บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน23. ตลาดนัด
โดย มณีดิน
ความบันเทิงของเด็กบ้านทุ่งริมนาอย่างพวกผม สนุกและตื่นเต้นมากเมื่อมีละเม็งละคร หรือลิเกมาปิดวิก ทโมนอย่างพวกเราจะจองที่นั่งบนเวทีด้านหน้า แต่ถ้านั่งกันมากคนก็จะบังตาพวกผู้ใหญ่ หมากลูกกลมๆรีๆก็จะถูกขว้าง บางทีก็โดนหัว บางทีก็โดนหลัง พร้อมเสียงโหวกเหวกให้หลบไปข้างๆฉาก ดื้อแพ่งก็ยิ่งโดนปากระหน่ำ จำใจต้องหลบกระสุนลูกหมาก
แต่ถ้ามีหนังขายยามาฉายที่ลานหน้าวัดห้วยคัน พวกเราจับจองด้านหน้าจอได้ ไม่มีใครขว้างลูกหมากมาหรอกเพราะว่าจอหนังตั้งไว้สูง ทุกคนไม่ว่าจะนั่งหน้าหรือหลังก็เห็นจอแขวนอยู่บนฟ้า พวกเรานั่งๆกันดูก็คือต้องแหงนคอตั้งบ่า เมื่อยคอขึ้นมาก็เอนลงนอนหงายดูกันสบายใจกว่า เป็นอิริยาบถที่แตกต่างไปตามความบันเทิงบ้านทุ่ง
ไม่ว่าจะมีหนังหรือมีลิเก พวกหนุ่มๆสาวๆเขาไม่นั่งข้างหน้ากันหรอก ผมเห็นไปหลบนั่งด้านหลัง เขานั่งชิดกันจนหน้าแทบจะเกยบ่า หรือไม่ก็เบียดกันแทบจะกลืนกินกัน ผ้าขาวม้าของหนุ่มๆมีประโยชน์มากเมื่อดึกดื่นคืนค่ำน้ำค้างเริ่มพร่างพรม หนุ่มเขาจะใช้มันกางห่มไหล่ให้สาวจนมิดเม้ม ผมเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรมากกว่านี้
ทุกค่ำคืนที่มีมหรสพ ใช้ลานกว้างๆหน้าวัดเป็นสถานที่แสดงในหน้าแล้ง แต่ถ้าเป็นหน้าน้ำหรือเมื่อน้ำหลากเต็มคลองห้วยคันแล้วลามเลยขึ้นจนท่วมไปหมดทั้งทุ่งนาเหลือเพียงโคกหน้าวัดเท่านั้นที่น้ำยังท่วมไม่ถึง เรือพายเรือไอเรือแจวสัญจรไปมาขวักไขว่ในคลองห้วยคันหน้าวัด โคกสูงเพียงแห่งเดียวของวัดนี่แหละเป็นที่ที่มี “ตลาดนัด”
ผมนึกถึงทีไรก็ยังจดจำภาพความสนุกสนานบนลานตลาดนัดได้ทุกฉาก แม่หิ้วกระเตงใบเขื่องไปด้วย ผมเดินตามหลังกับทุย พี่เจนไม่เคยไปแม้มีลิเกละคร อยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือน ไม่เช็ดกวาดถูเรือนก็นอนอ่านหนังสือเรื่องเจ้าสาวของอานนท์เล่มโต พี่จันทร์ไปเรียนหนังสือที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง จึงไม่ค่อยมีความเกี่ยวข้องผูกพันกันเท่าไร แม่ชอบชวนผมกับทุยให้ไปด้วยเสมอ ผมกับทุยก็ชอบตามแม่ไปตลาดนัดเพราะว่าแม่จะซื้อขนมนมเนยส่งให้กิน
“นี่ไข่เน่า ไม่ใช่ไข่อะไร แต่เป็นลูกไม้ที่เรียกว่า ต้นไข่เน่า หอมหวานดำไม่น่ากิน ดำลองกินให้น้องดูซิ”
