http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,942,376
Page Views16,247,774
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ล่องเรือสมานรัก "แม่น้ำน้อย" กับสาวผักไห่

ล่องเรือสมานรัก "แม่น้ำน้อย" กับสาวผักไห่

ล่องเรือสมานรัก “แม่น้ำน้อย” กับสาวผักไห่

โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

รูปหมู่ อย.04 รุ่น 07 แค่ส่วนหนึ่ง

         โลกออนไลน์ช่วยให้ก้าวทันสถานการณ์มากมายหลากหลายมิติ โดยเฉพาะเรื่องราวข่าวสารจากเพื่อนเก่า เหลาเหย่ ที่ขาดหายไปตามกาลเวลา แว๊บขึ้นมาว่า จะไปรำลึกถึงความหลังด้วยการล่องเรือในแม่น้ำน้อย ทันใดใจใคร ๆ ก็ประหวัดไปถึงสาวผักไห่ในเนื้อร้องของเพลง ชาตรี ศรีชล


         แต่สำหรับผม ภาพที่ผุดขึ้นในสมองกลับเป็นนักเรียนสาวชาวผักไห่และหนุ่มตะกรอที่เคยนั่งเรือไอไปตามลำแม่น้ำน้อย เพื่อไปโรงเรียน อะฮ้า คนแก่รำพึง    


กับข้าวเพียบ พร้อมเลี้ยง 30 คนแต่ไปแค่ 15 คน 

         ผมไลน์ไปในทันใดว่า ไปด้วย แค่นั้นแหละเสียงตอบรับมาเป็นเกลียว ดีใจ (ที่ไอ้แก่จะมาร่วมอีกหนึ่งคน) แล้วผมก็ตั้งโปรแกรมไว้ว่าวันเวลานั้นนะ ไปได้ที่เดียว ไปล่องเรือสมานรัก “แม่น้ำน้อย” กับสาวผักไห่ แต่แท้ที่จริง ผมจะไปร่วมล่องเรือในแม่น้ำน้อยกับเพื่อนนักเรียนระดับชั้นมัธยมต้นที่เคยเรียนหนังสือร่วมกัน ที่โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข จ.พระนครศรีอยุธยา อักษรย่อ อย.4 รุ่น 07 (จบมศ.3 ปีพ.ศ. 2507)


ท่าเรือหน้าที่ว่าการอำเภอผักไห่ 

          ครูใหญ่หรืออาจารย์ใหญ่ ชื่อ ครูญาติ  วิทยาภรณ์   ครูประจำชั้นห้อง ก.คือ ครู..........แต่จำได้ว่าครูประจำชั้นห้อง ข.คือครูจรรยา ดีวงษา ซึ่งวันนี้ ท่านก็กรุณาเดินทางมาด้วยความเมตตาและครูก็คงจะอยากเห็นพวกลูกศิษย์ด้วยว่า ยังอยู่ดีมีสุขกันแค่ไหน ส่วนครูจะนึกคิดเช่นไร


รถเบ็นซ์จอด คนสำคัญแน่ๆ  คณุประจำชั้นนะเอง เฮ

          “ทำไม ลูกศิษย์ฉันมันถึงแก่เกินไวกันขนาดนี้หรือเปล่า ไม่กล้าถาม” 


           เพราะครูได้แต่ยิ้มและหัวเราะ รู้สึกได้เลยว่าครูมีความสุขในหมู่มาร ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นของพวกเรา อาจารย์ คมขำ ดีวงษา ไม่มาร่วมสังสรรค์ด้วยนั้น อยู่ไหนไม่มีใครรู้ ท่าจะทำตัวเป็น สุรีย์รัตน์ล่องหนไปแล้วกระมัง


           ย้อนอดีตนิดหนึ่ง ชั้นเรามี 2 ห้อง ห้องก.และห้องข. แต่หลังจบกันไปหลายปี ถึงได้นัดหมายที่จะพบกัน เพื่อให้เพื่อนเก่าสมัยเด็ก ๆ ได้กลับมาพบปะสังสรรค์กัน จำได้อีกว่า นัดพบกันครั้งแรกที่สวนอาหารจิตรโภชนา ลาดพร้าว ปีพ.ศ.ใดจำไม่ได้แล้ว หากใครจดจำได้ก็ช่วยเขียนเติมเข้ามาด้วย


