http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,002,557
Page Views16,311,383
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บ้านทุ่งแสนสุข ตอน 34.ปลาร้าหลน

บ้านทุ่งแสนสุข ตอน 34.ปลาร้าหลน

บ้านทุ่งแสนสุข

ตอน 34. ปลาร้าหลน

โดย มณีดิน

         ภาพจำเจ พ่อนุ่งกางเกงขาก๊วยสีดำเหมือนทุกวัน ไม่สวมเสื้อ นั่งสูบบุหรี่ที่หน้าต่างเรือนชาน  พ่นควันผุยๆตามชอบ แทบว่าจะไม่ใส่ใจใครเอาเสียเลย พ่อนั่งครุ่นคิดอะไรไม่มีใครรู้ แต่นั่งได้นั่งดีกับบุหรี่มวนหนึ่ง   แม่จะทำอะไรเสียงดังก็อกแก๊กหรือโขลกน้ำพริกแกงอยู่ เตรียมพร้อมทำอาหารสำหรับมื้อเย็น เสียงมีดสับเขียง เสียงลูกไฟแตกจากเตาถ่าน พี่เจนถูพื้นไปจนใกล้ๆจึงขยับหนี แต่พ่อก็ยังไม่สนใจใดๆ

         ผมเดินย่องๆเข้าไปใกล้แม่แล้วกระซิบบอก  

         “ผมได้ปลาดุกด้านมาสองตัว อยากกินปลาร้าหลน” แม่แหงะมองหน้ายิ้มแก้มปริ ฟันดำปี๋ด้วยหมากที่แม่กิน

         “ได้เดี๋ยวแม่จัดให้ แต่มึงคอยดูนะ พ่อมึงเผ่นออกจากหน้าต่างแน่ๆ 5555”

         แม่หัวเราะเหมือนขำ ผมหัวเราะตามทั้งที่ไม่ค่อยเข้าใจ  พี่เจนหันมามองแล้วอมยิ้ม

         แม่ทำท่าลุกแล้วหยุด หันมากระซิบบอกพี่เจนให้ไปแหวะปลาร้าในไหซองหลังบ้านมาสัก ครึ่งชาม แล้วลุกไปขุดกระชายแดง  ตะไคร้  ใบมะกรูด  มะเขือเปราะอ่อนๆ และหน่อไม้ จากสวนครัว เป็นเครื่องประกอบปลาร้าหลนสูตรของแม่ 

          แม่สั่งให้ผมทำปลาดุกด้านสองตัว หั่นให้เรียบร้อยด้วยนะ แล้วแม่ก็ต้มหน่อไม้รินน้ำทิ้ง 2-3 น้ำจนหายขื่นขม หั่นเป็นท่อนพอคำ  ซอยกระชายแดงจนเป็นเส้นเล็กๆ หอมแดง กระเทียมสด แม่โขลกรวมกันจนแหลก ข่าสดหั่นขวาง 10 ชิ้น ทุบตะไคร้ด้วยมีดแล้วหั่นสั้นๆรวมกองไว้ใกล้ๆกัน พี่เจนยกชามปลาร้าหมักมาให้แม่ขึ้นตั้งไฟในน้ำจืด ต้มจนเละแล้วกรองเหลือแต่น้ำปลาร้าสุก ช่างหอมชวนน้ำลายไหล

         “เจนขุดมะพร้าวแล้วคั้นเอาน้ำกะทิ มาให้แม่หน่อย”

          เมื่อได้ส่วนผสมครบถ้วน แม่ตั้งกระทะเหนือเตา เทน้ำปลาร้าหลนจนสุกกับกะทิสด ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ แต่ทันใด พ่อขยับตัวแล้วลุกขึ้น เผ่นออกจากริมหน้าต่างเรือนชานแบบไม่คิดชีวิต

          “ไอ้ฉิบหายพวกนี้ กินปลาร้าอีกแล้ว” แม่หัวเราะหมากกระจาย พี่เจนยิ้มแหยๆ

          “นี่ไงวิธีบังคับให้พ่อมึงลุกจากที่ประทับ” เสียงหัวเราะของเราสามคนดังขรม


          พ่อเป็นคนไม่กินปลาร้า และทุกครั้งที่แม่ทำปลาร้าหลนหอมๆ พ่อกลับเหม็นจนต้องหนีไปนอกบ้าน เป็นภาวะคับขันชนิดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่พ่อไปที่ไหนไม่มีใครสนใจ พวกเรารวมหัวกินข้าวมื้อเย็นที่ไม่มีพ่อ แม่ พี่เจน พี่จัน ผมและทุย อร่อยเหลือกับปลาร้าหลน ใส่เนื้อปลาดุกสดหั่นขวาง มะเขือเปราะหั่นแปดแฉก กระชายซอย ใบมะกรูดฉีก หน่อไม้หั่นสั้นๆ  เย็นนั้น ปลาร้าหลนร้อนๆกับข้าวสวยร้อนๆ ผักสดแกล้มอร่อยโฮกฮือ

           ระหว่างกินกันไปก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สลับเสียงหัวเราะขำขันอาการของพ่อ ค่ำสนิท แม่เตรียมสำรับกับข้าวให้พ่อด้วยต้มยำหัวพุงปลาช่อนเพียงอย่างเดียว รอพ่อกลับมากินข้าวเย็น เหมือนรอคอยด้วยความขบขัน

