อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร The Great
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
อันเนื่องมาจากพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ณ บริเวณสวนจิตรลดา เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2534 ความว่า "ป่าชายเลนมีประโยชน์ต่อระบบนิเวศของพื้นที่ชายฝั่งและอ่าวไทย แต่ปัจจุบันป่าชายเลนของประเทศไทยเรากำลังถูกบุกรุกและถูกทำลายลงไป โดยผู้แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน จึงควรหาทางป้องกันอนุรักษ์และขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะต้นโกงกางเป็นไม้ป่าชายเลนที่แปลกและขยายพันธุ์ค่อนข้างยาก เพราะต้องอาศัยระบบน้ำขึ้นน้ำลงให้การเติบโตด้วย จึงขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องคือ กรมป่าไม้ กรมประมง กรมชลประทาน กรมอุทกศาสตร์ ร่วมกันหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการทดลอง ขยายพันธุ์ โกงกาง และปลูกสร้างป่าชายเลนกันต่อไป..."
ด้วยพระบารมี พระมหากษัตริย์ผู้ทรง"ปลูกป่าในใจคน"
ดังนั้น จึงได้มีการสร้าง อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร(The Sirindhorn International Environmental Park) ถวายเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระชนมายุครบ 4 รอบ เมื่อปีพ.ศ.2546 สถานที่ตั้งอยู่ในค่ายพระรามหก อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี เพื่อให้เป็นสถานที่ทรงงานเป็นแนวทางในการดำเนินงานให้อุทยานเป็นเสมือนพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติที่มีชีวิต ตลอดจนเผยแพร่พระเกียรติคุณและพระปรีชาสามารถในด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม ให้เป็นที่ประจักษ์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ และเป็นสถานที่ศึกษาหาความรู้ทางด้านการฟื้นฟูป่าชายเลน ป่าชายหาด ป่าเบญจพรรณ และที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด ตลอดจนเป็นสถานที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเชิงประวัติศาสตร์ อันทรงคุณค่าของประเทศไทยและของโลก
อลังการ...THE GREAT
ผมได้รับความอนุเคราะห์จาก ดร.สนใจ หะวานนท์ อดีตผู้เชี่ยวชาญป่าชายเลนของกรมป่าไม้ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จึงได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมยามและแรมคืนที่บ้านพักค่ายสิ่งแวดล้อม บ้านพักมีหลายหลังแต่ละหลังมีห้องนอน 4 ห้อง ติดตั้งเครื่องปรับอากาศทุกห้อง ความสะดวกสบายครบครัน รอบๆบริเวณปลูกหญ้าแฝกเพื่อป้องกันดินถูกกัดชะพังทลาย