หญ้ารกเรื้อ สายไฟพาดขวาง เฮ้อ

           ผมลงมาจากหน่วยงานในป่าทางภาคเหนือ เข้าไปนั่งในห้องอาหารตามที่ได้รับแจ้ง มองหาใครก็ไม่เห็น เห็นแต่ชายหนุ่มใหญ่หัวเถิกหน้าผากสูงมากอยู่ 2 คน จนคนอื่น ๆ เข้ามากันอีกหลายคนจึงได้ จำกันได้ว่าใครเป็นใคร เพราะเสียงทักทายด้วยสำนวนบ้านๆ


วัฒนธรรมการสร้างบ้านเรือนไทยกับศาลาน้อยริมน้ำ 

          “อ้าว ไอ้ชาย มึงไปนั่งอะไรมุมนั้น แล้วไอ้วันชัยไปนั่งอีกมุมได้ไง เฮ้ยๆ มารวมกันนี่” เสียงดังๆ ที่ตะโกนทำให้นึกภาพแจ่มแจ้งว่า ชายหัวเถิกสองคนนั้นคือ สมชาย ปิติสม และวันชัย จุลสุคนธ์ นอกนั้นก็จำได้ว่ามี ผมธงชัย เปาอินทร์  ธงชัย จุลเมือง ธงชัย นครรัตนชัย ปราโมทย์ พันธุรัตน์ ชูเงิน วุฒิพันธุ์ ฯลฯ จากนั้นจนบัดนี้ พวกเรายังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่เหนียวแน่นเสมอมา


นายท้ายเรือ เก๋า

          จุดนัดหมายล่องเรือสมานรักครั้งนี้ คือท่าน้ำหน้าที่ว่าการอำเภอผักไห่ ครูแสน กิจสำเร็จ เป็นแม่งานทั้งเรื่องเรือและเรื่องอาหาร  กำหนดเวลาที่แท้จริงก็ตามแต่เพื่อนๆจะมาถึงกันพร้อมหรือยัง  แต่พอเพื่อนทยอยเดินทางมาถึง ก็ช่วยกันขนเสบียงมื้อเที่ยงและมื้อบ่าย ลงเรือ ซึ่งได้ทราบว่า เรือนั้นเหลือเพียงลำนี้ลำเดียว ที่ใช้ล่องเรือชมบรรยากาศแม่น้ำน้อย


นายอำเภอเดชา 

          “การล่องเรือในแม่น้ำน้อยครั้งนี้ เป็นการรำลึกถึงวันคืนที่ผ่านพ้นมาหลายสิบปีของพวกเรา ที่เคยอาศัยแม่น้ำน้อยเดินทางไปยังโรงเรียนในหน้าน้ำหลากเต็มฝั่ง บ้านของพวกเรานั้นมีน้ำท่วมทุ่งไปทั่วทุกทิศ จึงได้เห็นวัฒนธรรมการปลูกสร้างบ้านเรือนใต้ถุนสูง ได้เห็นสะพานทอดยาวจากตัวเรือนใหญ่ไปยังศาลานั่งเล่นหลังน้อยริมน้ำ ได้เห็นทั้งบ้านทรงยุโรปและทรงไทย”


นายช่างใหญ่ ชูเงิน วุฒิพันธ์

          “ได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องสองฟากฝั่งแม่น้ำน้อยที่เกี่ยวข้องหนองยุ่งกับแปลงผักบุ้งชายน้ำหน้าบ้าน การตั้งยอยักษ์ยกเอาปลา การดักลอบยืน ลอบนอน การเหวี่ยงแห ลงอวนล้อมจับปลาที่แปลงผักบุ้งหน้าบ้าน และในอดีตได้เห็น กลุ่มบ้านที่ทำน้ำปลา กะปิ ปลาย่างรมควัน ปลาสารพัดชนิดตากแห้ง  การลงเล่นน้ำของเด็ก ๆ การตกปลาหาอาหารแต่ละมื้อ การลงอาบน้ำในแม่น้ำ จนถึงการตักน้ำหาบขึ้นเรือน ตลอดจนประเพณีการทอดกฐินทางเรือ และประเพณีลอยกระทงเดือนสิบสอง ฯลฯ”


สาวผักไห่ใจดี ตักแจกเพื่อนๆตลอดทริป

           คนพร้อม เรือพร้อม เสบียงพร้อม เหล้ากับโซดาพร้อม ออกเดินทางได้ เท่านั้นเอง ก็ได้เวลาสังสรรค์กันไปตามประสาเพื่อนเก่าเหล้าดีแม้จะไม่มีดนตรีไพเราะ ก็โอเค แต่มีมือถือถ่ายภาพเพื่อนๆ วิถีชีวิต วัฒนธรรมสองฟากฝั่ง เสียงเรือดังลั่นสนั่นแม่น้ำน้อย ผู้คนบนบ้านชะโงกกันลงมามอง เรือล่องแม่น้ำกลายเป็นสิ่งแปลกใหม่ไปแล้ว ทั้งที่ในอดีต มีแต่เสียงเรือหางยาว เรือลากโยง เรือไอ เพรียกจนแสบแก้วหู


