http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,004,308
Page Views16,313,212
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ทำประกันภัยรถยนต์ทั้งที่ ต้องระวังเรื่องเอกสาร

 ทำประกันภัยรถยนต์ทั้งที่ ต้องระวังเรื่องเอกสาร


                                      ทำประกันภัยรถยนต์ทั้งที ต้องระวังเรื่องเอกสาร
  

                                                                      ธงชัย เปาอินทร์/เรื่อง 


                   ทุกคนที่ซื้อรถยนต์ หวังความสะดวกสบายและปลอดภัย ยิ่งรถยนต์ออกใหม่ป้ายแดงด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำประกันภัยรถยนต์แบบชั้นหนึ่งเสมอ บริษัทที่ทำก็ตามที่บริษัทรถยนต์แนะนำหรือแถมฟรี  คนซื้อรถยนต์ก็มักจะมักง่ายเซ็นต์ชื่อซื้อประกันทันที ไม่ค่อยได้อ่านรายละเอียดเอกสารกันนัก ก็เลยมีปัญหากับบริษัทประกันภัยบ่อยๆ จนทุกวันนี้มีอีเมลล์ส่งต่อกันไปทั่วโลกไซเบอร์ ผมก็เลยอยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องประดับความรู้และความมั่นใจในบริษัทประกันภัยต่างๆ
                       นี่คือตัวอย่างหนึ่งของอีเมลล์ที่ได้รับจากนักท่องโลกไซเบอร?ครับ

                                  

เรียนคุณดำรงพันธ์

 
ขอบคุณสำหรับอีเมล์เรื่องการประกันภัยรถยนต์ที่ส่งมาให้ซึ่งมีประโยชน์มากสำหรับผู้ทำประกันภัยรถยนต์ทุกคน และในฐานะที่ผมทำงานทางด้านการประกันภัยมากว่า 30 ปี ผมขออนุญาตเพิ่มเติมเล็กน้อยดังนี้ครับ
 
ข้อที่ 1 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นมา ผู้เอาประกันภัยจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยก่อนที่กรมธรรม์จะมีผลบังคับ เรียกเป็นภาษาฝรั่งว่า Cash Before Cover ครับ ส่วนเหตุผลหลักๆนั้นน่าจะมาจากการที่บริษัทประกันภัยไม่สามารถเรียกเก็บเบี้ยประกันภัยได้ ทั้งๆที่บางครั้งผู้เอาประกันภัยได้ชำระให้กับ "ตัวแทน" ไปแล้ว ดังนั้นผมจึงขอแนะนำให้ทำประกันภัยผ่านบริษัทนายหน้านิติบุคคล หรือ ทำโดยตรงครับ 
 
ข้อที่ 3 คำว่าแอกเซ็ปต์ ไม่ถูกต้องและเรียกผิดกันมาโดยตลอด ที่ถูกคือ  "เอ็กเซส (EXCESS)" แต่ประเทศทางยุโรปโดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษที่เป็นแม่แบบของการประกันภัยนิยมใช้คำว่า "ดีดั๊กติเบิ้ล (DEDUCTIBLE) ซึ่งมีความหมายเดียวกันคือ ความเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเอง ส่วนที่ระบุในข้อนี้ว่าต้องรับผิดชอบถึง 6000 บาทนั้นเป็นเพราะว่าตอนทำกรมธรรม์ผู้เอาประกันเลือกที่จะจำกัดผู้ขับขี่ โดยระบุชื่อผู้ที่จะขับไว้ในกรมธรรม์ ดังนั้นหากผู้อื่นที่ไม่มีชื่อเป็นผู้ขับขี่แล้วเกิดอุบัติเหตุ กรมธรรม์ก็ยังคงให้ความคุ้มครอง แต่จะต้องเสียเอ็กเซส 6000 บาท ซึ่งมีระบุไว้ชัดเจน ที่เป็นเช่นนี้เพราะผู้เอาประกันต้องการจ่ายค่าเบี้ยประกันถูกกว่าปกติครับ
 
ข้อที่ 5 เพราะมีการดัดแปลง และการดัดแปลงนั้นอาจจะเพิ่มความเสี่ยงภัย ผู้เอาประกันภัยจึงจำเป็นที่จะต้องแจ้งบริษัทประกันภัยทันที และอาจจะต้องเสียเบี้ยเพิ่มแล้วแต่การดัดแปลงครับ
 
