ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช
ที่วัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2558
วันรำลึกถึงพระเจ้าตากสินมหาราช ผมได้รับโทรศัพท์ให้ไปรอขึ้นรถร่วมกันสามพี่น้องวัยชราที่หน้าบิ๊กซี สี่แยกวงศ์สว่าง แล้วก็มุ่งหน้าไปยังกองทัพเรือ ได้เข้าไปไหว้ศาลพระเจ้ากรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา
ที่ประทับและท้องพระโรง
ได้เข้าไปชมห้องบรรทมและท้องพระโรงหลังเดิมของพระเจ้าตากสินมหาราช ซึ่งเป็นเพียงอาคารทรงไทยสองหลังประกบกัน เรียบง่าย ไม่ได้ประดับประดาหรูหราแต่อย่างใด คงสมกับยุคสมัยที่เพิ่งจะครองราชย์บ้านเมืองพ้นความระส่ำระสาย
แล้วก็ได้ไปดูนิทรรศการต่างๆในตึกจีนคู่ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์ เป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าหลายพระองค์ เช่นกรมหมื่นอิสรสุนทร กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ฯลฯ ถัดจากนั้นก็เดินแบบย่องๆไปที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ไปกราบบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช จุดนี้มองเห็นเรือทัวร์ของนักท่องเที่ยวที่เวียนมาให้ชมและเห็นป้อมวิไชยประสิทธิ์ด้วย
ศาลพระเจ้าตากสินมหาราชที่วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร
สามเฒ่าพี่น้องตระกูลเปาเดินทางกันต่อไปยังวัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ จอดรถแล้วก็เดินไปยังวิหารขวางที่ประดิษฐานพระพุทธรูปทองคำ ศิลปะสมัยสุโขทัย มีป้ายสื่อความหมายบอกกเล่าเรื่องราวของพระพุทธรูปทองคำ ความว่า
เมื่อปีพ.ศ.2499 พระสุขุมธรรมาจารย์ เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ได้พบว่ามีพระพุทธรูปปูนปั้นองค์หนึ่งดูเป็นศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ มีรอยแตกร้าวจนเห็นเนื้อทองสุกใส จึงได้กะเทาะออกแล้วพบว่าแท้ที่จริงเป็นพระพุทธรูปศิลปะสมัยสุโขทัย เนื้อผสมนวโลหะปางมารวิชัยปางขัดสมาธิราบสูง 183 ซม.หน้าตักกว้าง 160 ซม. มีอักษรโบราณจารึกไว้ที่ฐานพระพุทธรูปทองคำองค์ดังกล่าวด้วย
อาจารย์ ฉ่ำ ทองคำวรรณ อาจารย์ด้านอ่านอักษรโบราณและศิลาจารึกของกรมศิลปากร ได้อ่านความว่า พระพุทธรูปทองคำองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ.1963 ปีเถาะ เดือน . ขึ้น 1 ค่ำ สร้างโดยสมเด็จท้าวพระยาศรียศราช สร้างถวายเป็นพุทธบูชาพระศาสนา
เมื่อเดินขึ้นไปบนวิหารขวาง จึงได้พบพระพุทธรูปทองคำเนื้อนวโลหะงดงามเปล่งปลั่งประดิษฐานเรียงด้วยพุทธรูปอีกหลายองค์ สามเฒ่าก้มลงกราบด้วยความเคารพเลื่อมใสในบวรพุทธศาสนา นั่งมองพระพักรที่สดใสดุจทองทา อิ่มเอิบในดวงฤทัยเหี่ยวๆแล้วก็กราบลา
พระพุทธรูปทองคำ
วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวง นิกายเถรวาท เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันชื่อ พระราชโมลี(มีชัย วีรปัญโญ ปธ.9) ภายในอุโบสถมีพระประธานชื่อ พระแสน (เชียงแตง) เดิมเป็นวัดราษฏร์ชื่อวัดเจ้าขรัวหง สร้างมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี นิกายธรรมยุต มีพื้นที่วัด 46-1-23 ไร่ ติดฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและฝั่งคลองบางหลวง
พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ นวโลหะเรียกกันว่า “หลวงพ่อแสน” เป็นพระพุทธรูปประทับนั่งขัดสมาธิราบปรางมารวิชัย เป็นพระเก่าแก่ประจำวัดหงส์รัตนาราม มีหน้าตักกว้าง ๒๕ นิ้วครึ่ง แปลกมาตรงที่เบื้องพระศอตอนบนจนถึงพระเศียรและพระพักตร์สีทองเป็นนวโลหะสัมฤทธิ์แก่ เบื้องพระศอตอนล่างลงมาจนถึงพระองค์ และฐานรองสีทองสัมฤทธิ์เนื้ออ่อนกว่า
ตอนพระเศียรและพระพักตร์ เนื้อทองจีวรเป็นอีกสีหนึ่งเข้มกว่าเนื้อทองส่วนพระองค์ แต่ไม่เข้มกว่าตอนพระพักตร์และพระเศียร ส่วนผ้าทาบสังฆาฏิก็เป็นเนื้อทองอีกชนิดหนึ่ง แตกต่างจากจีวรและสีพระองค์ พระพักตร์และพระเศียร แต่เป็นสังฆาฏิชนิดยาวทาบลงมาถึงพระนาภีแบบลังกาวงศ์
พระเกตุมาลาหรือพระรัศมีเป็นเปลวยาวขึ้นแบบลังกาวงศ์ รอบฝังแก้วผลึก ๑๕ เม็ดนิ้วพระหัตถ์ไม่เสมอกันแบบพระเชียงแสน และสุโขทัยยุคแรก พระเศียรโตเขื่องกว่าส่วนพระองค์จนสังเกตเห็นชัด พระเนตรฝังแก้วผลึกในส่วนสีขาวและฝั่งนิลในส่วนสีดำ ฐานรองเป็นแบบบัวคว่ำบัวหงาย
ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถเบื้องหน้าพระองค์พระประธานออกมา จัดเป็นพระพุทธรูปสำคัญและงามเป็นพิเศษแตกต่างจากบรรดาพระพุทธรูปอื่น ๆ มีลักษณะเป็นชนิดหนึ่งหาเหมือนพระพุทธรูปในที่อื่นไม่เป็นพระเก่าโบราณ ในพระอุโบสถจึงเห็นพระพุทธรูป 2 องค์ประดิษฐานลดหลั่นกันลงมาดังในภาพ
ครั้นพระเจ้าตากสินมหาราชตั้งกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรขึ้นเป็นราชธานี โปรดให้ปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในปีพ.ศ.2314 เรียกชื่อวัดใหม่ว่าวัดหงส์อาวาสวรวิหาร รัชกาลที่ 1.ทรงเรียกว่าวัดหงส์อาวาศวรวิหาร รัชกาลที่ 3.เรียกว่าวัดหงสาราม จนถึงรัชกาลที่6. เรียกว่าวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหารตราบเท่าทุกวันนี้
ความสำคัญของวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหารนั้นมากมีดังนี้คือ พระยาธรรมปรีชา (แก้ว) พระอาลักษณ์ของพระเจ้าตากสินมหาราชเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาจึงบวช จนได้รับโปรดเกล้าให้เป็นพระราชาคณะองค์แรก ต่อมาพระสังฆราช(ชื่น) อดีตเจ้าอาวาสวัดเมืองแกลง ที่พระองค์เคยพึ่งพาสมัยกรีฑาทัพไปยังเมืองระยอง ได้รับนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดหงส์ จนได้เป็นถึงสมเด็จพระสังฆราชองค์ต่อมา
ล่วงมาถึงสมัยรัชกาลที่ 2 พระพุทธเลิศล้านภาลัยทรงโปรดเกล้าตั้ง พระเทพโมลี(ด่อน) เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์ต่อมา วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร จึงเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสังฆราชถึง 3 พระองค์ดังกล่าว
