ในคมขวาน ๑๗
ณ ที่แห่งนี้ วัดป่าโนนขุมเงิน สกลนคร
“สาวภูไท”
ณ ที่แห่งนี้ เนิน(โนน)ดินแห่งตำนาน ณ ริมฝั่งหนองหานหลวงอันกว้างใหญ่ไพศาล ทะเลสาบน้ำจืดธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในอีสาน และใหญ่เป็นที่สองของประเทศไทยรองจากบึงบอระเพ็ดในภาคกลาง เป็นที่แห่งตำนานขุมเงินขุมคำและสมบัติโบราณ ที่ฝังอยู่ใต้ดิน เป็นที่ที่นักล่าสมบัติมาขุดค้นจนกลางเนินดอนแห่งนั้นกลายเป็นหลุม(ขุม)และเป็นที่มาแห่งชื่อ “โนนขุมเงิน”
เทือกภูพานสูงตระหง่านทอดนอนอยู่ทางทิศใต้ และตะวันตกของแอ่งสกลนคร ยังผลให้พื้นที่เทเอียงลงทางทิศเหนือและตะวันออก ทำให้เกิดสายน้ำ แอ่งน้ำมากมายไหลรวมลงหนองหานและแม่โขงในที่สุด ที่ลุ่มแอ่งนี้เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์เป็นแหล่งรวมพืชพรรณและสัตว์น้ำ สัตว์บก เป็นที่ตั้งหลักแหล่งของมนุษย์มาแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์สืบเนื่องถึงยุคขอม และล้านช้าง ตำนานความเชื่อที่ฝังแน่นสืบทอดมาจึงเป็นเรื่องของขอม พญานาค และตำนานพุทธศาสนาในยุคล้านช้างที่เกี่ยวเนื่องกับตำนานพระธาตุพนม
รอบหนองหานอันกว้างใหญ่ไพศาลใช่จะมีเพียงตำนานท้าวผาแดงแห่งเมืองผาโพง นางไอ่ธิดาพญาขอมเมืองเอกธะชีตา กับภังคีบุตรพญานาคเท่านั้น บนเกาะแก่ง เนินดิน ป่าดอนที่ตั้งชุมชนหลายแหล่งก็ล้วนมีตำนานอยู่มากมาย และมักเกี่ยวเนื่องกับพญานาคผู้เป็นเจ้าของท้องที่นั้น ๆ
หนองหานมีเนื้อที่กว่า ๘ หมื่นไร่ ประมาณ ๑๒๓ ตารางกิโลเมตร (แต่จริง ๆ ในปัจจุบันจะเหลือกี่ไร่ยังไม่มีการสำรวจเพราะการบุกรุกมีอยู่รอบบริเวณทั้งชาวบ้าน นายทุน ข้าราชการ)ครอบคลุม ๓ อำเภอ คือ อำเภอเมืองสกลนคร อำเภอโคกศรีสุพรรณ และอำเภอโพนนาแก้ว มีหมู่บ้านอยู่ติดริมหนองหารถึง ๖๐ หมู่บ้าน
บางเกาะใหญ่ในหนองหานเป็นที่ตั้งวัดวาอาราม เป็นที่จอดเรืออาศัยทำมาหากินของชาวประมง น้ำในหนองหานลึกเฉลี่ย ๒ - ๑๐ เมตร มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ๑๕๘ เมตร เกาะบางเกาะมีหาดทรายล้อมรอบสวยงามน้ำใสจนมองเห็นสาหร่ายใต้น้ำสะท้อนแสงสีทองเปล่งประกายวาววามและน้ำก็ดูเป็นสีทองประหลาด ดูราวกับเมืองใต้บาดาลอันรุ่งเรืองเหลืองเลื่อมกำลังจัดงานเฉลิมฉลองส่องแสงขึ้นมายังหล้าโลก เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดตำนาน การสร้างวรรณกรรม บทเพลง บทกวีมาแล้วมากมายหลายยุคสมัย
เกาะใหญ่ ๆ ในหนองหานที่มีชื่อเสียง เช่น เกาะดอนสวรรค์(ดอนแม่ม่ายในตำนาน) เป็นเกาะใหญ่ที่สุด มีวัดตั้งอยู่ เกาะแก้ว เกาะดอนสะคาม ดอนสะพุง เกาะหมูป่า เป็นต้น