ข้อที่ 6 ไม่น่าเป็นปัญหา เพราะเวลามีอุบัติเหตุ surveyor ของบริษัทที่ทำประกันภัยจะต้องมา แม้ว่าคู่กรณีจะไม่มีประกันภัยก็ตาม และคงไม่มีการเปลี่ยนจากถูกเป็นผิดอย่างแน่นอน เพราะถ้าเราเป็นฝ่ายถูก บริษัทที่เราทำประกันก็สามารถไปฟ้องร้องค่าเสียหายคืน (RECOVERY) จากคู่กรณีได้ครับ
 
ข้อที่ 8 โดยปกติแล้วเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้วไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับผิด คู่กรณีทั้ง 2 ก็จะต้องไปเจรจาที่โรงพัก และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการพ่นสีที่อยู่ในเหตุการ หรือบางทีมาไม่ทัน (เพราะรถเกียร์ว่าง) surveyor ก็จะถ่ายภาพไว้ และนำหลักฐานต่างๆมาชี้ผิดชี้ถูกโดยตำรวจที่โรงพัก แต่ถ้ายังไม่ตกลงอีก ก็จะต้องส่งเรื่องไปที่จราจรกลางเพื่อชี้ขาดต่อไปครับ นอกจากนี้แล้ว surveyor จากบริษัทประกัน "ไม่มีหน้าที่ตกลงเจรจา" ครับ (อาจจะมีการแนะนำในฐานะลูกค้าของบริษัทว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร และควรจะเจรจาอย่างไร เป็นต้น) ผู้เอาประกันภัยจะต้องเจรจาเอง ส่วนผลออกมาอย่างไร surveyor ก็จะออกใบเคลมให้ตามนั้นครับ เช่นถ้าผู้เอาประกันภัยเป็นฝ่ายผิดก็จะต้องเสียค่าปรับที่โรงพัก จะมีการลงบันทึกประจำวัน แล้ว surveyor ก็จะออกใบเคลมให้ทั้งสองฝ่ายเพื่อนำรถไปซ่อมครับ
 
ข้อที่ 9 ข้อนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่าถ้าปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กำหนด บริษัทประกันภัยสามารถปฏิเสธการจ่ายเคลมได้ แต่เรื่องใบอนุญาตขับขี่นั้นตอนหลังได้มีการเปลี่ยนแปลงคือไม่มีการระบุเป็นข้อยกเว้นในกรมธรรม์เรื่องไม่มีใบขับขี่ จึงเข้าใจว่าแม้ไม่มีใบขับขี่ก็จะได้รับความคุ้มครอง ตรงนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องน่าห่วงมาก ถ้าเป็นอย่างที่ผมเข้าใจ สมัยก่อนมีการระบุชัดเจนเรื่องไม่มีใบขับขี่ แต่ตอนนี้ไม่ทราบถึงความตั้งใจของ "ผู้ออกกฎ" น่าห่วงจริงๆครับ ทุกอย่างดูจะออกมา แบบ "3 ถ" แล้วบริษัทประกันภัยก็ชอบบ่นว่าขาดทุนมาโดยตลอด ยิ่งตอนนี้มี Promotion แปลกๆออกมา ซึ่งต้องระวังให้มากๆนะครับ ผมขอยืนยันว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ "ถูกและดี" รถผมเองทุกคันก็เสียเบี้ยเต็มอัตราเพื่อความคุ้มครองที่ครอบคลุมที่สุดครับ (ประกันที่บริษัทกรุงเทพประกันภัย) 
 
ผมได้ส่งอีเมล์ฉบับนี้ไปให้ "ผู้เชี่ยวชาญทางด้านการประกันภัยรถยนต์" ท่านหนึ่ง ถ้าหากผมอธิบายไม่ชัดเจนหรือผิดพลาดประการใด ท่านจะได้ช่วยชี้แจงให้ชัดเจนอีกแรงหนึ่งครับ
 
หวังว่าคงได้ประโยชน์บ้างนะครับ
 
หม่อม

 


Date: Mon, 12 Apr 2010 21:04:22 +0700
Subject: Fwd: ประกันภัย...ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ

From: damrongphand1@gmail.com

 

ประกันภัย...ความลับที่ประกันภัยไม่ยอมบอกคุณ
 

 

บ่อยครั้งที่ผู้เอาประกันซื้อกรมธรรม์ประกันภัยด้วยความเชื่อและเครดิต มากกว่าที่จะตั้งใจอ่านสัญญาในกรมธรรม์ซึ่งเต็มไปด้วยภาษากฏหมายเข้าใจยาก