เจ้าพระยานมราช (ปั้น สุขุม) เคยบวชเรียนจนได้เป็นเปรียญธรรม 3 ประโยค ที่วัดหงส์ ต่อมาได้เป็นพระอาจารย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นถึงผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน แทนพระองค์ องค์สุดท้าย พระธรรมไตรโลก วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ได้ร่วมแปลพระคัมภีร์มงคลประทีปกับกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ถือว่าวัดหงส์มีความสำคัญต่อแผ่นดิน
ชาติกาลพระเจ้าตากสินมหาราช
วันนี้ 28 ธันวาคม 2558 เป็นวันสำคัญที่วัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ได้ทำพิธีบวงสรวงดวงวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อรำลึกถึงพระคุณของพระองค์ที่ทรงกอบกู้แผ่นดินคืนจากพม่า อริราชศัตรูได้ ณ ศาลพระเจ้าตากสินมหาราช ริมคลองบางหลวง ประกอบพิธีทางพราห์มและพระพุทธศาสนาคู่กันอย่างโบราณราชพิธี เซ่นสรวงดวงวิญญาณด้วยเครื่องบูชาครบถ้วน
จัดหอนิทรรศการเล่าขานถึงพระราชประวัติโดยย่อของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแก่ปวงชนที่ได้มีโอกาสเข้าเยี่ยมชม ได้รู้เรื่องราวและความเป็นมาที่เกี่ยวเนื่องถึงวัดหงส์ฯ ได้รู้ถึงพระคุณของพระองค์ทั้งทางโลกและทางธรรม ตลอดจนเรื่องราวที่ไม่เคยได้รู้มาก่อนหน้านี้มากมาย ได้เห็นประชาชนคนศรัทธามากราบไหว แจกอาหารหวานคาวแก่ผู้เยี่ยมชม เช่น ร้านขายหนังสือกฎหมายในเนติบัณฑิยสภา
ตกกลางคืนมีมหรสพสมโภชยิ่งใหญ่ ด้วยการจ้างโขนจากกรมศิลปากรมาแสดง จัดตั้งเวทีกลางแจ้งริมฝั่งคลองบางหลวงอลังการ ได้อ่านหนังสือเอกสารสำคัญที่ท่านพระครูปลัดสุชาติ ฐานจาโร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหาร ได้เขียนและพิมพ์แจกจ่ายให้ความรู้แก่ประชาชนคนทั่วไป ที่ไม่เคยรู้จะได้รู้ "มหาราชกู้แผ่นดิน"
หลังปกหนังสือมีคำกล่าวสำคัญของพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราช
“คนที่ไม่รักษาศีล ไม่ควรมีชีวิตอยู่ และยิ่งไม่ควรปกครองราชอาณาจักร”
ศาลพระเจ้าตากสินมหาราชเหนือรอยเลือดพระศพ
พระองค์เป็นพุทธมามะกะองค์สำคัญ ยึดมั่นในศีลธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสมพุทธเจ้าเคร่งครัด ถือศีล นั่งวิปัสสนากรรมฐานสม่ำเสมอ ทรงปฏิสังขรณ์วัดวามอารามในเขตกรุงธนบุรีให้รุ่งเรื่องเสมอกัน ตลอดรัชกาลของพระองค์ถึง 14 ปี พระคุณของพระองค์จึงควรที่คนไทยทั้งชาติควรเทิดทูนดุจบุพการีผู้มีคุณ
สรุปชาติกาลจากแผ่นป้ายนิทรรศการดังนี้คือ
พ.ศ.2277 สิน บุตรชาวจีนไหฮองนางนกเอี้ยง ถือกำเนิด ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ ศิษย์เก่าพระมหาทองดี แห่งวัดโกษาวาสน์ พ.ศ.2290 ตัดเปีย พ.ศ.2292 เข้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก รับราชการอยู่เวรนายศักดิ์ ในพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ ปีพ.ศ.2298 อุปสมบทอายุ 21 ปี พ.ศ.2301 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ โปรดเกล้าให้เป็นผู้กำกับการกรมมหาดไทยและกรมวังศาลหลวง พ.ศ.2302 พระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าให้เป็นหลวงยกกระบัตรเมืองตากและเลื่อนเป็นเจ้าเมืองตาก อายุ 25 ปี พ.ศ.2304 เป็นพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร
