มุทิตาจิตแด่คุณครูผู้สอนสั่ง
ศิษย์เก่าโรงเรียนวัดกำแพงมณีวิทยา
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ครูหนุ่ม-สาวของเราแต่อดีต วันนี้ยังแข็งแรง
คลองห้วยคันแหลนมีชื่อเรียกขานกันมาด้วยเหตุใดไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน รู้กันแต่ว่า ต้นแม่น้ำไหลมาจากทางเหนือของหมู่บ้าน บ้างก็ว่ามาแต่บึงสามโก้ บ้างก็ว่ามาแต่ศรีประจันต์ บ้างก็ว่ามาจากสามชุก ผ่านบ้านสามโก้ บ้าน อบทม สาขาย่อยมาจากบ้านดอนตาล บ้านห้วยโรง แล้วไหลล่องลงมาถึงบ้านห้วยคันแหลน บรรจบกับคลองอีดูดตรงโค้งห้วยแล้วไหลตรงผ่านหน้าวัดห้วยคันแหลน ทะลุลงไปผ่านบ้านใต้ บ้านหลักขอน แล้วหักศอกไหลไปผ่านบ้านตลาดใหม่ จนไปออกแม่น้ำน้อยที่บ้านคลองขนาก
กราบครูด้วยความเคารพรักเสมอ
ครูวาณี กล่าวแทนครูทั้งหมด
ยามเมื่อน้ำเต็มตลิ่ง ชาวบ้านเหล่าใช้เรือเป็นยานพาหนะในการเดินทางไปมาหาสู่กัน ผันผ่านไปจนถึงวัฒนธรรมประเพณีและวิถีชีวิต เช่นการทอดกฐินทางเรือ เล่นเพลงเรือตอนตอนตะวันอ่อนแสงแล้วลอยกระทงในค่ำคืนที่เดือนเต็มดวง เสียงเพลงเดือนสิบสองน้ำนองตลิ่ง ขับขานคำว่าลอยลอยกระทง ลอยลอยกระทง ลำโพงเครื่องขยายเสียงจากวัดห้วยคันแหลนดังลั่นสนั่นคุ้งน้ำ เพื่อนบ้านร่วมสายน้ำขึ้นล่องมาร่วมงานด้วยความเบิกบานสำราญใจ
รุ่นนี้เป็นผู้นำทีม เหลือเยอะที่สุด
พี่น้องบ้านเหนือถึงบ้านตลาดใหม่ พายเรือค้าขายสารพัดผลิตผลที่หามาได้ เรือขายปลาจะพายขึ้นพายล่อง คนขายจะส่งเสียงเรียกขายว่า “ปลามาแล้ว” ส่วนใหญ่เป็นปลาที่คอมีรอยถลอกด้วยว่าดักมาด้วยตาข่ายตอนค่ำคืนที่ผ่านมา สดๆ ยังเป็นๆอยู่ ปลาที่ขายก็เช่นปลาตะเพียน ปลาหมอกลม ปลาช่อน(ธงเบ็ดมาได้หรือตกมาได้) อีกครู่เรือขายหมูชำแหละก็ตะโกนเสียงดังว่า หมูมาแล้วจ้า คลองห้วยคันแหลนมีชีวิต
รุ่น ป.7 รุ่นเดอะ ก็เหลือเยอะ
มาแค่ 2 คน ปีหน้ามาเยอะๆนะ
เด็กนักเรียนที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่4 ใครได้ไปเรียนต่อก็ไปที่โรงเรียนในอำเภอวิเศษไชยชาญ(เมื่อก่อนเขียนอย่างนี้) มีโรงเรียนราษฎรชื่อว่าโรงเรียนมูลนิธิวิเศษไชยชาญ ตั้งอยู่ที่วัดวิเศษไชยชาญ ริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน้อย ตอนนั้นเรียกว่าชั้นม.1 ส่วนโรงเรียนตันติ......นั้นเปิดสอนตั้งแต่ชั้นม.4-5-6 จบแล้วต่อชั้นม.7-8
เดี่ยวเลยนะ
มาแค่ 2 คน
ผมจบชั้นประถม4 วัดห้วยคันแหลนแล้วก็ไปอยู่บ้านลุงที่ใต้ตลาดตาฉู่ เพื่อไปเรียนที่โรงเรียนวัดวิเศษไชยชาญมูลนิธิ ชั้นม.1จ มีครูดวงเดือน วุฒิวัย เป็นครูประจำชั้น ห้องเรียนอยู่ใต้ถุนโบสก์ จะไปจะมาบ้านแต่ละครั้งต้องเดินจากตลาดมาถึงบ้าน 7-8 กิโลเมตร ผ่านชายทุ่งนาหน้าแล้งลัดเลาะมาตามคันคลองอีดูด แต่หน้าน้ำเต็มตลิ่งนั่งเรือไอผ่านคลองขนากบ้านตลาดใหม่ บ้านหลักขอน แล้วก็บ้านห้วยคันแหลน
