ต้มข่าไก่ใส่หัวปลี กับข้าวคนยากมื้อปลายเดือน
โดย ลุงดำ คำโต เรื่อง-ภาพ
ตะวันบ่ายคล้อยลงไปทุกที ท้องเริ่มร้องขอส่วนบุญ จะทำอะไรกินดี ยามใกล้สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจ ลุงดำเดินดิ่งเข้าก้นครัว เปิดตู้เย็น เห็นมีไก่แช่แข็งน่องครึ่งเหลืออยู่ แถมด้วยต้นหอมสดอีก 3 ต้น น้ำตาลปีบข้างตู้เย็น น้ำมะขามเปียกที่คั้นทิ้งไว้ใต้ช่องแช่แข็ง พริกขี้หนูสดข้างครัว โหรพาเสียบไว้บนโต๊ะกินข้าว ผักแกล้มของแม่บ้านเจ้าแห่งสุขภาพ กะทิครึ่งกล่องแนบอยู่ข้างฝาตู้เย็น หิ้วทุกอย่างออกไปที่ในครัว แล้วเดินข้ามไปตัดหัวปลีกล้วยน้ำว้ามาหัวหนึ่ง
เดินวนไปที่ต้นข่า และ ตะไคร้ข้างรั้ว ถอนมา 2 ต้น ฟันใบทิ้งแล้วเด็ดใบมะกรูดสดจากต้น สวนครัว 5 ตารางวา ริมรั้วหน้าบ้าน ได้วัตถุดิบพร้อม เหลียวหาหัวหอมแดงแบบหอมอินเดีย กระเทียมกลีบอวบๆแบบพม่า พริกขี้หนูแห้งในถุงพลาสติกที่สะสมไว้ เมื่อได้ทุกอย่างครบถ้วน ลุงดำก็เริ่มต้นที่ การหั่นหัวปลีกล้วยแล้วแช่ในน้ำส้มสายชูผสมน้ำประปา แช่ไว้ไม่ให้ดำ ลงมือซอยข่าอ่อนเป็นชิ้นบาง ๆ ฉีกใบมะกรูด ซอยต้นหอมสด แล้วกองทิ้งข้างเขียง
ใช้มีดโต้ขนาดกลางสับน่องไก่ให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ พอคำพอกินแบบผู้ดี ตั้งน้ำบนเตาแก๊ส เทกะทิครึ่งกล่องลงไปผสม ใช้ทัพพีตักน้ำมะขามเปียกใส่ลงไปให้ละลาย แล้วเติมด้วยน้ำตาลปี๊บใหญ่กว่านิ้วโป้งมือ ข่า ตะไคร้ เทใส่ลงไป พอน้ำเดือด กะทิขุ่นก็ใส่เนื้อน่องไก่ลงไป เหยาะน้ำปลาตามลงไปนิดหน่อยเพื่อทดสอบรสชาติ
รสชาติต้มข่าไก่ได้ที่ตามต้องการ ก็ใส่หัวปลีที่แช่น่ำส้มสายชูแล้วล้างน้ำสเด็ดแล้วลงไป ต้นหอม ใบมะกรูด พริกขี้หนูตำแหลก ผสมลงไปในหม้อ ปกติ ต้มข่าไก่ก็กินได้อร่อยตามรสปากแต่ละครอบครัว ปล.ปกติต้มข่าไก่เขาไม่ใส่หัวปลี บ้านลุงดำมีต้นกล้วยและหัวปลีคือผักสดที่สะสมอยู่บนต้นกล้วยให้ได้กินเสมอ เลยใส่ซะ
แต่ลุงดำติดรสมือแม่ ต้องทุบกระเทียม หอมแดง พริกขี้หนูแห้ง เผาแล้วโขลกละเอียดใส่ตามลงไปด้วย เผ็ดมากขึ้น หอมกลิ่นพริกและหอมเผามากขึ้น ชิชะ รสชาติบ้านใครบ้านมันจ้า โรยด้วยใบโหระพาหอมกรุ่น มื้อค่ำคนยากอร่อยได้อีกมื้อ แบบว่า ก้นครัวเหลืออะไรอยู่ก็หยิบจับเอามาทำผสมๆกันไป กินได้ ไม่ต้องร่ำรวยจ้า แถมด้วยกล้วยน้ำว้าและมะละกอสุข ปั่นโดยฝีมือลูกสาวคนเก่ง โอ้ อร่อยๆๆๆ