พ.ศ.2309 พระเจ้าอยู่หัวเอกทัศน์ ทรงโปรดให้เข้าไปพระนครหลวง กรุงศรีศรีอยุธยาปกป้องพระนครจากพม่า ด้วยวิสัยทัศน์กว้างไกลจึงตัดสินใจนำทหาร 500 นายตีแหกค่ายพม่าไปยังเมืองปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ระยองและจันทบุรี
ครั้นวันที่ 7 เมษายน พ.ศ.2310 (อังคารขึ้น 3 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน) กรุงศรีอยุธยาแตก เสียกรุงครั้งที่ 2 พระยาวชิรปราการจึงรวบรวมกำลังคนแล้วหวลกลับมาตีทัพพม่าแตกพ่ายยึดได้ที่กรุงธนบุรีในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310(ศุกร์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีกุน) พระยาตากสิน กอบกู้แผ่นดินคืนสำเร็จภายในเวลาเพียง 7 เดือน วันนี้ จึงมีประเทศไทย
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2311 พระเจ้าตากสินมหาราชทรงปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ ตั้งกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรเป็นราชธานี ขณะพระชนมายุ 34 พรรษา ทรงพระนามว่า “สมเด็จพระศรีสรรเพชร”
พ.ศ.2325 ถูกกล่าวหาว่าสติฟั้นเฟือน ถูกทุบด้วยท่อนจันท์ ที่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ (วิชเยนทร์) สวรรคตขณะพระชนมายุเพียง 48 พรรษา สิ้นสุดราชธานีกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทร
พระศพถูกนำมาไว้วัดหงส์ พระโลหิตตกใสพื้นดินเปียกชุ่มด้วยพระโลหิต ชาวบ้านจึงนำดินนั้นมาปั้นเป็นรูปเหมือนแล้วสร้างศาลเพียงตาขึ้น ณ จุดนั้น เมื่อกาลเวลาผ่านพ้นไปศาลเพียงตาเก่าพุพังประชาชนคนกรุงธนบุรีจึงได้ร่วมกันสร้างขึ้นใหม่ดังในภาพ ณ จุดเดิม ก่อนจะนำพระศพเคลื่อนย้ายไปฌาปนกิจและบรรจุอัฐิไว้ที่วัดอินทราราม ฝั่งธนบุรี
พิธีบวงสรวงสระน้ำศักดิ์สิทธิพระเจ้าตากสินมหาราชที่วัดหงส์
คนแก่สามพี่น้องนั้งคุยกับพระปลัดสุชาติแล้วก็ชาวบ้านใกล้วัดจนตะวันรอนๆ ท้องเริ่มหิวโหย จึงตัดสินใจออกจากวัดกลับพานพบพิธีบวงสรวงสระน้ำศักดิ์สิทธิ์พระเจ้าตากสินมหาราช จึงเดินเข้าไปกราบไหว้สักการะหมายเอาสิริมงคลใส่กระหม่อม เกิดศรัทธาจึงนั่งลงแล้วร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมจนจบ
อันสระนำศักดิ์สิทธิ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้ พระองค์ได้นิมนต์หลวงพ่อวัดประดู่ทรงธรรมมาทำพิธี และเป็นขวัญกำลังใจก่อนออกรบทุกครั้ง
สระน้ำศักดิ์สืิทธิ์พระเจ้าตาก
คนแก่สามคนทนหิวไม่ไหวแล้ว ขับรถออกจากวัดหงส์แล้วไปนั่งรอกินสุกี้ในห้างบิ๊กซี จนอิ่มหนำสำราญก็หมายมุ่งจะกลับวัด แต่กาลเวลายามค่ำคืนนั้นช่างสับสนวุ่นวายนัก จราจรติดขัดจนในที่สุดก็ขับรถหลงทางหาทางกลับวัดหงส์รัตนาราม ราชวรวิหารไม่ได้ อดได้ชมโขนสดที่เพียรจะรอดูตั้งแต่ก่อนเที่ยง คนแก่แม้บุญเยอะก็หาทางกลับวัดหาได้ไม่
ฝากไว้ก่อน โขนสดกรมศิลปากร