ไลโคปีน
ดร พรชัย ปรีชาปัญญา
ไลโคปีน เป็นสารสีแดงจัดของแคโรทีน และแคโรทีนอยด์สีแดง พบในฟักข้าว มะเขือเทศ แตงโม และมะละกอ แต่ไม่พบในสตรอเบอรีและเชอรี โดยในฟักข้าวมีมากที่สุดประมาณ 2000-3000 มล ต่อ กรัม น้ำหนักแห้ง มากกว่ามะเขือเทศซึ่งมีมากเป็นลำดับสอง 20 เท่า แต่ในเยื่อของฟักข้าวมีมากกว่าโดยมีมากกว่ามะเขือเทศถึง 70 เท่า
ไลโคปีนเป็นไฮโดรคาร์บอนซับซ้อนที่ไม่อิ่มตัว โดยโครงสร้างเป็นเตตราเทอรปิน ที่รวมกลุ่มของไอโซปรีนซึ่งเป็นการรวมตัวของคาร์บอนและไฮโดนเจนอย่างสมบูรณ์ และไม่ละลายในน้ำ มีสีแดงเลือดนกและต้านอนุมูลอิสระ
เมื่อถูกดูดซับโดยกระเพาะไลโคปีนจะถูกส่งถ่ายไปที่กระแสเลือดโดยไลโปโปรตีนซึ่งมีมากในน้ำผึ้ง (ควรทานน้ำผึ้งไม่อบเป็นประจำวันละ 1 ช้อนชาถึงช้อนโต๊ะก่อนนอน) และสะสมไว้ที่ต่อมลูกหมากมากที่สุด รองลงมา เก็บไว้ที่ต่อมหมวกไต และตับ ดังนั้นไลโคปีนจึงใช้รักษาลูกหมากโต และมะเร็งต่อมลูกหมากได้ดีที่สุด
ไลโคปีนละลายในสารละลายอินทรีย์หรือน้ำมันไม่อิ่มตัว ดังนั้นหากกินฟักข้าวควรกินน้ำมันงาสกัดเย็น 1 ช้อน ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวทำละลาย
เนื่องจากสารไลโคปีนต้องการความร้อนในการทำให้แตกตัว ดังนั้นจำเป็นต้องทำให้ร้อนโดยการต้มน้ำเสียก่อน
ร่างกายผู้สูงอายุไม่สร้างไลโคปีนไม่ได้อีกแล้ว ดังนั้นควรรับประทานน้ำฟักข้าวทุกวัน หากเลิกก็จะทำให้ปัญหากลับมาอีก และเนื่องจากปัญหาต่อมลูกหมากโตหรือมะเร็งต่อมลูกหมากส่วนหนึ่งเกิดจากการที่ฮอร์โมนเพศลดลงต่ำมาก ดังนั้นเพื่อเพิ่มระดับฮอร์โมนโดยการรับประทานน้ำผึ้ง และใช้น้ำมันงาทาที่อัณฑะทุกวัน เพราะว่าน้ำมันงามีฮอร์โมนเพศที่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้
ติดต่อ ทักษพัฒน์ 0816116481
- รับประทานน้ำฟักข้าววันละ 1 ขวด หลังอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา-ช้อนโต๊ะ หลังฟักข้าว
- รับประทานน้ำผึ้งผสมงาน้ำ 1 ช้อนชา-ช้อนโต๊ะ เซซามินในงาดำจะช่วยซ่อมแซมตับ
- ทาน้ำมันงาอัณฑะก่อนนอน