           “ดำ ไปตามพ่อมากินข้าวด้วยนะ” แม่พูดขึ้นเบาๆ เหมือนรู้สึกผิด แท้จริงคงห่วงหาอาทร

           “ที่ไหนละแม่” ผมถามแม่ก็ตอบ

           “ที่เก่า หลังยุ้งข้าวหลังใหญ่ คงไปนั่งดูหมูในคอก”

           สิ้นเสียงแม่ผมเผ่นออกไปทันใด เสียงหมูร้องลั่นเล้า ชะแง้คอยหัวสลอน คงจะหิวกันเต็มที พ่อไม่เคยเลี้ยงหมูด้วยตนเอง ได้แต่ยืนดูหมูดุดดินเลนข้างเล้ากินเล่นๆ  

           “พ่อ แม่ให้ไปกินข้าว พวกเรากินปลาร้าหมดแล้วนะ” แล้วยิ้มใส่ พ่อยกเท้าทำท่าจะถีบ แล้วหันหลังเดินกลับไปบ้านทันใด

            เล้าหมูตั้งอยู่หลังยุ้งใหญ่  หมู 15 ตัว กำลังโตกำลังกิน ร้องลั่นด้วยความหิวโหย ข้างๆเล้ามีเตาตั้งกระทะใบบัว ต้มปลายข้าวจนเละ เป็นอาหารสำคัญ ผมตักผักบุ้งที่พี่เจนหั่นซอยไว้ทุกวันลงผสม เทรำหยาบลงไปอีกกระบุง เทน้ำลงไปครึ่งถัง  ใช้พายคนจนเข้ากันก่อนจะใช้ขันตักไปเทใส่รางหมูในเล้า ใส่ช้าก็แย่งกันหัวแตก ผมจึงต้องรีบตักแล้วสาดใส่รางหมูอย่างชาญฉลาด

            “เอะๆๆๆๆ”

            ผมทำเสียงที่เรียกหมูกินอาหารเย็น แล้วก็เทข้าวลงราง หมูวิ่งตามกันไปกินเป็นกลุ่มๆ ช่างน่าสนุก ตัวไหนใหญ่กว่า แข็งแรงกว่าก็จะงับอาหารได้มากกว่า แรงเบียดค่อนข้างสูง หมูตัวเล็กกว่าทานแรงไม่ไหว กระเด็นออกนอกวง

            บ้านชุมโรงสีเกือบทุกหลังคาเรือนมีอาชีพเสริมด้วยการเลี้ยงหมู เพราะว่าพวกเราหาวัสดุเลี้ยงได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ นั่นคือรำข้าวชนิดหยาบและชนิดละเอียด ปลายข้าวคือข้าวสารหักเป็นท่อนๆ ไม่นิยมเอาไปกิน แต่จะขายให้กับคนเลี้ยงหมู  ทั้งปลายข้าว รำหยาบ และรำละเอียด มีมากพอและมีตลอดทั้งปี

            ส่วนผักที่ใช้เลี้ยงหมู ส่วนใหญ่เป็นผักบุ้งลอยน้ำตามลำคลองและในทุ่ง ผักปอดหรือผักตบชวา  หั่นซอยเป็นชิ้นเล็กๆไม่เกิน 2 ซม.แม่บอกว่า ถ้าเลี้ยงด้วยปลายข้าวอย่างเดียวไขมันจะเยอะ หมูจะอ้วน แต่ถ้าใส่ผักลงไปด้วย หมูจะโครงร่างโต เนื้อเยอะ มันน้อย บ้านเรามีพี่เจนคอยไปหาผักบุ้ง ผมต้มปลายข้าวจนเละ และทำหน้าที่ผสมก่อนเลี้ยง พี่จันกับทุยหรือ ถ้าไม่ไปนั่งดูทีวีก็นอนเอาหูแนบวิทยุ ฟังละคร

            ตอนแล้ง เลี้ยงหมูในเล้าติดดิน หมูจะขี้เยี่ยวลงดิน แล้วก็นอนคลุกขี้และดินเลนในเล้า เนื้อตัวสกปรก แต่ถ้าเป็นช่วงน้ำหลาก ก็จะยกพื้นเล้าให้พ้นน้ำ เรียกว่าเลี้ยงบนร้าน  ทุกเช้าผมมีหน้าที่ตักน้ำใต้ถุนร้านอาบน้ำให้หมู ไม่ได้ใช้ขันตักแต่ใช้ยกทั้งถังสาดใส่ทีละตัวๆ แล้วก็กวาดขี้เยี่ยวลงใต้ถุนร้าน ณ ที่แห่งนั้นมีปลานานาชนิดช่วยกันย่อยสลาย

             เมื่อพวกเราคนใดคนหนึ่งในชุมโรงสีขี้เกียจเรียนหนังสือ จึงมักถูกเยาะเย้ยถากถางด้วยประโยคทองคำ  “ไม่อยากเรียน ก็กลับไปเก็บไข่หมู”

Tags : ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทยต้น 20.แสงอรุณ

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view