ต้นคิดคนจ้างเหมาเรือ ผอ.ชวิน เจิมสุวรรณ 

           เวลาเปลี่ยน สรรพสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไป ผักตบชวายังลอยเท้งเต้งไปในแม่น้ำน้อย แต่อีกากับหมาเน่าและหมูเน่าหายไป  ที่เพิ่มมาใหม่คือ ถุงขยะลอยน้ำได้  การตั้งยอยักษ์ยกปลายังมีให้เห็น พอได้เห็นป้าคนหนึ่งกำลังยกยอ  พวกเราก็ได้แต่ส่งเสียงเชียร์กันว่า จะได้ปลาหรือไม่ได้ หลักฐานว่าได้ปลาตะพเยน 2 ตัวคือภาพนี้


           เรือแล่นทวนน้ำขึ้นไปยังเป้าหมาย ทอดผ้าป่าที่วัดสี่ร้อย  ทุกครั้งที่เรือแล่นผ่านบ้านใคร ก็จะชี้ชวนกันว่า พอถึงหน้าวัดชีโพนก็จะหันกลับไปวัดตึกคชหิรัญ โรงเรียนของเราตั้งอยู่หลังวัดนี้ 


อาจารย์ดวงเดือน กำลังอิ่มอร่อยกับมื้อเที่ยง ผู้การต้ม สำรวย อิ่มแล้วเช่นกัน

           เลยขึ้นไปอีก ตรงหลังไหนบ้านบุญมั่น ชำนิปั้น  ตรงไหนบ้านนายอำเภอเดชา   คลองไหนคลองบ้านอ้อ บ้านครูญาติและจำลอง ไพศาล สาวห้อง ข. พอไปถึงบ้านประเสริฐ เขมะรังษี ก็น่าจะยกแก้วเหล้าแล้วก็บอกกล่าว กินเหล้าไหมเพื่อน ประเสริฐเป็นประชาสงเคราะห์จังหวัดน่าน เสียชีวิตไปแล้วจากอุบัติเหตุ 


ครูแสน กิจสำเร็จ เหนื่อยละครู 

           เป็นความทรงจำที่จำกันได้ มากมายกว่าที่จะเขียนถึงหมดได้ คงต้องเขียนแบบหลายชีวิตของหม่อมคึกฤทธิ์ถึงจะเล่าได้ละเอียดละนิ

           เรือแล่นทวนน้ำขึ้นไปเรื่อย ๆ ผ่านบ้านหลังใด จะเล่าประวัติย่อๆ เช่นบ้านหลังสวยงามสง่า แต่เคยทาสีเขียว ก็จะเรียกว่าบ้านเขียว เจ้าของบ้านเคยเป็นนายอำเภอ แต่ขาดผู้อยู่อาศัยมานานจนบ้านที่เคยสวยงามทรุดโทรม ในที่สุดถูกเรียกและร่ำลือกันว่าเป็นบ้านผีสิง ทีวี นสพ. ลงข่าวกันเกรียวกราว ทำให้เกิดการเดินทางมาเยี่ยมชม

       

เหมือนว่า จังหวะดีๆหายาก

           ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงเลยได้ขายไข่เป็ดสดบ้าง ไข่เป็ดเค็มบ้าง กลายเป็นตลาดเล็ก ๆ แก่นักท่องเที่ยวชมชอบเรื่องแปลกๆ  


ตอนเด็กๆนั่งเรือผ่านเห็นองค์หลวงพ่อโต โตจัง ตัดต้นไม้เถอะนะ

ถ่ายรูปหมู่กันหน่อยนะ ตากล้องจ้องถ่ายเน้อ

           ตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำน้อยนั้นมีวัดมากมายหลายวัด ในอดีตการพายเรือไปทำบุญและการทอดกฐินทางน้ำด้วยเรือ เป็นเรื่องปกติธรรมดาชีวิต  แต่ปัจจุบันนี้ มีถนนรถแล่น คนเดินทางทางบก จึงไม่เหลือเรือล่องแม่น้ำมากนัก  เรือพายที่ทำด้วยไม้สักหายไปแทบไม่เหลือ เหลือแต่เรือไฟเบอร์สีแดงสีเขียว หมดคุณค่าทางวัฒนธรรมไปอีก เน๊าะ