ด้านทิศตะวันออกติดชายทะเลอ่าวไทย เดินไปตามชายหาด ใต้ร่มเงาสนประดิพัทธ์ที่ไหวเอนไปตามแรงลม ต้นสนประดิพัทธ์เหล่านี้กำบังลมทะเลที่พัดเข้ามาได้อย่างดีเยี่ยม พลันผมได้เห็นชายคนหนึ่งซึ่งกำลังเหวี่ยงแหอยู่ที่ชายทะเล ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก เพราะว่าภาพที่ผมเคยเห็นมีแต่เขาเหวี่ยงแหหาปลาในแม่น้ำลำคลองที่เป็นน้ำจืด
บ้านพักค่ายสิ่งแวดล้อมงาม
ผมโทรไปตามเพื่อนๆเพื่อให้ออกจากห้องแอร์แล้วลงมารับลมทะเลซึ่งน่าจะดีกว่า แอร์นอนเมื่อไรก็ได้ แต่ลมทะเลพัดเย็นๆนี่ซิ มีโอกาสมาไม่มากเลย ชั่วอึดใจ เพื่อนๆก็เดินกันมาเป็นแถว บางคนใส่กางเกงขาสั้น บางคนก็นุ่งเสื้อผ้าตามสบายๆ มีบางคนทำตัวเป็นตากล้องจ้องแต่จะถ่ายรูป นี่ก็ผลพวงของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เกิดกล้องดิจิตอล และเกิดตากล้องทั่วแผนดิน
เหวี่ยงแหชายทะเลก็มีเน๊าะ
ลมทะเลยังพัดแรง ยอดสนเอนลู่ลมตามแต่แรงลมจะแรงหรือผ่อนลง ว่ากันว่าใครก็ตามที่ทำตัวได้อย่างสนลู่ลม ก็มักจะเจริญก้าวหน้า สามารถปรับตัวได้ดีกับสภาพของสิ่งแวดล้อม ตรรกะจากธรรมชาติก็เป็นบทเรียนให้กับมนุษย์ผู้ทระนงได้ แข็งขืนจนเกินก็หักดังเปาะ
ห้องนอนน่ารัก
ค่ำจนมองลายเส้นบนฝ่ามือไม่เห็น พวกเราจึงเดินกลับบ้านพักสีชมพูหวาน แล้วก็ยกขบวนกันออกไปหาอาหารรับประทาน แน่นอนว่าต้องเป็นอาหารทะเลที่ได้จากท้องทะเลอ่าวไทย เมื่อไปถึงชายหาดชะอำก็ได้กุ้งทะเลและปูม้า ซึ่งแม่ค้าบริการนึ่งให้เรียบร้อย น้ำจิ้มซีฟู๊ดและข้าวสวยร้อนๆใส่ถุง ทั้งหมดล้วนต้องคิดตังส์ เมื่อได้ตามความประสงค์ก็กลับมานั่งรับประทานกันที่ระเบียงบ้านพัก สุโขสโมสร
จุดเริ่มต้นบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติของอุทยานฯ
คืนนั้น ทุกคนนอนหลับกันสนิท ไม่ฝันถึงผีสางนางไม้ แต่ได้วาดหวังกันว่า เช่าตรู่จะรีบตื่นพร้อมกันแล้วไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์บนเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอุทยานสิ่งแวดล้อมสิรินธร ออกกำลังกายท่ามกลางป่าชายเลนที่ได้รับการปลูกและบำรุงรักษาเพื่อให้เป็นป่าชายเลนที่สำคัญต่อไป
ต้นกล้าป่าโกงกางกำลังเจริญเติบโต
จอดรถไว้ริมทาง เดินเข้าสู่เส้นทาง(Board Walk)ที่ทำด้วยไม้ขนาดกว้าง 120 ซม.มีราวสะพานเตี้ยๆ ระหว่างทางเดินผ่านป่าชายเลนเขียวขจี อากาศยามเช้าสดชื่น ผมสูดหายใจลึกสุดก้นบึ้งของปอดแล้วค่อยๆผ่อนลมออกทีละนิดๆ อย่างช้าๆ แล้วก็สูดอากาศสดๆพร้อมกับโอโซนเต็มๆเข้าไปให้ฟอกเอาแก๊สพิษออกจนสิ้น เป็นช่วงเวลาเดินช้าๆที่มีคุณ
ผักเบี้ยพันธุ์ไม้พื้นล่างของป่าชายเลน
