คึดฮอดเมืองลาว ๗
...
อาณาจักรศรีโคตรบูร
เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน
“เอื้อยนาง”
เป็นการหอบลูก จูงหลาน ไปเที่ยวกันในวันมาฆบูชา ปี ๒๕๕๓ วันที่ควรจารึกว่าน้ำในแม่โขงลดระดับลงไปจนแทบมองเห็นเมืองพญานาค ฝั่งโขงทั้งสองฝั่งจึงสูงชันจนแทบต้องไต่ คลาน ขึ้นลง
เป็นวันแห่งฟ้าหลัว ในท่ามกลางความแล้งร้อนของวันวาน แต่วันนี้กลับมีเมฆลอยเกลื่อน เสมือนจงใจมาช่วยเป็นร่มเงาให้พวกเราลูกหลานพ่อใหญ่เลาะได้ไปไหว้พระธาตุศรีโคตรบูร(สีโคดตะบอง) เมืองเก่า ท่าแขก อย่างสบาย ๆ
ท่าแขก เป็นเมืองเล็ก ๆ สงบเงียบ ตั้งอยู่คนละฝั่งโขงกับจังหวัดนครพนม ขึ้นกับแขวงคำม่วนซึ่งมีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินปูนสูงสลับซับซ้อน มองจากฝั่งไทยเห็นเป็นทิวเขียวครึ้มกลมกลืนกับผืนฟ้า
ชื่อท่าแขก แต่กลับมีตำนานเรื่อง ดอนแกวกอง เป็นตำนานความโหดร้ายของสงครามที่คนในท่าแขกกับนครพนมต่อสู้ร่วมกันจนมีศพคนตายเกยกันก่ายกองบนเกาะกลางน้ำโขงที่มองเห็นอยู่ลิบ ๆ ทางท้ายนครพนมเมื่อนั่งเรือข้ามฝั่งโขง
ตำนานบ้านเมืองช่วงแม่น้ำโขงตอนกลางแถบนี้มีเอ่ยถึงเมืองกะบอง (กระบอง) อาณาจักรสีโคดตะบอง(ศรีโคตรบูร) และวงศ์กษัตริย์ศรีโคตรบูร ซึ่งพบร่องรอยหลักฐานอยู่มากมายทางฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง ที่สำคัญคือเมืองเก่าท่าแขกที่เราเดินทางไปกันในวันนี้ ถือเป็นการไปเที่ยวลาว ไปไหว้พระธาตุศรีโคตรบูร และได้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ด้วย นับว่าไม่เสียเที่ยวที่หอบกันมาเต็มหนึ่งคันรถตุ๊ก
อาณาจักรโบราณศรีโคตรบูร มีเอ่ยถึงในตำนานอุรังคนิทานแต่ไม่แจ่มชัดนัก มาลาววันนี้ นับเป็นโชคเหลือเกินได้หนังสือภาษาลาว-อังกฤษ ติดมือกลับบ้าน ๓ เล่ม เป็นหนังสือ ชื่อ ประวัติอาณาจักรสีโคดตะบองบูราณ ( The History of The Ancient Kingdom of SIKHOTTABONG) , ประวัติถ้ำพระหนองปลาฝา เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน (History of Buddhas Cave and Nongpafa Nakhang Xang Village,Thakhek District Khammouane Province) และประวัติพระบาง ทำให้ได้ข้อมูลอาณาจักรโบราณแห่งนี้เพิ่มขึ้นว่า
เมืองหลวงของอาณาจักรศรีโคตรบูรแรกทีเดียวตั้งอยู่ฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงบริเวณ หนองเฮือทอง เขตบ้านสะดีน้อย ห่างจากปากแม่น้ำเซบั้งไฟเข้าไป ๑๕ กิโลเมตร ( ขึ้นกับแขวงสะหวันนะเขตในปัจจุบัน ) ซึ่งมีตำนานเมืองตุมวางหรือตุม พะ วัง เป็นเค้า มีร่องรอยวัตถุโบราณสมัยเจนละ และฟูนานให้เห็นมามาย เชื่อว่าหนองโบราณแห่งนี้คือสระพังหลวงในเขตพระราชวังโบราณ
ต่อมาในสมัยพระยานันทเสนแห่งวงศ์ศรีโคตรบูรได้ย้ายนครหลวงมาตั้งทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง ใกล้พระธาตุพนม เพื่อความสะดวกในการอุปถัมภ์พระธาตุดังกล่าว และขนานนามเมืองใหม่ว่า มะลุกขะนะคอน (มรุกขนคร) เป็นสมัยที่พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองในราชอาณาจักร มีการสร้างพระธาตุขึ้นเคารพสักการะ
สำหรับพระธาตุศรีโคตรบอง หรือ บูร ที่เราไปกราบไหว้ในวันนี้ ตำนานในหนังสือดังกล่าวระบุว่า สร้างในสมัยเจ้าสุมิดตะทำมะลาชา( ศุภมิตรธรรมราชา) ซึ่งได้สร้างพระธาตุอิงฮังในเมืองสะหวันนะเขตขึ้นพร้อมกันด้วย
เมืองมรุกนครถูกทำลายร้างลงในสมัยพระเจ้า นิลุทะลาด (นิรุทราช) อาณาประชาราษฎร์ทั้งหลายยกย้ายแตกหนี มีบางส่วนมาตั้งอยู่ที่รอบ ๆ พระธาตุศรีโคตรบูรนี้กลายเป็นบ้านเมืองขึ้นมา เจริญเติบโตเป็นศูนย์กลางอาณาจักรอีกครั้ง พระพุทธศาสนาในอาณาจักรได้เจริญรุ่งเรื่องขึ้นอีกครั้งในยุคสมัยของพระเจ้าฟ้างุ้ม และ พระโพธิสารราช แห่งหลวงพระบาง และเวียงจันทน์ สมัยต่อ ๆ มาการเมืองยุ่ง ๆ ในราชอาณาจักรทำให้ตกเป็นเมืองขึ้นของสยามและฝั่งเศส ความเจริญย้ายไปอยู่ท่าแขกและนครพนม ณ มรุกขนครเดิมแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า “เมืองเก่า”
เมืองเก่าท่าแขกแห่งนี้มีวัดพระธาตุศรีโคตรบองที่ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ พร้อมจัดสร้างอนุสาวรีย์พระยาศรีโคตรบองเป็นสง่าอยู่หน้าวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองท่าแขกในปัจจุบัน
ภายในพื้นอันใหญ่โตกว้างขวางของวัด ยังได้จัดให้เป็นหมู่บ้านวัฒนธรรมของชนเผ่าในแขวงคำม่วนไว้ สำหรับเป็นที่จัดแสดงวิถีชีวิตที่แตกต่างของแต่ละกลุ่มชนในเขตแขวง เมื่อมีงานประจำปีอีกด้วย แต่ดู ๆ แล้วไม่เห็นความแตกต่างกันมากนักกับกลุ่มชนทางฝั่งขวาแม่น้ำโขง เขตอีสานในปัจจุบัน
ที่แท้ลาวหรือไทยหาใช่ใครอื่นใครไกลกันเลย
ว่าไหมคะ
๐๐๐๐๐