ทอดผ้าป่าทางน้ำ ประเพณีดั้งเดิมที่หายไป

           บ้านทรงไทยหรือทรงยุโรปสวยๆหลายร้อยหลัง ปล่อยปละละเลย แบบบ้านร้าง หญ้ารกเรื้อไปทั่ว ถ้ายังเป็นในอดีต จะไม่มีหญ้ารกเรื้อจนหมดความสวยงาม แต่จะได้เห็นชีวิตบนบ้านทรงไทยอย่างน่าตะลึงลาน

           แถมปัจจุบันนี้ การใดที่เป็นของราชการก็มักทำง่ายๆ ไม่ได้คำนึงถึงความสวยงามแบบอย่างสุนทรีเลยมีแต่เสาไฟฟ้าและสายที่พาดยุ่งตุงนังไปทั่วสองฝั่งแม่น้ำ ถ้าปราศจากเสาไฟฟ้าและสายไฟฟ้าพาดระเกะระกะ คงจะได้เห็นภาพบ้านเรือนสวยงามยิ่งนัก


           ส่วนวัชพืชน้ำตัวสำคัญคือ ผักตบชวา นับว่าโชคดีที่ได้เห็นเขาลอยละล่องไปตามกระแสน้ำหลาก มิเช่นนั้นก็จะแล่นเรือฝ่ากอผักตบขึ้นล่องไม่ได้เลย เป็นปัญหาของแม่น้ำลำคลองหนองบึงทั่วประเทศ ถึงแม้จะมีการดัดแปลงเป็นเปลยวน กระเป๋าถือ ทำปุ๋ยพืชสด ก็ไม่มีวันหมด เป็นพันธุ์พืชต่างถิ่นกำเนิดที่กลายเป็นปัญหาแก่แม่น้ำลำคลองไปได้นะ


           เกือบตลอดแม่น้ำน้อย ได้เห็นป้าคนหนึ่งจอดเรือตกปลาอยู่ชายน้ำ กับหนุ่มอีกคนยืนถือคันเบ็ดไม้รวกตกปลาอยู่บนตาฝั่ง ถ้าเป็นอดีต เราจะได้เห็นคนพายเรือ อีกคนยืนตระหง่านตั้งท่าเหวี่ยงแห หาปลา  หรือไม่ก็ดักลอบยืน(ตั้ง)ริมชายแปลงผักบุ้ง หรือกำลังลงเบ็ดราวข้ามแม่น้ำ หรือลอยเรือตกปลากดเหลือง ตกกุ้งน้ำจืด กันกลางแม่น้ำ และนั่นคือวิถีชีวิตที่หายไป อดีตที่ไม่อาจหวนคืนเช่นนั้นหรือ   


           มันน่าจะเปิดการแข่งขันเพื่อฟื้นอดีต  3 วัน 2 คืน หรือ 2 วัน 1 คืน           

           1.แข่งขันกีฬา ตกกุ้งและปลากด เปิด 09.00-15.00 น.ตัดสินกันที่จำนวนกุ้งและปลาที่ได้น้ำหนักสูงสุด

           2.แข่งขันพายเรือประเภทต่าง ๆ ที่ใช้กันในวิถีชีวิตดั้งเดิม เช่น เรือป๊าบไม้สัก เรือไผ่ม้า  เรือบด  กระทั่งเรือไฟเบอร์กลาส โดยไม่จำเป็นต้องเป็นเรือยาวแต่อย่างใด

           3.ประกวดบ้านทรงไทย บ้านใต้ถุนสูง และบ้านทรงยุโรป สวยงาม (บ้านและชายน้ำหน้าบ้าน) คณะกรรมการต้องช่วยกันพายเรือไปสำรวจและให้คะแนน ห้ามขับรถยนต์ไป

          4.ประกวด สุดยอดอาหารและขนมพื้นบ้านอร่อยที่สุด เช่น ห่อหมกปลาช่อน  แกงปลาเทโพ(ผักบุ้ง+ปลาเทโพ)  ต้มโคล้งปลากดย่าง  ฉู่ฉี่ปลาเนื้ออ่อน  ปลาเห็ดโบราณ (ไม่ใช่ทอดมัน) ข้าวต้มมัด  ขนมตาล  ขนมกล้วย  ข้าวหลาม ฯลฯ