กลุ่มหนุ่มสาวเดินนำหน้าไปด้วยความสนุกสนาน เสียงอ่านป้ายสื่อความหมายแล้วก็ตะโกนถามกัน ต้นไหนตาตุ่มทะเล ต้นไหนโพธิ์ทะเล ต้นโน้นต้นโกงกางใบใหญ่ ผมมัวแต่ก้มหน้าเงยหน้าหามุมภาพที่จะถ่าย จนเสียงพูดคุยหายไปจากโสตประสาท แต่เสียงนกที่บินผ่านแล้วร้องทักทายจำได้ว่าเป็นนกกระแตแต้แว้ดเจ้าประจำที่พบเห็นง่าย แล้วก็โน่นบนยอดไม้เกาะกันอีกหลายชนิด
นกและสัตว์นานาชนิด
นกที่ผมพบเห็นในช่วงเวลานั้นคือนกยางควายหัวสีเหลือง นกยางเปียมีเปียที่ท้ายทอย นกยางโทนใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ แล้วผมก็ได้เห็นนกสีดำปึด นั่นคือนกกาน้ำเล็ก เกาะสลับกันอยู่ ผมเห็นทิวไม้ป่าชายเลนนับแสนต้นอยู่เบื้องหน้า ช่างสดสวยและให้สีเขียวขจีมีชีวิตชีวา นี่คือความงดงามของผืนป่าชายเลนซึ่งมีระดับของเรือนยอดแตกต่างผสมผสานกับสรรพสัตว์น้อยใหญ่
รากอากาศต้นโกงกางใบใหญ่
พื้นป่ากว้างไกลผืนนี้กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ รากอากาศของต้นโกงกางกำลังหยั่งลึกลงไปในดิน แต่เอ โกงกางใบใหญ่หรือโกงกางใบเล็กกันเล่า ต่างก็กางรากคลุมดินสลับกับรากอากาศที่โผล่พ้นดินเลนอันเป็นรากของต้นแสมทะเล ต้นไม้ป่าชายเลนอีกชนิดหนึ่งซึ่งมีวิถีชีวิตที่พิสดาร นั่นคือเมื่อแรกดินเลนโผล่ เจ้าแสมทะเลจะงอกขึ้นมาก่อนแล้วจึงตามมาด้วยต้นโกงกาง เมื่อต้นโกงกางเริ่มเติบโตต้นแสมทะเลก็จะค่อยๆตายจากไป
ห้วยน้ำจืดที่ไหลลงสู่ทะเล ห่วงโซ่อาหารผ่านทางนี้
ในทางวิชาการป่าไม้เรียกต้นแสมทะเลว่าเป็นไม้เบิกนำ เมื่อดินและน้ำทะเลเปลี่ยน ฝักต้นโกงกางจึงจะลอยมางอกงามและเติบใหญ่ไล่ที่เจ้าแสมทะเลชายโคลน ในพื้นที่สองข้างทางเส้นทางศึกษาธรรมชาติมีร่องรอยการปลูกป่าชายเลนเพิ่มเติม บางต้นเติบใหญ่ แต่บางต้นก็แห้งตายไป
ปลาตีน น่าจะกำลังเข้าฤดูผสมพันธุ์จึงเปล่งสี
เสียงเรียกและชี้ชวนกันคือ ให้ดูปลาตีน พระเอกของท้องทะเลโคลน เขาตะกายด้วยครีบหน้าคู่ใหญ่ หัวโตๆพองแก้มให้ดูน่าเกรงขามเหมือนหวงถิ่น มีแต้มสีฟ้าทั่วไปบนตัวปลา ตาโปนถลนมองได้กว้างแบบ Bird Eye View เข้าใจว่าน่าจะเข้าฤดูผสมพันธุ์เขาจึงเปล่งสีอวดสาว
ฝักโกงกางงอกเป็นต้น หอยจุ๊บเดินหากิน
ธรรมชาติสร้างสรรค์
แล้วก็ยังได้เห็นหอยจุ๊บคืบคลานทีละนิดทีละนิด จนโคลนตมเป็นร่องรอยแปลกตา ผักเบี้ยทะเลสีเขียวฉ่ำน้ำทอดยอดบนพื้นสีเขียวใต้ต้นแสมทะเล ลำต้นอวบน้ำสีแดง อันเป็นวัชพืชอีกชนิดหนึ่งของป่าชายเลน เป็นองค์ประกอบหนึ่งในผืนป่ายังมีอีกหลายชนิดเช่น ปรงทะเล เหงือกปลาหมอ จาก หวายลิง ฯลฯ
ความสุขที่คุณเลือกได้ ในป่าชายเลน
