มล.ชูชาติ กำภู : ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล
ธงชัย เปาอินทร์ KU.27
วันที่ผมได้เห็นหน้าท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ผมจำไม่ได้ แต่จำได้ว่ามีวันปฐมนิเทศที่หอประชุมใหญ่ครั้งหนึ่ง
แล้วผมก็ได้เห็นท่านยืนอยู่บนโพเดี่ยมหน้าตึกชีววิทยาต่อหน้าพวกผมนิสิตปี 1 กว่า 900 คน ร่วมกับรุ่นพี่ๆอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่รู้จำนวนเท่าไร รู้แต่ว่าวันนั้นฝนตกปรอยๆ พวกผมใส่เสื้อสีขาวแขนยาว ผูกเนคไทร์เขียว หมวกแง็บเขียว ปักชื่อไว้ที่หน้าหมวกด้วย นั่งกันอยู่หน้าตึกชีวะ
ท่านกล่าวด้วยเสียงเนิบๆ พยายามจะชี้แจงถึงเหตุผลและผลที่คาดว่าจะได้รับอย่างจริงจัง
แต่พวกผมได้แต่ตะโกนตามรุ่นพี่ที่สั่งการ
ใช่แล้วครับ พวกผมเป็นไอ้หมูปีหนึ่งซึ่งไม่รู้เกมส์การเมืองในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน แต่พวกผมนี่แหละ เป็นนิสิตรุ่นที่ได้ต่อต้านการย้ายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขน ไม่ให้ไปอยู่ที่กำแพงแสน ไอ้โง่เอ๊ย
อนุสรณ์สถาน มล.ชูชาติ กำภู ม.เกษตร.วิทยาเขตกำแพงแสน
สรุปความว่า ผมเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์บางเขนจนจบปริญญาตรี พร้อมเพื่อนๆ จนกระทั่งหลังจากนั้นนานนับ 38 ปี ผมอพยพครอบครัวมาตั้งหลักปักฐานทำธุรกิจเล็กๆ ที่หน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นั่นแหละครับ ผมจึงได้ทบทวนเหตุและผลที่ผ่านมา ผมรู้สึกเศร้าสะเทือนใจเมื่อได้รู้ว่า
พวกเราได้ทำลาย "วิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านอธิการบดี คนเก่งไปอย่างน่าอัปยศที่สุด"
แต่ผมไม่ยอมรับว่า ผมได้ต่อต้านด้วยความเป็นตัวของตัวเอง พวกผมถูกกระทำ ถูกข่มเหง เมื่อรู้ซึ้งดังกล่าวแล้วว่า ท่านคือผู้ที่ควรได้รับการเคารพและเชื่อฟัง แต่ก็สายไปเสียแล้ว
"ต่อไปในอนาคต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเซีย"
เป็นประโยคเดียวที่ผมจำได้ขึ้นใจ วันนี้ ผมเข้าไปเยี่ยมกรายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำแพงแสน ครั้งใด ก็ได้แต่เศร้าสะเทือนใจ และก็รู้สึกเจ็บใจรุ่นพี่ที่ร่วมกับคณาจารย์ผู้ซึ่งอาจสูญเสียผลประโยชน์จากการย้ายมหาวิทยาลัยในครั้งนั้น ผมได้แต่สาปแช่งพวกเขาเหล่านั้น
"พวกพี่ได้ทำลายมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ไปอย่างน่าเสียดาย"
ทุกวันนี้ คราใดที่ได้ไปเยี่ยมกรายที่อนุรณ์สถานของท่าน ผมได้แต่ยืนน้ำตาซึม และนึกในใจเสมอว่า ผมเสียใจ ผมขออภัยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จริงๆ
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประวัติและผลงานโดยสังเขปของหม่อมหลวงชูชาติ กำภู
หม่อมหลวงชูชาติ กำภู เกิดเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2448 ที่ตำบลประตูสามยอด อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร เป็นบุตรคนโตของพลตรี พระยาสุรเสนา (ม.ร.ว.ชิต กำภู) และคุณหญิงผอบ สุรเสนา ท่านได้รับพระราชทานนาม “ชูชาติ” จากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ ท่านมีน้องชายหญิงร่วมบิดามารดา 12 คน
หม่อมหลวงชูชาติ กำภู เริ่มการศึกษาในโรงเรียนมัธยมวัดเทพศิรินทร์ เมื่อ พ.ศ. 2457 ศึกษาจบได้รับประกาศนียบัตรชั้นมัธยมบริบูรณ์ เมื่อมีอายุได้ 17 ปี และสอบชิงทุนได้รับทุนเล่าเรียนหลวงให้ไปศึกษาต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ได้เข้าศึกษาที่ St. Peter’s School, York, England เมื่อ พ.ศ. 2466 เป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยที่ City and Guild’s Engineering College, London University เมื่อ พ.ศ. 2468 ศึกษาอยู่ 5 ปี สำเร็จการศึกษาขั้นปริญญาโททางวิศวกรรมโยธา ได้รับประกาศนียบัตรและปริญญาบัตร A.C.G.I., B.Sc. ทางวิศวกรรมโยธา A.D.I.C. (Advanced Diploma of Imperial College) และปริญญาโท M.Sc. ทางคอนกรีตและไฮโดรลิกส์ ใน พ.ศ. 2472 ได้เข้าฝึกงานด้านวิศวกรรมโยธา ในกรมโยธาธิการของอังกฤษ 1 ปี กลับประเทศไทย เข้ารับราชการในกรมชลประทาน เมื่อ พ.ศ. 2473