          5.ประกวดร้องเพลงลูกทุ่งเงินหมื่นเงินแสน กติกาคือต้องเป็นคนผักไห่เท่านั้น  


พุทธไทยกราบไหว้ต้นไม้ตอไม้ไปเรื่อยเพื่อขอหวย

          ผลที่คาดว่าจะได้คือ แม่น้ำน้อยจะกลายเป็นแม่น้ำแห่งการตกกุ้งตกปลาตามธรรมชาติ บ้านเรือนริมน้ำจะกลายเป็นโฮมสเตย์ให้นักท่องเที่ยวหรือนักกีฬาที่ชอบตกกุ้งตกปลามาพักแรม เรือที่แขวนหรือขึ้นคานไว้จะได้ลงไปลอยน้ำอย่างมีชีวิต

           ภาพแห่งอดีต ชีวิตกับสายน้ำ จะกลับคืนมาสู่แม่น้ำน้อย ซึ่งแม่น้ำน้อยช่วงอำเภอผักไห่ เป็นช่วงที่มีบ้านทรงไทย บ้านทรงยุโรปและบ้านใต้ถุนสูง งดงามที่สุด

           ปัญหาใหญ่คือ ใครจะเป็นเจ้าของโครงการ ระหว่าง นายอำเภอ นายกเทศมนตรี นายกองค์การบริหารตำบลต่าง ๆ หรือ เจ้าของธุรกิจใหญ่ในอำเภอผักไห่

           เรือแล่นทวนน้ำไปจนถึงวัดสี่ร้อย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ทอดผ้าป่ากันตามประสาเพื่อร่วมรุ่น กราบไหว้หลวงพ่อโตวัดสี่ร้อย แล้วก็เดินทางกลับทางเรือลำเดิม

           แต่สายตาของพวกเราก็ยังสอดส่ายไปทั้งสองฝั่งแม่น้ำน้อย มองหาความสุนทรี วิถีชีวิต และอดีตที่ฝังใจจำ การดื่มกินของเพื่อนๆยังแน่วแน่และมีเป้าหมาย จนกว่าเรือจะไปส่งขึ้นที่บ้านริมแม่น้ำน้อยของ บุญมั่น ชำนิปั้น


ผ่านโรงสีไฟคิดถึง ทางลื่นลากกระสอบข้างลงเรือคือสไลเดอร์

           เดือน 12 น้ำนองตลิ่ง น่าจะจัดให้สังสรรค์แล้วสืบสานประเพณีลอยกระทงกันอีกสักคืนไหม  พักแรมบ้านริมน้ำ บ้านวันชัย จุลสุคนธ์ บ้านหน้าโคก จะได้ทำกระทงง่ายๆด้วยต้นโสน ผักตบชวา หยวกกล้วย ฯลฯ

ล่องเรือยามตะวันรอนจนถึงเที่ยงคืน กินมื้อค่ำในเรือแบบง่ายๆ ข้าวหม้อแกงหม้อ กับแกล้มอย่างเดียว ไม่ต้องเหนื่อยแบบครูแสน ครั้งนี้


รังนกกระจาบ สวยงาม แต่ผมไม่อยากเกิดเป็นนกกระจาบตัวผู้แน่นอน 

           โดยแล่นขึ้นจากบ้านวันชัยไปยังบ้านสามเรือนแล้วล่องไปจนสุดที่บ้านตาลานใต้ จึงแล่นทวนน้ำกลับมาดังเดิม  เที่ยงคืนตรงไหน ก็ลอยกระทงตรงนั้น แต่จะจอดเรือท่าไหนเพื่อให้ได้ลงไปอาบน้ำตอนเที่ยงคืนเพื่อชำระล้างร่างกายอย่างในอดีตกันหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการจัดกิจกรรมตามประเพณีที่เคยทำกันมา  


เห็นต้นกุ่มน้ำ  คิดถึงยอดและดอกกุ่มดอง จิ้มน้ำพริกกะปิ

           เสร็จแล้วจึงแล่นเรือชมพระจันทร์วันเพ็ญกลางแม่น้ำน้อย ท่ามกลางสายลมเย็นๆจนกว่าจะกลับมาขึ้นเรือนนอน โฮมสเตย์วันชัย  

           เช้าๆ ตื่นมาเล่นน้ำหน้าบ้าน กินข้าวต้มกุ๊ย ไข่เค็ม ไข่เจียว ปลาเค็มทอด จบ แยกย้ายกันกลับบ้านได้ แต่ถ้าใครจะอยู่ต่อ ก็หาเรือไปตกปลาในแม่น้ำน้อยได้อีกช็อต

สนใจ โหวต ๆๆๆๆ


บัวลอยยวน ลูกเป้งเลย 3 ลูกจอด


 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view