เดินกันไปเรื่อยๆจนถึงหอคอยชมวิวทิวทัศน์ผืนป่าชายเลนในอุทยานสิ่งแวดล้อมสิรินธร เสียงกรี๊ดดังไปทั่วด้วยว่าได้เห็นความสวยงามต้องใจ แล้วก็เดินลงไปยังสะพานชายน้ำกลางลำคลอง เป็นสะพานเชือกที่ห้อยตัวน่าฉงน เป็นมุมหนึ่งที่นิยมถ่ายภาพกันไว้ให้จดจำ และดูเหมือนว่าเป็นจุดเด่นของเส้นทางสีเขียวผืนนี้
เยาวชนคนน่ารักชอบ ชอบ
นั่งคุยกันริมคลองน้ำที่ไหลล่องไปสู่ปากอ่าว เป็นเส้นสายที่เชื่อมต่อห่วงโซ่อาหารจากป่าต้นน้ำอันได้ชื่อว่าคือป่าบก อินทรีวัตถุ จุลินทรีลอยละล่องไปตามแรงน้ำที่ถ่ายเท ชิ้นส่วนที่ยังไม่ย่อยสลายจะกลายเป็นอาหารอันโอชะ ให้สัตว์น้ำขนาดเล็กๆในท้องลำห้วย ที่สุดก็หลุดไปถึงปากอ่าว เป็นวงจรที่เกิดแล้วก็เกิดหมุนเวียนเปลี่ยนไป
สะพานแขวนทำด้วยเชือกเส้นโต เสน่ห์ที่ต้องเยี่ยมยาม
ผืนป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ รุ่นสอง
ปลาเล็กปลาน้อย กุ้งหอย ปูปลา ไต่คลานกันออกมาหาเหมือนว่าเพื่อนที่จากกันไปไกล ต่างและเล็มอาหารจากเศษซากพืชพันธุ์ เมื่อเกิดแพลงตอนก็ดูดกินจากเหล่าสรรพอาหารที่มีกันอยู่ สัตว์น้ำในคลองลึกจึงเติบใหญ่ แล้วก็ไหลไปเป็นอาหารของสัตว์น้ำขนาดใหญ่ในชายฝั่ง ปลาเล็กๆก็จะถูกปลาใหญ่กินเป็นอาหาร ปลาใหญ่ก็จะลงไปสู่ทะเลลึกแล้วก็กลายเป็นอาหารของปลายักษ์กัดกินจนสิ้น
โกงกางใบใหญ่ปลูกขึ้นใหม่
ในที่สุดมนุษย์นั่นไซร้ก็ตามไปจับปลาใหญ่ๆเหล่านั้นมากินเป็นอาหาร ป่าชายเลนจึงเป็นแหล่งรวมอาหารอย่างกับเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วมนุษย์ก็จับเจ้าเหล่าปลาน้อยใหญ่ใส่ท้อง เป็นวัฏฏะจักรของวงเวียนชีวิตสัตว์โลก เป็นห่วงโซ่อาหาร เป็นแหล่งหลบซ่อนจากภัย เป็นป่าป้องกันลมพายุจากทะเล ฯลฯ
ดอกโพทะเลสีเหลืองละออ
ก่อนจะร่วงหล่นเปลี่ยนเป็นสีชมพูเรื่อๆ
ก่อนออกจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติอุทยานสิ่งแวดล้อมสิรินธร ได้เห็นต้นโพทะเลกำลังออกดอกสีเหลือง เมื่อบานแล้วก็จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีอิฐดังในภาพ ก่อนจะร่วงหล่นไปตามเวลา ส่วนผลหรือ แก่แล้วก็แตกเป็นร่องอย่างในภาพ เป็นดอกไม้ที่ขึ้นได้ตามป่าชายเลนและป่าชายหาด
ผลโพทะเล
ฝักโกงกาง
หลังจากออกกำลังกายกันแล้วก็ได้เวลาต้องไปหาอาหารใส่ท้อง เป็นหน้าที่หนึ่งที่มนุษย์พึงถือปฏิบัติ เพื่อถนอมรักษาร่างกายให้แข็งแรง เช่นเดียวกับต้นไม้ทุกต้นที่เมื่อได้แสงแดด น้ำและอากาศ(คาร์บอนไดอ็อกไซด์) ก็ปรุงอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงให้เจริญเติบโต สะสมคาร์บอนไดอ็อกไซด์ให้กลายเป็นเซลลูโลส
ออกกำลังยามเช้าตรู่ สดชื่น
สายน้ำที่ไหลรินนำพาจุลินทรีย์และอินทรีย์วัตถุสู่ทะเล
Board Walk
สนใจเยี่ยมชม www.sirindhornpark.or.th จะได้เรื่องราวมากมายให้เรียนรู้และชมชอบ