี้เขามาเรียนรู้และช่วยเหยียบฉ่าให้กับญาติโยมเช่นกัน ส่วนเรียนจนชำนาญแล้วจะแยกตัวไปทำกิจการหรือเปล่าไม่ทราบ
แตะน้ำมันสมุนไพรแล้วเหยียบเหล็กร้อนๆ
ผมเห็นท่านใช้ส้นเท้าและปลายเท้าแตะจานน้ำมันสมุนไพรแล้วก็เหยียบลงไปบนเหล็กร้อนๆบนเตาด้วยความชำนาญ เกิดเสียงดังฉ่า เมื่อเหยียบเหล็กร้อนแล้วก็กดเหยียบให้กับผู้ป่วยไปทีละจุดๆ พอว่าเท้าเริ่มเย็นก็เหยียบฉ่าอีกครั้ง ผมเห็นท่านเหยียบอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ท่านใช้ส่วนส้นเท้าบ้าง ส่วนปลายเท้าบ้าง มือสองข้างก็เกาะโครงเพิงหมาแหงนเพื่อการทรงตัว
ก็ได้แต่หวังว่า หลวงพ่อจะยังมีแรงที่จะทำการรักษาญาติโยมได้นานอีกสักกี่ปี เพราะว่าวัยของท่านก็มากขึ้นทุกปีๆ ในแต่ละวันก็มีคนป่วยมารอการรักษาวันละ 2-3 คน เห็นแล้วก็เหนื่อนแทน โรคที่เป็นกันมากคืออัมพฤกษ์กับอัมพาต
โยมหญิงมาฝึกเหยียบ
ฟังท่านเล่าแล้วก็นึกถึงสำนวนเก่าๆเช่น ใกล้เกลือกินด่าง น่าจะหมายถึงพระที่วัดไม่รู้จักหัดเหยียบฉ่า ใครอยากเล็กก็หามาใส่ ใครอยากใหญ่ก็ให้ถ่ายออก เหมือนว่าความรู้อยากได้ก็หาเอา จนถึงคำว่า อโรคยา ปรมาลาภา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเจ็บไข้ได้ป่วย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นก็จำต้องหาหมอ ส่วนจะเป็นหมอปัจจุบันหรือหมอพื้นบ้านภูมิปัญญาไทย ก็เลือกได้ตามใจชอบเถอะโยม สาธุ ก็มีเพียงแค่นี้
หน้าบันปูนปั้นสวยงาม