“ปูทูลกระหม่อม” ที่มหาสารคาม
ลูกน้ำ...รัชนี/เรื่อง ภาพ-จากอินเทอเนท
เช้าตรู่นิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคามกลุ่มของฉัน รวมตัวกันเพื่อเดินทางไปศึกษาธรรมชาติที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า ดูนลำพัน โดยเริ่มต้นการเดินทางจาก บ้านของนายจ้อยเพื่อนร่วมกลุ่ม ออกเดินทางสู่ อ.นาเชือก เมื่อไปถึง จุดแรก สมญาว่าพัทยานาเชือก อันเป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ ภาพที่เห็นอยู่เบื้องหน้าเป็นท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาล สุดสายตาจดขอบฟ้าสีคราม สวย บรรยากาศดี
รุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าการเดินทางครั้งนี้เล่าว่า
“ช่วงสงกรานต์จะมีคนมาที่นี่เยอะมากมาเล่นน้ำกันที่บึงนี่เลย”
แต่วันที่เราไปถึง อากาศค่อนข้างร้อน มีลมพัดมาเป็นช่วงๆ พวกเราเดินเล่นกันไปตามประสาหนุ่มสาว ต้นไม้ใบหญ้าดกดื่น มีป้ายสื่อความหมายบอกชื่อและสรรพคุณทางยา ที่นี่เหมือนเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและแหล่งเรียนรู้ของประชาชนทั่วๆไป ใครๆก็เข้ามาใช้สถานที่นี้ นั่งเล่น กินอาหาร
เรานั่งเล่นกันได้พักใหญ่ รุ่นพี่บอกว่า
“ไปต่อเถอะ ยังมีที่ให้ไปอีกนะ ตื่นเต้นกว่านี้อีก”
พวกเราจึงเดินทางมายังจุดที่สอง ฉันดูก็รู้สึกว่า หัวหน้าการเดินทางออกจะภูมิใจในการนำเสนอมาก นั่นคือไปดู
“ปูทูลกระหม่อม”
ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า“ปูแป้ง” หรือ Mealy clay มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Thaipotamon chulabhorn Naiyanetr เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 14 ประเภทสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ค้นพบเมื่อ 2536 โดย ศ.
เป็นปูที่มีความโดดเด่น 2 ประการคือ
เป็นปูถิ่นเดียว มีเฉพาะในประเทศไทยและที่ป่าดูนลำพันเท่านั้น อีกประการคือ เป็นปูที่มีสีสันทั้งตัวถึง 4 สีด้วยกัน
ลักษณะทั่วไป กระดองสีม่วงเปลือกมังคุด ขอบเบ้าตา ขอบกระดอง ขาเดินทั้ง 4 คู่ ก้ามหนีบทั้ง 2ข้างมีสีเหลืองส้ม ปลายขาข้อสุดท้ายและปลายก้ามหนีบมีสีขาวงาช้าง
ชอบขุดรูอยู่ในดินเหนียวสีเทาปนดำ ที่พิสดารอีกอย่างคือ เวลาที่ใช้ในการผสมพันธุ์นานถึง 4-5 ชั่วโมง และไข่จะฟองใหญ่กว่าปูนาธรรมดากว่า3 - 4 เท่า
ว่าก็ว่าเถอะค่ะ เรื่องราวของปูนาขาเกตัวนี้ ในการเดินทางไปวันนั้น ไม่เห็นสักตัวเดียว ที่เห็นมากมายก่ายกองเป็น “รูปู” ค่ะ เหตุผลคือ เจ้าปูทูลกระหม่อมตัวนี้เขามีพฤติกรรมการออกหากินในเวลากลางคืนนะคะ
ป่าดูนลำพัน 343 ไร่นี้ ยังมี นกอพยพในฤดูหนาวจากไซบีเรียบินมาเยือนหนองน้ำของป่าแห่งนี้เป็นประจำ มากันทีละมากๆเชียวละค่ะ การเดินทางไปป่าดูนลำพันง่ายค่ะ อยู่ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 3 - 4 ด้านทิศตะวันตกของเส้นทางระหว่าง อ.นาเชือก ไป อ.ยางสีสุราช จ.มหาสารคาม
“ทางอยู่ที่ปาก” กติกานักเดินทางที่ชอบไปแบบไปไหนไปกัน ไม่ทันตั้งตัว
------------------------------------------------------------------------------------------
ปล.บทสารคดีนี้เขียนโดยนิสิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หากนิสิต-นักศึกษา สถาบันใด สนใจงานเขียน ส่งตรงมาได้ที่ thongchai_paoin@hotmail.com เนื้อเรื่อง 1-1.5 หน้าเอ4 ขนาดตัวอักษร 18 รูปภาพขนาด 400 พิกเซลล์ จำนวน 7-10 รูป