หม่อมหลวงชูชาติ กำภู บรรจุเข้ารับราชการในกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2473 จนเกษียณอายุราชการ รวมเวลารับราชการ 36 ปี และเข้ารับราชการในกรมชลประทานเพียง 18 ปี ก็ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทาน เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2492 และได้ดำรงตำแหน่งนี้ต่อมาอีกเป็นเวลานานถึง 18 ปี
ผลงานทางด้านวิชาการของท่าน ท่านได้เขียนตำราว่าด้วยน้ำฝน น้ำท่าของประเทศไทยไว้เป็นคู่มือที่ใช้ในงาน กับเป็นการเผยแพร่ความรู้ในเรื่องน้ำ สืบมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้ และผลงานการค้นคว้าปรากฏการณ์ ของน้ำฝน น้ำท่า ได้เขียนเป็นวิทยานิพนธ์ นำเสนอราชบัณฑิตยสถาน เป็นผลให้หม่อมหลวง ชูชาติ กำภู ได้รับแต่งตั้งให้เป็นราชบัณฑิตในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2485
ผลงานที่ดีเด่นทางด้านอื่น เนื่องจากผลงานของกรมชลประทานภายใต้การนำของ หม่อมหลวงชูชาติ กำภู เป็นที่ประจักษ์และได้รับความไว้วางใจจากทุกรัฐบาลตลอดมา ดังนั้น นอกจากงานในหน้าที่ของกรมชลประทานโดยตรงแล้ว รัฐบาลยังมอบหมายให้ หม่อมหลวงชูชาติ กำภู จัดตั้งเหมืองลิกไนท์ ขององค์การลิกไนท์ ก่อตั้งบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด โรงไฟฟ้าที่บางกรวย โรงไฟฟ้าลิกไนท์ที่กระบี่ ก่อตั้งบริษัทปุ๋ยเคมีและโรงงานปุ๋ยเคมีที่แม่เมาะ จังหวัดลำปาง และก่อตั้งบริษัทอุตสาหกรรมเครื่องจักรไทย จำกัด
ผลงานและประสบการณ์ งานในระดับระหว่างประเทศ ท่านเคยดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาธนาคารโลก และเคยดำรงตำแหน่ง เป็นรองประธานองค์การ International Commission on Irrigation and Drainage
ประวัติการทำงานและการดำรงตำแหน่งสำคัญ ๆ ของท่านมีดังนี้
พ.ศ. 2475 ได้รับพระราชทานยศเป็นรองอำมาตย์เอก
พ.ศ. 2475 ดำรงตำแหน่งนายช่างอำนวยการแบบแผนชั้นเซ็กชั่นแนลเอนยิเนียร์
พ.ศ. 2477 ดำรงตำแหน่งนายช่างชลประทานภาคนครนายก
พ.ศ. 2480 เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นเอกและดำรงตำแหน่งนายช่างอำนวยการแบบแผน
พ.ศ. 2490 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นข้าราชการพลเรือนสามัญชั้นพิเศษและดำรงตำแหน่งนายช่างใหญ่กรมชลประทาน
พ.ศ. 2491 ทำหน้าที่รักษาการในตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานอีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ศ. 2492 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิบดี กรมชลประทาน
พ.ศ. 2498 ได้รับเงินเดือนพิเศษ อันดับ 3 ขั้น (เทียบได้กับ ซี 11 ปัจจุบัน) 1,400 บาท ซึ่งเป็นอัตราเงินเดือนขั้นปลัดกระทรวงเป็นกรณีพิเศษสำหรับอธิบดี
พ.ศ. 2499 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี(วันที่ 18 สิงหาคม 2499 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2500) และยังคงเป็นอธิบดีกรมชลประทาน
พ.ศ. 2507 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ (วันที่ 9 กันยายน 2507 จนสิ้นสมัยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2512) และยังคงเป็นอธิบดีกรมชลประทาน
พ.ศ. 2508 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (วันที่ 2 สิงหาคม 2508 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2510) อีกตำแหน่งหนึ่ง
พ.ศ. 2509 พ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมชลประทานด้วยเหตุสูงอายุ แต่ท่านยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติอยู่ต่อไปจนสิ้นสมัย
พ.ศ. 2512 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติอีก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2512 และยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการอยู่จนถึงแก่
อนิจกรรมเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2512