ในคมขวาน ๑๕
จักจั่นเรไร และ สายน้ำแห่งสงกรานต์ ณ วัดป่าบุญล้อม
โดย“สาวภูไท” เรื่อง-ภาพ
ร้อนแห่งเมษายน๕๗ แม้มีพายุ หอบเอาฝนฟ้าคะนองมาเท มาราดลงอาบท้องนภาในเขตอีสานอยู่หลายแห่ง แต่ความร้อนอบอ้าวก็เข้าแทนที่ทันทีที่เม็ดฝนขาดหาย
“สงกรานต์ไปสรงน้ำพระที่วัดป่าบุญล้อมกันเถอะ ไปเยี่ยมพ่อเณรอิ๊กคิวกันด้วย” ย่าเสนอเพราะคิดถึงพ่อหลานจอมซนที่ไปบวชเณรเข้าค่ายในวัดป่าร่มเย็นแห่งนั้นตั้งแต่ปลายมีนาคม
ใช่แล้ว...วัดเล็ก ๆ ในท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูลแห่งนี้ชื่อ วัดป่าบุญล้อม อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดในสายปฏิบัติแห่งหนองป่าพงของหลวงปู่ชา สุภัทโท ที่แผ่ความศรัทธา เชื่อมั่น ให้ลูกหลานชาวอุบลมากมายจนขยายสาขาเล็ก ใหญ่ ออกไปทั่วอุบลราชธานี และจังหวัดอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งใกล้และไกล
หลายปีก่อนเสนาสนะแบบเรียบง่ายสไตล์พื้นเมืองถูกสร้างขึ้นในป่าหย่อมเล็ก ๆริมฝั่งแม่น้ำมูล เขตที่อยู่เหนือพิบูลมังสาหารและแก่งสะพือขึ้นมาไม่ไกลนัก เป็นช่วงปลายแม่น้ำจึงมองเห็นฝั่งตรงกันข้ามเพียงลิบ ๆ โดยเฉพาะฤดูน้ำหลาก
หย่อมป่าเล็ก ๆ นี้เป็นเหมือนลมหายใจสุดท้ายของป่าท่ามกลางป่าเสื่อมโทรมที่รวยรินรอเวลาเสื่อมสูญ โชคดีมีคหบดีในอุบลราชธานีผู้ศรัทธาสายธรรมะ ในธรรมชาติเสนาสนะสำหรับสำนักสงฆ์เล็ก ๆ ดังกล่าวจึงเกิดขึ้น และเติบโตพร้อมกับผืนป่าที่ขยายจากริมฝั่งแม่น้ำขึ้นสู่ถนนคนสัญจรระหว่างหมู่บ้าน
สิบกว่าปีผ่านไป ใครที่เคยไปวัดป่าบุญล้อมในช่วงแรกสร้าง จะเห็นความแตกต่าง หย่อมป่าเล็ก ๆ กลายเป็นผืนป่าใหญ่ เขียวครึ้ม และร่มเย็น กุฏิ วิหาร อาคารจำเป็นหลายหลังซุกซ่อนอยู่ใต้ร่มไม้ใบบัง สองข้างทางเดินเรียงรายด้วยต้นไม้ปลูกแซมสลับไม้ป่าเดิม พิกุลออกดอกแข่งผักติ้วส่งกลิ่นหอมฟุ้งยามลมพัดพา เหล่านก กา กระรอก กระแตไปชวนเพื่อฝูง ญาติพี่น้องเข้าพำนักอย่างสบายอกสบายใจ ที่ใต้ศาลาแพริมน้ำซึ่งเป็นที่จอดเรือสำหรับพระเณรนำออกไปบิณฑบาตนั้นคลาคล่ำไปด้วยฝูงปลามารออาหาร ที่หว่านโปรยลงไปให้
จักจั่นสนั่นเสียงขึ้นมาต้อนรับ ทักทาย เมื่อเราเปิดประตูรถ
“ตัวมันอยู่ไหนล่ะ จักกะจั่นน่ะ”
น้องขิงตัวเล็กถามคำถามที่ใคร ๆ ก็ตอบได้แต่จะหาตัวมันให้น้องดูนั่นต่างหากที่เป็นปัญหา
กรู ๆ ๆ... กะเวา ๆ ๆ ... เสียงนกไพรมาเบนความสนใจของน้อง
“โน่นแน๊ะ นก เห็นไหม”
“ไปดูปลากันไม”
พอดีเสียงระฆังดังขึ้น เสียงจ๊อกแจ๊กของพ่อเณรน้อยใหญ่จำนวนมาก ดังขึ้นมาแข่งเหล่านกกา เพราะเป็นช่วงเวลาหลังฉันอาหารปฏิบัติการล้างบาตรและเตรียมตัวสู่พิธีสรงน้ำพระซึ่งหมายรวมทั้งพระพุทธรูปและพระภิกษุสามเณร
“โยมแม่เอาปืนฉีดน้ำมาให้หรือเปล่า” แน่ะพ่อเณรอิ๊กคิวมาทวงสัญญาซึ่งให้กันไว้แต่ก่อนแล้ว
เณรหนอ...ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มาบวชเณรภาคฤดูร้อนนี้ก็เหมือนมาเข้าค่ายพักแรม มีการจัดกิจกรรมสำหรับพัฒนาตามวัย บวกธรรมวินัยสายวัดป่า ที่อะลุ่มอล่วยสู่สังคม โอบอุ้มเป็นที่พึ่งพักจิตใจคน พิธีสรงน้ำพระวันสงกรานต์นี้ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งที่พระท่านยอมรับวัฒนธรรมชาวบ้านแต่ผสานด้วยธรรมะ จึงดูเรียบ งาม และฉ่ำเย็น แต่อบอุ่นใจ
เสียงจักจั่น เรไร ถูกกลืนหายเมื่อเสียงสวดมนต์ดังขึ้นก่อนการสรงน้ำพระจะเริ่มแบบเรียบง่าย แต่หนักแน่นในศรัทธา