สำหรับโนนขุมเงิน ที่ตั้งวัดป่าแห่งนี้เคยเป็นป่ารกเรื้อเนื้อที่กว่า ๕๐ ไร่ (ปัจจุบันมีการซื้อเพิ่มขยายขึ้นมาก) ตั้งอยู่บนเนินดินยอดร่องน้ำ กลางทุ่งนาในเขตตำบลนาตงพัฒนา อำเภอโพนนาแก้ว จังหวัดสกลนคร ปลายสุดยอดของหนองหานด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อันมีลำน้ำก่ำไหลเชื่อมออกสู่แม่น้ำโขงที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม หากเดินทางมาจากสกลนครต้องอ้อมหนองหานทางด้านท่าแร่ หรือไม่ก็โคกศรีสุพรรณ สมัยตั้งวัดใหม่ ๆ นับว่าทุรกันดารไม่น้อย ชาวบ้านมักใช้ทางเรือตัดหนองหานสู่ตัวเมืองสกลนครได้เลยใกล้กว่าเยอะ ไม่ต้องเปลืองน้ำมันด้วยเพราะเป็นเรือแจวใช้มือพายว่างั้น
ที่แห่งนี้เคยมีร่องรอยอารยะธรรมขอมที่สร้างด้วยหินจมดินจมทราย มีผู้หัวใสเข้าขุดค้นเจาะหาสมบัติจนเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือว่าผู้กระทำนั้น ๆ มักมีอันเป็นไป เช่น กลายเป็นบ้าใบ้ ป่วงไข้ หรือตายไปแบบกะทันหันก็มี
“เพราะที่แห่งนี้มีเจ้าของเดิมอยู่ เขาหวงแหนของเขา” คุณยายผู้มาปฏิบัติธรรมในวัดเล่าเป็นจริงเป็นจัง และยังใจดีพาคนสนใจอย่างผู้เขียนเดินดูป่าดงรอบบริเวณด้วย
ยี่สิบกว่าปีก่อน ก่อนที่เจ้าคุณพระวิมลธรรมภาณ(หลวงพ่อพระมหาทวยเทพ สุภาจาโร)จะธุดงค์มาปฏิบัติธรรม จำพรรษา และต่อเนื่องจนได้ตั้งเป็นวัดนั้น คุณยายเล่าว่า ที่นี่เป็นป่าช้าเก่า ไม่มีใครอยากเข้ามาใกล้ เป็นป่าไผ่ ป่าละเมาะท่ามกลางทุ่งนาที่ล้อมรอบ ตนเองและชาวบ้านอย่างดีก็มาขุดหน่อไม้รอบนอกชายขอบโน้น
สำหรับผู้เขียนนับเป็นวาสนาที่ได้บังเอิญได้มาพักปฏิบัติธรรมอยู่สามวันสามคืนด้วยหลานชายลูกของอาจารย์น้อย คือ หนุ่มอาร์ต (ปวีณ ศรีพรหมทัต)ได้มาบวชอยู่ที่นี่ตามรอยยายแพงกับคณะแม่ออกจากวัดป่าสุทธาวาสในตัวเมืองติดตามหลวงพ่อทวยเทพมาตั้งแต่เพิ่งเริ่มสร้างวัด
เป็นสามวันแห่งความประทับใจ เป็นสามคืนแห่งความสงบใจจนไม่มีแม้แต่ความฝันมาแผ้วพาน ทั้ง ๆ มีอาการไม่สบายเป็นหวัดต่อเนื่องมาเป็นสัปดาห์แล้ว ขึ้นเครื่องบินแล้วยิ่งปวดหูเพิ่มขึ้นอีก หลังจากลูกชายไปรับที่สนามบินนครพนมมาส่งถึงวัดในเวลากลางคืน นอนในห้องพักกับน้ำหวานผู้เป็นพี่สาวของพระอาร์ตที่มาพักอยู่ก่อนแล้ว ตีห้าได้ยินเสียงสวดมนตร์ธรรมวัตรเช้าน้ำหวานลุกขึ้นมาปลุกป้าแต่งตัว แล้วพากันย่างเดินฝ่าความมืดไปนั่งในศาลา ร่วมสวดมนต์(อ่านหนังสือ)นั่งสมาธิจนจบไม่รู้สึกว่าตัวเองเคยมีอาการหวัดและปวดหูอยู่เลย เมื่อแยกกันไปช่วยงานปัดกวาด งานในครัวเพลิน ๆ กลับลืมการไอ จามและปวดหูไปเลย
เป็นสามวันที่ได้มีโอกาสรู้จักบุคคลหลากหลาย อุบาสิกา อุบาสก และแม่ชีในที่นี้มีทั้งชาวบ้าน ชาวเมือง และข้าราชการเกษียณอายุแล้ว
อุบาสิกาผู้มากน้ำใจคนหนึ่งชื่อคุณแดง เป็นนักธุรกิจชาวสุราษฏร์ธานี ผู้บอกว่าแวะเวียนมาปฏิบัติธรรมจนติดที่นี่เลยสร้างกุฏิถวายวัดไปสองหลังแล้ว และช่วงนี้เธอก็ทำธุรกิจบนมือถือไม่ต้องเดินทางมาก ที่นี่จึงคล้ายเป็นบ้านอีกหลังไปแล้ว
ยังมีแม่ชีอีกคนบ้านอยู่ถึงพังงา แม่ชีอีกคนบ้านอยู่ในหมู่บ้านใกล้วัดเป็นชาวบ้านที่มีลูกชายได้เป็นถึงผู้พิพากษา เธอชี้มือให้ดูบ้านที่เห็นหลังคาวิบแวมอยู่ปลายทุ่งข้าวด้วยความภาคภูมิใจ
