พระราชบัญญัติสวนป่าพ.ศ.2535 ส่งเสริมหรือเป็นกับดักการปลูกป่าเป็นอาชีพ
โดย ธงชัย เปาอินทร์
ตื่นตะลึงกันไปทั่วประเทศ เมื่อกรมป่าไม้ตราพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ.2535 ให้ประชาชนปลูกป่าไม้หวงห้ามได้บนที่ดินกรรมสิทธิ์ พอถึงปีพ.ศ.2536 กรมป่าไม้ตั้งส่วนปลูกป่าภาคเอกชนขึ้นคู่ขนานกับส่วนปลูกป่าภาครัฐ ในสำนักส่งเสริมการปลูกป่า ดูเหมือนว่า จะชัดเจนและโคตรดีใจกันไปทั่ว
ส่วนปลูกป่าภาคเอกชน เขียนโครงการส่งเสริมการปลูกป่าภาคเอกชน โดยรัฐบาลให้งบประมาณแก่เกษตรกรผู้ประสงค์จะปลูกป่าไร่ละ 3,000 บาท แบ่งจ่าย 5 ปี หลักการเยี่ยม ประชาชนคนทั่วไปและภาคเอกชนตื่นตัว หลายโครงการเปลี่ยนแนวคิดการจัดสรรที่ดินแบบสวนเกษตร(ปลูกลำไย มะม่วง ฯลฯ)มาเป็นการจัดสรรสวนป่าไม้สัก ไม้กฤษณา ไม้ยางนา ฯลฯ
ริมถนนวิภาวดีรังสิตมีป้ายโฆษณาเป็นรูปท่อนซุงขนาดใหญ่กับข้อความชวนเชิญว่า ไม้สักท่อนนี้ลงทุนเพียง 25 บาท เท่านั้นเอง เตะตามาก แตกตื่นไปทั่วประเทศ ที่ดินสวนป่าไม้สักขายได้อย่างกับเทน้ำเทท่า ใครๆก็อยากปลูกป่าเป็นอาชีพโดยเฉพาะเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งชาวบ้านที่มีที่ดินแปลงน้อยๆ คนงานเพาะชำกล้าไม้ลาออกไปเพาะกล้าไม้สักขายร่ำรวยกันไปทั่ว ผู้คนตื่นตัวกล้าไม้สักและไม้ป่า เป็นอีกแนวอาชีพหนึ่งที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ
ผมเอง เขียนโครงการนำสื่อมวลชนไปประชาสัมพันธ์จากมูลนิธิฟื้นฟูชนบทจากประธานกรรมการ ท่านลิขิต หงส์ลดารมย์ ท่านอนุมัติให้ไปกันถึง 4 ครั้ง แบบให้เปล่า ผมทำหน้าที่ผู้ประสานงานให้ผู้ที่มีตำแหน่งสำคัญในส่วนปลูกป่าภาคเอกชน ผู้เชี่ยวชาญโรคแมลง ป่าไม้จังหวัดและป่าไม้เขตเจ้าของพื้นที่เพื่อนำพาไปยังเกษตรกรที่ทำสวนป่าทั้งรายใหญ่และรายเล็กๆ
วลีเด็ดการส่งเสริม”ปลูกไปเถอะ ต้นสักใหญ่เท่าขวดน้ำปลาก็เอาไปขึ้นทะเบียนสวนป่าได้ ก็ขายได้”
แต่แล้วก็เกิดเรื่อง เมื่อเกษตรกรปลูกป่านำที่ดินสวนป่าไปขึ้นทะเบียน คำตอบที่ได้รับจากการไปติดต่อที่ป่าไม้อำเภอคือ เจ้าหน้าที่มีน้อย ยังไม่ว่าง ประกอบกับกรมป่าไม้ก็ผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ไม่ได้จัดตั้งงบประมาณทั้งค่าเดินทาง ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และยานพาหนะ กรรมตกกับเจ้าของสวนป่า ต้องจ่ายให้เพื่อให้ได้รับการขึ้นทะเบียนสวนป่าพร้อมค้อนตราประจำสวน ระเบียบยุบยิบไปหมด
โดยเฉพาะโครงการจัดสรรที่ดินปลูกป่าไม้สัก แปลงใหญ่ แต่ละแปลงหลายร้อยไร่ แบ่งเป็นแปลงย่อยแปลงละ 2 ไร่ จำนวนแปลงมากก็ต้องขึ้นทะเบียนสวนป่ามาก ค้อนที่จะให้ตีตราประทับไม้ที่ตัดออกก็ต้องแยกแต่ละแปลงแต่ละฆ้อน ถ้าโครงการจัดสรร 1000 ไร่ แปลงละ 2 ไร่ ก็จะได้ใบอนุญาตขึ้นทะเบียนสวนป่า 500 ใบ ค้อน 500 ตัว เห็นภาพไหมครับ
ผมเริ่มตรวจสอบพระราชบัญญัติสวนป่าพ.ศ.2535 อย่างละเอียด จึงพบว่า ทุกมาตราที่ปรากฏนั้นเป็น “กับดัก” นักปลูกป่าเป็นอาชีพหรือจัดสรรที่ดิน ในที่สุดก็ยอมรับกันทั่วไปในวงการว่า การปลูกป่าไม้สักหรือไม้ใดๆนั้นไม่ยาก ใครๆก็ปลูกกันรอดตายแทบร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่ยากลำบากและเป็นปัญหามากคือ การต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติสวนป่าพ.ศ.2535 และพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 รวมถึงระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติ 2 ฉบับดังกล่าว เจ็บลึกอีกเมื่อหนีไม่พ้น เจ้าหน้าที่ไม่มีความพร้อมในการอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่ปลูกป่าเป็นอาชีพ
ตรวจสอบอีกครั้ง พบว่าในต่างประเทศที่ปลูกป่าเป็นอาชีพเช่นประเทศฟินแลนด์รายได้กว่า 60%มาจากการปลูกป่าไม้ของเอกชนขาย ญี่ปุ่น อเมริกา นานาประเทศ ล้วนไม่มีพระราชบัญญัติใดควบคุมการปลูกป่าเป็นอาชีพ มีแต่การให้คำแนะนำทางวิชาการ การจัดตั้งสถาบันเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้อิสระในการบริหารจัดการสวนป่าอย่างเสรี และไม่มีกฎหมายหรือระเบียบใดๆ มาบังคับใช้แต่อย่างใด
ปฏิรูปป่าไม้ประเทศไทยด้วยการ ปลดโซ่ตรวนต้นไม้จากพระราชบัญญัติป่าไม้ 2484 และพระราชบัญญัติสวนป่า พ.ศ.2535 คนไทยจะหันมาปลูกป่าเป็นอาชีพทำเงินกันทั่วประเทศ