องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ต้องสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดย ธงชัย เปาอินทร์
พระราชกฤษฎีกาประกาศจัดตั้งองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้( ออป.) เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2499 ให้เป็นองค์กรประเภท รัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมป่าไม้ เช่น การทำไม้ การเก็บหาของป่า แปรรูปไม้ ทำไม้อัด และภายหลังทำหน้าที่ปลูกป่าไม้เศรษฐกิจเพื่อทดแทนไม้จากป่าธรรมชาติที่ปิดป่าสัมปทานไปแล้ว
เจตนารมณ์ของการตั้ง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เป็นการมองการณ์ไกล ต่อไปภายหน้าการทำไม้เพื่อให้ประชาชนใช้สอยและทำเงินเข้ารัฐบาลนั้นต้องปลูกขึ้นมาใหม่ เพราะต้นไม้จากป่าธรรมชาตินับวันจะลดน้อยถอยลงโดยเฉพาะ หลังการปิดป่าสัมปทานทำไม้ ทำให้ ออป.เหลือแหล่งวัตถุดิบป้อนโรงงานจากไม้ของกลาง แต่มีปริมาณไม่สม่ำเสมอ ออป.จึงขอใช้ประโยชน์พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรม จากกรมป่าไม้ เพื่อทำการปลูกสร้างสวนป่าไม้สักและไม้อื่นๆ เช่น ออป.ปลูกป่าไม้สักในภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันตก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ ออป.เปลี่ยนเป็นการปลูกยางพารา และไม้ยูคาลิปตัส คามาลดูเลนซิส เพื่อหมุนเวียนรายได้จากน้ำยางและไม้ยูคาฯอายุสั้นๆ
ปัญหาของ ออป.คือ การใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติในความควบคุมของกรมป่าไม้ การจะปลูก จะตัดเพื่อการบำรุง และการตัดออกมาใช้ประโยชน์ ออป.ต้องทำเรื่องขออนุมัติจากกรมป่าไม้ หากยังไม่อนุมัติก็ทำการใดๆไม่ได้เลย เอกภาพการบริหารสวนป่าจึงสะดุด ไม่คล่องตัว และมีปัญหาแทรกซ้อนมาอย่างยาวนาน ต่อมามีปัญหาอีกคือการตั้งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้วให้ ออป.ไปสังกัดกระทรวงดังกล่าว ทั้งๆที่ ออป.มีพันธกิจต้องปลูกใหม่แล้วตัดมาแปรรูปจำหน่าย ไม่ใช่ทำหน้าที่องค์กรอนุรักษ์แต่อย่างใดเลย
องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ จึงควรเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมีต้นไม้สักและไม้อื่นๆที่เห็นควรจะปลูกมาใช้ เป็นพืชเกษตร กรณีเช่นนี้ จึงต้องตราพระราชกฤษฎีกาให้องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ไปสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แล้วยังต้องยกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติที่ ออป.ปลูกป่าไม้ทั้งหมดให้ ออป.สามารถบริหารจัดการได้ทั้งองค์กรและที่ดินที่ใช้ประโยชน์ ในรูปแบบเดียวกับ ที่ดินป่าสงวนแห่งชาติเสื่อมโทรมที่ตัดให้ให้ สำนักงานปฏิรูปที่ดิน(สปก.) นำไปดำเนินการด้วยอำนาจเต็ม
ออป.จึงจะมีเอกภาพการบริหารจัดการพื้นที่ปลูกและไม้ที่ปลูกได้อย่างเต็มพิกัด เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คล่องตัวในการหมุนเวียนไม้และเงินตราหล่อเลี้ยงคลังและองค์กรได้สำเร็จ รัฐบาลจำเป็นต้อง ปลดโซ่ตรวนที่ล่ามองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้จากกรมป่าไม้เสียเถอะ และประการสำคัญ ตราพระราชกฤษฎีกายุบ พรบ.สวนป่า พ.ศ.2535 พร้อมการแก้ไข พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ไปในคราวเดียวกัน
สิ่งที่ผมยังอยากเห็นเพราะได้เห็นมาตลอดชีวิตการรับราชการกรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกว่า 35 ปี พบว่า ออป.ปลูกป่าได้เก่งกว่า กรมป่าไม้ ด้วยเหตุนี้ ผมจึงอยากเสนอให้ ออป.ทำหน้าที่ส่งเสริมการปลูกป่าของประชาชนบนที่ดินกรรมสิทธิ์แทนกรมป่าไม้
ปฎิรูปวงการป่าไม้อย่างยั่งยืน ต้องกล้าปลดแอกต้นไม้จากโซ่ตรวนที่ล่ามเอาไว้กว่า 100 ปี อยู่กับกรมป่าไม้มาตลอดแต่ป่ากลับหมดลดลงไปทุกวัน แล้วเปิดวิสัยทัศน์กว้างๆให้ ออป.และประชาชนคนอยากปลูกป่าเป็นอาชีพของตนเอง ดำเนินกิจกรรมไปด้วยความปลอดโปร่งปราศจากอุปสรรคขวากหนามใดๆ เสียที ผมมั่นใจว่า ประชาชนจะปลูกป่าเป็นอาชีพโดยไม่ต้องเปลืองงบประมาณส่งเสริมแต่อย่างใด
หวังปวงประชา ร่วมปลูกป่าเป็นอาชีพ ได้อย่างอิสระเสรี มีป่าปกเต็มเมืองและมีทรัพย์สินบนที่ดินมากขึ้นๆ