แม่ส่งลูกไข่เน่าลูกดำเป็นมัน เนื้อนิ่มๆ กลิ่นหอมแปลก ผมกินแล้วก็บอกทุยว่าอร่อย หวานด้วย แต่พอพูดฟันสีดำๆก็อวดให้เห็น ทุยหัวเราะแล้วร้อง อึ๊ แต่ไม่รับลูกไข่เน่าไปลองกิน เขาสะอาดไม่ชอบอะไรๆที่ดูแล้วไม่น่ากิน แม่เดินไปก็ซื้อผลไม้ให้พวกผมกิน ซื้อขนมกล้วย ขนมตาลไปฝากพี่เจน แล้วก็ซื้อผักต่างๆที่แม่ค้าขนส่งมาขาย ซึ่งบ้านเราหาซื้อไม่ได้
“อ้าว นี่ลูกหว้า หากินยาก” แม่อุทานแล้วซื้อห่อหนึ่ง ห่อหนึ่งสมัยนั้นคือกองหนึ่งซึ่งแผ่อยู่บนใบตองกล้วย กองหนึ่ง 15-20 สตางค์แค่นั้น
“ดำลองกินซิ “
ผมอีกแล้วที่เป็นหนูทดลองยา เอ้ย ทดลองกินผลไม้แปลกๆที่บ้านเราไม่มีจะกิน ผมหยิบลูกสีม่วงจนเกือบดำมากิน หวานหอมอีกแล้ว แต่กินแล้วปากดำลิ้นดำ หัวเราะฟันดำ ผมส่งให้ทุยกิน มันหัวร่ออีกตามเคย แล้วส่ายหัว
แต่พอแม่ส่งขนมไข่ให้ ทุยจะรีบหยิบไปกินทันที กินแล้วไม่เรียกใคร กินจนเกลี้ยงทั้งห่อ
แม่เดินซื้อไข่เป็ดไปสำรองไว้ในครัว ส่วนไข่ไก่สมัยผมเป็นเด็กนั้นแทบไม่มีวางขายให้เห็น ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ ผมเดินหิ้วของในกระเตงแทนแม่ ตัวเอียงกระเท่เร่ ทุยเดินก้มหน้ากินขนมไข่กับขนมตาลสบายใจ เขาเกิดเป็นน้องคนสุดท้องที่อ้วนท้วนน่ารัก ทุกคนให้ความรักและมักไม่ใช้งาน วันๆถ้าไม่กินก็นั่งเฝ้าอยู่หน้าจอทีวีทำตัวดุจเจ้าคนนายคน
ผมหิ้วกระเตงที่หนักไปด้วยฟักทอง แฟง ฟักเขียว หัวผักกาดขาว(ไช่โป๊ว) มันแดง เผือก ปลาร้า กระเทียม หอมแดง
“เก็บไว้กินได้นาน ไม่เน่าง่าย” แม่ว่า เมื่อผมถามทำไมซื้อแต่ของหนักๆ
แม่ค้าที่ล่องเรือมาขายบนลานหน้าวัดนั้นมาจากทางไหนบ้างผมไม่รู้ แต่แม่รู้ว่าคนไหนมาจากป่า(แถวสามโก้-แสวงหา) คนไหนมาจากบางจักร หรือมาจากแถวๆวัดหลวง เป็นการชุมนุมเอาพืชผลทางการเกษตรของแต่ละครัวเรือนมาแลกเปลี่ยนกัน ส่วนใครที่ไม่มีผลผลิตมาแลกเปลี่ยนก็มาซื้อหาไปสะสมไว้กินในครัวเรือน
ในตลาดนัดมีทั้งพืชผลที่ปลูกไว้กิน ไก่เป็ดที่เลี้ยงไว้ขายกันเป็นๆก็ใส่เข่งรูปกลมๆรีๆเตี้ยๆมาด้วย เสียงไก่ร้องกระจอกกระแจ้ก เสียงเป็ดร้องก๊าบๆๆๆ แล้วก็ยังมีหนูนาย่างหอมชวนน้ำลายไหล แต่แม่ไม่เคยซื้อให้ลองกินสักที มีนกอัญชันตัวเล็กๆมัดขาวางขายเป็นเนื้อสดๆ หรือนกคุ่ม แต่นกพิราบ นกเขา ไม่มีวางขาย ได้ไปเดินตามแม่ตลาดนัดวัดห้วยคันเมื่อยามน้ำขึ้น สุขใจได้กินของแปลกๆทุกที
ผมฝันถึงทุกครั้งทุกปีที่น้ำเริ่มขึ้น