ด้วยเหตุนี้ความรู้เกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ที่หลายคนยังไม่ทราบจึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป การเข้าใจกรมธรรม์แบบง่ายๆ จึงน่าจะสามารถช่วยให้คุณรักษาสิทธิประโยชน์ของคุณไว้ได้อย่างเต็มที่



10 เรื่อง "ต้อง" รู้เกี่ยวกับประกันภัย

1. กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์จะมีผลทันทีที่ผู้เอาประกันชำระเบี้ยประกันภัยให้กับบริษัท (รวมไปถึงนายหน้าผู้เอาประกันด้วย)
ดังนั้นแม้การซื้อผ่านนายหน้าถ้ามีใบเสร็จรับเงินที่ถูกต้องก็จะปฏิเสธความรับผิดชอบมิได้


2. ในกรณีที่รถคุณเสียหายอย่างสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมกลับคืนได้ บริษัทต้องจ่ายเงินให้แก่ผู้เอาประกันเต็มทุนประกัน และรถคันนั้นจะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันภัย


3. ค่าแอกเซ็ปต์ หรือค่าใช้จ่ายส่วนแรกนั้น
ในกรณีไม่มีคู่กรณีจะจ่ายเพียง 1,000 บาท เท่านั้น แต่ถ้าคนอื่นขับไปทำให้เกิดความเสียหาย ต้องจ่าย 6,000 บาท


4. ค่าอะไหล่ที่เกิดจากการซ่อม ผู้เอาประกันสามารถเรียกร้องเป็นเงินตามราคาประเมินเพื่อนำไปจัดหาเองได้ ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่าจะได้อะไหล่แท้หรือไม่


5.
หากภายในรถของคุณมีการติดตั้งอุปกรณ์สำหรับระบบก๊าซ NGV หรือ LPG
เจ้าของรถมีหน้าที่ต้องแจ้งให้บริษัททราบ เพราะหากเกิดเหตุและรถคันเอาประกันเป็นฝ่ายผิด ความคุ้มครองที่จะได้รับจากการประกันอาจไม่สมบูรณ์


6. หากคุณขับรถชนกับรถคู่กรณีที่ไม่มีประกันภัยและรถของท่านเป็น "ฝ่ายถูก" คุณควรตรวจสอบไปที่บริษัทประกันภัยว่าตามรายงานอุบัติเหตุนั้น รถของคุณเป็นฝ่ายถูกจริงเหรอ ทั้งนี้เพื่อผลประโยชน์


7. การดูแลขนย้ายรถที่เสียหายเนื่องจากอุบัติเหตุเพื่อไปซ่อมที่อู่เป็นหน้าที่ของบริษัท แม้ว่าจะต้องย้ายรถไปโรงพักหรือที่ใดก็ตามตั้งแต่หลังเกิดเหตุจนกระทั่งซ่อมเสร็จ
บริษัทประกันภัยจะต้องรับภาระส่วนนี้ แต่ไม่เกินร้อยละยี่สิบของค่าซ่อม



8. ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชน และคุณ
ไม่แน่ใจว่าเป็นฝ่ายถูกหรือผิด คุณไม่จำเป็นต้องเซ็นรับผิดในใบเครม เพราะไม่ใช่กติกาหรือข้อกฏหมายแต่เป็นหน้าที่ที่บริษัทซึ่งคุณทำประกันจะไปทำการตกลง


9. อย่าคิดหนีในกรณีที่ขับรถชนคน ให้ช่วยเหลือคนเจ็บให้เต็มที่ และถ่ายรูปหลักฐานที่เกิดเหตุไว้ต่อสู้คดี
เพราะศาลจะพิจารณาจากความมีน้ำใจที่คุณช่วยเหลือผู้อื่น บางทีโทษทางอาญาอาจเหลือแค่การรอลงอาญา และตกลงค่าเสียหายกันตามสมควรแต่ถ้าคุณหนีจะติดคุกทันที


10. ประกันภัยจะไม่คุ้มครองความเสียหายในขณะที่รถของคุณถูกลากจูง หรือขับรถขณะที่มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไม่น้อยกว่า 150mg% หรือขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ เว้นแต่ในกรณีที่ทำประกันประเภทระบุชื่อคนขับ และความเสียหายนั้นเกิดขึ้นในขณะที่คนระบุชื่อเป็นผู้ขับขี่

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"

 


 

 -

Tags : ประกันภัยรถยนต์

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view