สถานที่อันสวยงามนาม วัดป่าโนนขุมเงินแห่งนี้สร้างโดยบารมีของท่านเจ้าคุณพระวิบูลธรรมภาณ หรือที่คนที่นี่เรียกอย่างเคารพและสนิทสนมว่า “หลวงพ่อทวยเทพ” ก่อนท่านละสังขารในปี ๒๕๔๘ ก็มีเสนาสนะ โบสถ์วิหาร อาคาร บริบูรณ์แล้ว แต่ขณะนี้ที่กำลังก่อสร้างยังไม่เสร็จคือเจดีย์ขนาดใหญ่รูปแบบพุทธคยา ซึ่งเป็นปณิธานอันแน่วแน่ของท่านเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน(พระมหาจักรายุธ สัมปัตโต)และผู้ศรัทธาจะสร้างให้เสร็จเป็นที่บรรจุอัฐิธาตุของครูบาอาจารย์ และด้านล่างจะเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมเพิ่ม ปัจจุบันนับเป็นแห่งที่ ๓ ของจังหวัดสกลนคร
ช่วงผู้เขียนมาพัก เป็นช่วงกำลังพัฒนาถนนเข้าวัด ได้เห็นชาวบ้าน และเด็กนักเรียนมัธยมที่มีคุณครูพามาช่วยงานกันคึกคักแล้วชื่นใจ และมีความหวังในกลุ่มเยาวชนคนชาติไทยสมัยนี้ใช่จะมีแต่พวกก้มหน้าก้มตากด ๆ เขี่ย ๆ บนมือถือจนตัวงอหน้าง้ำเท่านั้น ณ โนนขุมเงินแห่งนี้ยังได้เห็นเด็ก ๆ วัยใส ๆ หน้าตายิ้มแย้มช่วยกันขนปูน เข็นรถอย่างกระตือรือร้นและมีความสุขอยู่หรอกนะประเทศไทยเอย
เด็ก ๆ เหล่านี้คือความหวังหนึ่งของสังคมไม่ก้มหน้ากดเขี่ยวจอมือถือ
ทราบว่าในช่วงฤดูแล้งโรงเรียนปิดเทอมที่นี่ก็มีการบวชเณรภาคฤดูร้อนด้วย บุตรหลานของชาวบ้านหลายครอบครัว หลายรุ่นแล้วที่ได้โอกาสเข้าไปเรียนหนังสือในกรุงเทพฯ สายวัดวรนาถสุนทริการาม เทเวศร์ ซึ่งเป็นวัดที่ท่านเจ้าอาวาสองค์ก่อนบวชที่นั่นมีครูบาอาจารย์อยู่ที่นั่น จนได้ไปต่อปริญญาโทที่อินเดีย ก่อนมุ่งหน้าสู่การปฏิบัติแบบสายหลวงปู่มั่นในแถบนี้ จนมรณภาพทิ้งไว้แต่ร่องรอยความรัก ความศรัทธาเปี่ยมล้นไว้ให้สัมผัสได้ในทุกสีหน้า ทุกวาจาของคนที่นี่ที่เอ่ยถึงองค์ท่าน
โนนขุมเงินแห่งนี้จึงเป็นขุมสมบัติทางปัญญาให้ขุดหาโดยแท้
ในฐานะคนอุบลในครอบครัวชาววัด ได้สัมผัส รับรู้ ศึกษาประวัติครูบาอาจารย์อยู่ไม่น้อย เคยแปลกใจเสมอว่า ทำไมหลวงปู่ตั้งหลายท่านหลายองค์ในอดีตที่เป็นคนอุบล ทำไมกลับมามีวัดวาอาราม ในนามท่าน และลูกศิษย์ลูกหาในแถบนี้มากกว่า
นี่จะต้องนับรวมท่านเจ้าอาวาสทั้งเก่าและใหม่ของวัดป่าโนนขุมเงินด้วยก็ได้ เพราะท่านก็มีกำเนิดที่เขมราฐ โขงเจียมอุบลราชธานี ที่ได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินในคมขวานนี้เช่นกัน
ได้คำตอบราง ๆ แล้วหละว่า เพราะคนที่นี่มีน้ำใจใสซื่อให้สัมผัสได้แม้เวลาช่วงสั้น ๆ แค่สามวันกับสามคืนครึ่ง
อ้อ...ยังมีกิจกรรมรวมน้ำใจของชาวบ้านอีกที่จะได้สัมผัสที่นี่นอกจากประเพณีอื่น ๆ ตามเทศกาล และการสวดมนต์ประจำวันแล้ว ในช่วงเกี่ยวข้าวก็จะมีชาวบ้านและเด็ก ๆ มาช่วยกันอย่างนี้แหละ(มาให้ได้นะ...คุณยายบอก)
“เมื่อไหร่คะ”
“คงออกพรรษาแล้วกระมังข้าวจะสุกแก่พอดีเกี่ยวน่ะ”
ทุ่งข้าวกว้างใหญ่หน้าวัดกำลังเขียวสด ส่ายยอดใบโอนเอนยามลมพัดพา
๐๐๐