เพื่อนๆบ้านริมคลอง ที่ขึ้นล่องผ่านคลองห้วยคันแหลนก็จะทยอยขึ้นท่าน้ำบ้านใครบ้านมัน ระหว่างนั่งเรือมาด้วยกันก็เล่นกันไปตามประสาเด็กๆจอมซน
รุ่นน้องที่ไม่ธรรมดา คนล่างนี่นากยก อบต.ตลาดใหม่นะ
ผมเรียนได้ปีเดียว แม่ไปรับกลับบ้านแล้วบอกว่า บ้านเรามหาเอิบกับหมอกลึงเปิดโรงเรียนชั้นมัธยมขึ้นที่วัดกำแพงมณี วัดหลวงพ่อแก่นซึ่งศักดิ์สิทธิ์จนโจษขานไปทั่ว แต่ระบบการศึกษาเปลี่ยนการไล่เรียงชั้น ผมจึงต้องมาเรียนต่อชั้น ประถมศึกษาปีที่ 6 เพื่อร่วมรุ่นก็มี นายกอบต.ชูชีพ บังอร บ้านห้วยคันแหลน ทองดีบ้านตลาดใหม่ หมูจำชื่อจริงไม่ได้และ ตึ๋งบุญชัยสองพี่น้องจากบ้านหลักแก้ว อี๊ดมณเฑียรจากบ้านหลักขอน ครูประทุมบ้านอบทม สนั่น นิพนธิ์จากบ้านหนองบอน
คนเสื้อนำ้ตาล พต.คำรณ ประธานจัดงานนี้
หมวดเลิศมาจากสิงห์บุรี
ช่วงชัยกับเพื่อนยุทธ์ ที่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดห้วยคันแหลน พิง ออด ชู ฯลฯ จากวัดตลาดใหม่ ส่วนป๊อกพิทักษ์ย้ายมาจากวัดวิเศษฯแต่ ลดชั้นลงมาเรียนชั้นเดียวกับช่วงชัย ครูสะอาด ครูแหย จากวัดอบทม สำเริงจากวัดอะไรจำไม่ได้ พลเอกบุญเลิศ อะไรจำไม่ได้ วัดห้วยโรง วัดหนองบอน ฯลฯ เข้าเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หรือ ม.1 เดิม
ครูบุญส่ง ครูธำมรงค์ ปั้นงาม ดต.ประสิทธิ์ สุรวัตร ต๊อดบ้านห้วยคันแหลนเหนือ จำชื่อจริงไม่ได้ เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 7 ถือว่าเป็นรุ่นพี่ใหญ่ที่สุด เพราะว่าตอนนั้นโรงเรียนยังเปิดสอนเพียงนั้น แต่ต่อมาก็ขยายชั้นเรียนเป็นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-5-6 อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนกำแพงมณีวิทยา
หน้าน้ำเต็มตลิ่งทุกคนพายเรือมาจากบ้านของตน จอดเรือไว้ที่ศาลาท่าน้ำวัด หิ้วปิ่นโตใส่อาหารกลางวันมากินร่วมกัน เพราะว่าไม่มีร้านอาหารมาขายเลย แต่ถ้าหน้าแล้ง นักเรียนทุกหมู่บ้านเดินเรียงกันมาเป็นทิวแถว ดูท้องทุ่งยามนั้นเต็มไปด้วยสีสันและความมีชีวิตเช้า—เย็นจึงได้เห็นเด็กนักเรียนเดินเล่นกันไปบ้าง ไล่กวดเตะก้นกันไปบ้าง มีเรื่องเล่ากันตลอดทาง เป็นความผูกพันร่วมกันที่ยากจะหานักเรียนที่ไหนเหมือน
อาคารเรียนของพวกเราเป็นศาลาการเปรียญ วันโกนก็จะต้องช่วยกันเก็บโต๊ะเก้าอี้เพื่อเปิดพื้นที่ศาลาให้กับญาติโยมพุทธศาสนิกชนเข้ามาทำบุญร่วมกัน เช้าวันเปิดเรียนพวกเราก็มีหน้าที่ต้องยกโต๊ะเรียนและเก้าอี้เข้าประจำชั้นใครชั้นมัน ชีวิตที่เรียนร่วมกันนั้นแม้จะไม่กี่ปี แต่พวกเราก็จดจำกันและกันได้แม่น เว้นแต่ผมเรียนได้ปีเดียวก็ถูกพี่สาวมาลาออกพาไปเรียนที่โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข เพื่อไปช่วยเลี้ยงหลาน
ผู้ตรวจการวีรยุทธ์ พิทักษ์วงศ์
