น้ำมันงา
ดร พรชัย ปรีชาปัญญา
การเตรียมน้ำมันงาที่ดีควรนำเมล็ดงาไปตากแดดให้แห้งสนิทก่อน เพื่อจะไม่ต้องอบความร้อนในภายหลัง และต้องเป็นงาที่เก็บใหม่ไม่ค้างปี จากนั้นไปบีบด้วยเครื่องบีบที่ไม่ทำให้เกิดความร้อน ทำให้ได้น้ำมันงาดีมาก เก็บได้นาน ไม่แข็งเป็นก้อน มีกลิ่นหอม พร้อมที่จะนำไปใช้ประโยชน์ และไม่เหนียวเหนอะเมื่อทา และไม่ละคายคอเมื่ออมหรือกลื่นผ่านลำคอ
น้ำมันงาสกัดร้อน หรืองาดำคั่วโดยที่ไม่สกัดน้ำมันออกก่อน ทำให้น้ำมันเป็นพิษ เนื่องจากไขมันไม่อิ่มตัวถูกความร้อนทำให้กลายเป็นน้ำมันอิ่มตัว ที่เต็มไปด้วยสารอนุมูลอิสระ ที่พร้อมจะทำให้เป็นโรคร้ายต่างๆ
การเก็บน้ำมันงาที่ดีควรบรรจุในขวดสีทึบแสง และไม่ควรเปิดทิ้งไว้หรือเขย่าเพราะว่าไม่ทนต่อออกซิเจน และไม่ควรเก็บไว้นานจะทำให้เสื่อมได้ ควรซื้อน้ำมันงาควรเล็กดีกว่าขวดใหญ่
น้ำมันงาสกัดเย็นมีกรดไขมันไม่อิ่มตัว เช่น โอเมก้า 3 และ 6 ที่ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว โรคหัวใจ และทำให้เซลล์ลำไส้เจริญเติบโตเป็นปกติ ลดท้องผูก
น้ำมันงาสกัดเย็นมีกรดไลโนเลอิก ที่ทาแล้วทำให้ผมดำ ไม่แตกกรอบ และผมไม่หงอก ทาผิวหนังปรับระบบประสาท คลายความเครียด ขจัดปวดเมื่อย คลายกล้ามเนื้อ บรรเทาปวดข้อ
ใช้ทาหน้าท้องเมื่อปวดประจำเดือน หรือหมดประจำเดือนจะทดแทนเอสโตรเจนทำให้ไม่หนาวๆร้อนๆ กระดูกและฟันไม่ผุ ผิวหนังไม่เหี่ยว และไม่แก่ นอกจากนั้นใช้ทาเพื่อลดมะเร็งผิวหนังและสะเก็ดเงิน และทาเพื่อกำจัดริดสีดวง
หยอดจมูกด้วยน้ำมันงาสกัดเย็น 2-3 หยดลดน้ำมูก ไซนัส ภูมิแพ้ ทำให้นอนหลับดีด้วย
น้ำมันงาสกัดเย็นมีสารซิโตสเตอร์รอลที่ลดการอักเสบของแผล ลำคออักเสบ และผิวหนังไหม้
รับประทานน้ำมันงาวันละ 1 ช้อนชา หรือทาบริเวณที่ต้องการทาเพียงวันละครั้งก็เพียงพอ
ติดต่อ ทักษพัฒน์ 0816116481