สุนทรภู่ มหาจินตกวีเอก แห่งรัตนโกสินทร์
“เอื้อยนาง”
ถึงม้วยสิ้นดินฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้อยู่ในใต้หล้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดครา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภูมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
แม้เป็นถ้ำอำไพใคร่เป็นหงส์ จะร่อนลงสิงสู่เป็นคู่สอง
ขอติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป...
เสียงเพลงไทยอมตะดังแว่ว เจื้อยแจ้ว ขณะกำลังรีบร้อนแต่งตัวในเช้าวันหนึ่ง หยุดตรึงให้ต้องนิ่งฟังอย่างตั้งใจ
ช่างบังเอิญ เช้าวันนั้นเป็นวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๕๓ ผ่านมาได้ ๒๒๔ ปีพอดี ที่ท่านผู้ประพันธ์บทกวีประทับใจนี้ไว้ ในตอนหนึ่งของนิทานคำกลอนเรื่องพระอภัยมณี เป็นตอนที่พระอภัยมณีออดอ้อนเว้าวอนบอกรักนางละเวง แล้วกลายมาเป็นเพลงหวานอมตะในเวลาต่อมาจน ปัจจุบัน (ท่านเกิด วันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๓๒๙)
ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน พระสุนทรโวหาร(ภู่) กวีเอกของโลกที่ไทยภาคภูมิใจ นักเรียนรุ่นไหน ๆ ที่เรียนภาษาไทยเชื่อว่าต้องได้เคยสัมผัสบทกวีของท่านจากเรื่องใด เรื่องหนึ่ง จากตอนใด ตอนหนึ่งแน่ เพราะตั้งแต่เริ่มทำแบบเรียนภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ ๕ (มูลบทบรรพกิจ) ก็มีการบรรจุเนื้อหาจากเรื่อง พระไชยสุริยา ที่ท่านสุนทรภู่แต่งไว้ด้วยฉันทลักษณ์ประเภทกาพย์ชนิดต่าง ๆ เช่น
กาพย์ยานี ๑๑ กาพย์ฉบัง ๑๖ กาพสุรางคนางค์ ๒๘ ไว้ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ทั้งด้านฉันทลักษณ์ มาตราตัวสะกด คติสอนใจ
พระไชยสุริยา ท่านผู้ประพันธุ์ได้ผูกเรื่องเป็นนิทานจินตนาการที่ท่านถนัด อ่านสนุก ยังได้เรียนตามมาตราตัวสะกด เรียงลำดับจากง่ายไปหายาก
อย่างเช่น ในบทแม่ กง ที่ให้ทั้งความไพเราะ และมโนภาพ
เห็นกวางย่างเยื้องชำเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ
พระแสงสำอางข้างเคียง
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง
สำเนียงน่าฟังวังเวง
กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
ซอเจ้งจำเรียงเวียงวัง
ยูงทองร้องกระโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง
แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง คางแข็งแรงเริง
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
............
พระสุนทรโวหาร มีนามเดิมว่า ภู่ คนทั่วไปจึงเรียกว่า สุนทรภู่ เกิดหลังจากตั้งกรุงรัตนโกสินทร์ได้ ๔ ปี ในช่วงรัชกาลที่ ๑ บิดาเป็นชาวบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัด
ระยองในปัจจุบัน บิดามารดาแยกกันตั้งแต่ท่านยังเด็ก และบิดาก็กลับไปบวชอยู่ที่ภูมิลำเนาเดิมของท่าน ส่วนมารดาเป็นพระนมของพระธิดาในกรมพระราชวังหลัง สุนทรภู่จึงเติบโตในวังหลัง และเรียนหนังสือที่สำนักวัดชีปะขาว เป็นมหาดเล็กในวังเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย(รัชกาลที่ ๒)ขึ้นครองราชย์ ท่านได้รับราชการและได้ตำแหน่งเป็น ขุนสุนทรโวหาร
ชีวิตของสุนทรภู่มีขึ้นมีลงเช่นเดียวกับปุถุชนทั่วไป มีสุข มีทุกข์ เคยติดคุก เคยไปบวช เคยจากพรากระหกระเหิน แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ท่านมีผลงานไว้เป็นมรดกตกทอดให้ชาติเป็นงานประพันธ์มากมาย เชื่อกันว่างานของท่านที่สูญหายไปกับกาลเวลาและยุคสมัยซึ่งการพิมพ์การเผยแพร่ยังไม่เจริญอย่างทุกวันนี้ กระนั้นยังมีผลงานที่มีผู้คัดลอกกันไว้อ่าน ไว้เรียน จนมีการพิมพ์เผยแพร่จำหน่าย เป็นตำราเรียน เป็นหนังสือบันเทิงในปัจจุบันหลายเรื่อง และหลายเรื่องมีการ ดัดแปลง ทำเป็นหนังสือการ์ตูน บทเพลง บทละคร บทภาพยนตร์โด่งดัง เช่น สิงหไกรภพ พระอภัยมณี ที่เป็นเรื่องดีเยี่ยมทั้งในบทประพันธ์ลีลากลอน บทสอนใจ และการผูกเรื่องให้สนุกน่าติดตาม พราวเพริศด้วยจินตนาการล้ำยุค แทรกความรู้ ความคิด ให้อารมณ์ผสมผสานจนผู้อ่านผู้ฟังวางไม่ลง
บั้นปลายชีวิตท่านได้เป็นที่พระสุนทรโวหาร ในช่วงรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และถึงแก่อนิจกรรมปี พ.ศ. ๒๓๙๘ ในอายุ ๖๙ ปี ฝากแต่ผลงานที่ยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยต่อเนื่องไม่ขาดสาย ต่อมามีการก่อสร้างอนุสาวรีย์สุนทรภู่ไว้ที่ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง และมีที่อื่น ๆ เช่น ที่วัดศรีสุดราม กรุงเทพ ฯ
ที่จังหวัดเพชรบุรี ที่จังหวัดนครปฐม เป็นต้น
ปีพ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบชาตกาลสุนทรภู่ ท่านได้รับยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกด้านวรรณกรรม
วันที่ ๒๖ มิถุนายน ของทุกปี ถือเป็นวันสุนทรภู่ เป็นวันสำคัญทางด้านวรรณกรรมของไทย สถานศึกษาทั่วไป และที่อนุสรณ์สถานของท่านจะมีการจัดงานวันสุนทรภู่ จัดกิจกรรมหลายอย่าง ส่งเสริมศิลปะการประพันธ์ของเด็กไทย และรำลึกถึงท่านสุนทรภู่ครูกวีไทยเสมอมา
๐๐๐๐๐