ครูใหญ่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว ใครจำได้ช่วยเติมมาให้ด้วยก็แล้วกัน แม้แต่ครูที่สอนมาทุกคนก็จำนามสกุลท่านไม่ได้ เรียกกันแต่ชื่อหน้าบ้าง ชื่อเล่นบ้าง แต่ก็รักและเคารพครูทุกคนเสมอมา เช่นครูระวิง ครูประสิทธิ์ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็นครูวาณี ครูละอองรูปหล่อ ครูสนั่น(อู๋) ครู..............ทุกท่านถ่ายทอดวิชาความรู้ตามหน้าที่อย่างตั้งใจ เวลาหวดก้นก็ตั้งใจเช่นกัน ไม่เคยแรงลงเลย
ชีวิตนักเรียนบ้านนอกเยี่ยงโรงเรียนวัดกำแพงมณีวิทยานั้น เรียบง่าย ไม่ค่อยมีใครเกเร แบบตีหัวหมาปาหัวเจ๊ก หรือเป็นอันธพาล แต่ก็มีการประมวยกันบ้าง พอเป็นกับแกล้ม หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปเรียนต่อจนเป็นใหญ่เป็นโต เล็กบ้างใหญ่บ้าง ครั้นมาพบกันฉันเพื่อนก็มึงมาพาโวยเหมือนเดิม ไม่มีใครยกตนข่มท่าน ไม่มีใครยโสโอหัง แต่ก็มีบางคนไปแล้วไม่เหลียวหลัง ก็ช่างเขา พวกเรามีเพื่อนเก่าที่เคยเรียนมาด้วยกันนับร้อยๆคน
ขาดตนเดียว ก็ตอบกันแค่ว่า ช่างแม่งมัน
เมื่อทุกคนแยกย้ายกันไปเรียนต่อ ทำงานไปตามวิถีแห่งชีวิต วันหนึ่ง ก็มีใครสักคนชวนเพื่อนๆให้กลับมาเยี่ยมโรงเรียนเก่าของเรา แต่ตอนหลังได้ย้ายมาตั้งที่ศาลาการเปรียญวัดห้วยคันแหลน ได้พบเพื่อนเก่าสมัยเด็กๆ ผมเห็นภาพความผูกพัน ไม่มีมารยา ไม่มีจริต ไม่มีท่าทางวางใหญ่วางโต ทุกคนก็ยังเรียกกันขึ้นต้นด้วยคำว่า “ไอ้....แต่ผู้หญิงก็ เธอ...” ความรักช่างงดงาม
ในบรรดานักเรียนเก่าวัดกำแพงมณีวิทยาแล้ว รุ่นของพิทักษ์ ป๊อก ช่วงชัย ยุทธ์ สะอาด เหนียวแน่นที่สุด เขาพบปะสังสรรค์กันบ่อยครั้ง เขาไปท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจร่วมกันหลายแห่งหลายที่ โดยวิธีการเล่นแชร์กินเที่ยวและพักผ่อน ผมเองก็เคยไปเป็นแขกประผมดอยหลายครั้ง ชุ่มชื้นหัวใจดี
วันที่มีการโทรบอกต่อให้ไปร่วมงานรำลึกถึงครูและเพื่อนๆที่จากไป พร้อมทั้งกราบอำนวยพรให้ครูเก่าของเรามีความสุข ได้รับการกราบไหว้จากลูกศิษย์ที่เคยเป็นเด็กๆไร้เดียงสาในอดีต แต่วันนี้ แก่ หงอก ล้าน หลังงอ กันไปหลายคน ได้มาร่วมทำบุญ กินข้าวด้วยกัน ผมเดินถ่ายรูปเพื่อบันทึกไว้ให้จดจำ น้ำตาซึมตลอดงาน แต่ถึงเวลากิน โอ้โฮ
กับข้าววันนั้น แต่ละคนก็สั่งปรุงอย่างที่ตนชอบ เช่น พะโล้ไข่กับหมูสามชั้น พล่ากบไก่นอกหม้อ ขนมจีนน้ำยาของแท้ดั้งเดิม หมี่กรอบ แกงเป็ดใส่หน่อไม้ ผมกินปลาดุกทอดกรอบผัดพริกแกงที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่านี้จริงๆ กินแล้วยังขอของเหลือกลับมากินต่อที่บ้านอีก เป็นความสุขที่ได้กราบไหว้ครูเก่าที่เคารพรัก ได้พบเพื่อนเก่าๆแม้จะจำได้มั่งจำไม่ได้มั่ง
ไอ้ตึ๋งนี้ ถ้าไปเจอที่อื่นจะจำมันได้หรือ มันเคยรูปหล่อก็กลายเป็นแก่แก้มตอบ หัวล้าน ฟันหลอ มันเปลี่ยนไป ไอ้ป๊อกนี่ไปเจอที่ไหนก็จำได้ มาดเนี๊ยบผมเรียบแปล้เหมือนเดิม 555555
เป็นวันทบทวนความทรงจำแสนงาม
พล่ากบแสนอร่อย