ลอยอังคาร
โดย อึ้งเข่งสุง เรื่อง-ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์
เมื่อเตี่ยผมสิ้นลม ผมได้แต่นึกว่า ผมจะจัดงานศพให้กับพ่อแบบธรรมเนียมจีน หรือธรรมเนียมไทย ผมลังเลไม่ได้นานเพราะว่าแม่และพี่สาวคนโตของผม ตัดสินใจแทนทุกคนได้อย่างเหมาะสม ผมพยายามแย้งด้วยว่าผมเป็นลูกชายคนโต หากยึดธรรมเนียมจีน ผมต้องเป็นคนตัดสินใจ แต่แม่ผมน่ะลูกเจ๊กครึ่งไทยครึ่งจึงตัดสินใจตามประสาจอมเผด็จการ
"สวด 5 วัน เผาวันที่ 5 วันที่ 6 เช้าเก็บกระดูก กลับบ้าน แล้วรอ 100 วันนำอังคารไปลอยลงทะเล จะได้เลี่ยงเลี้ยง(อยู่เย็นเป็นสุข)"
"แต่แม่ เตี่ยสั่งผมไว้หลายครั้งก่อนตายนะว่า สวด 3 วัน เผาแล้วไม่ต้องเก็บกระดูก แต่ให้เอาไปทิ้งใต้ต้นโพธิ์ เป็นปุ๋ย เก็บกระดูกมาไว้บ้านก็ลูกหลานกลัวเปล่าๆ"
"ยังมีอีกนะแม่ เตี่ยบอกว่าอย่าเอาเขาไปไว้ในฮ้วงซุ้ย เขาบอกว่า ถ้าพวกมึงยังอยู่ก็จะมีพวกมึงไปกราบไหว้ แต่ถ้าพวกมึงตายไปแล้ว ลูกๆหลานก็จะปล่อยให้หญ้ารก หมาขี้รดกูเปล่าๆ แล้วยังต้องไปทำเช็งเม้งทุกปี ยุ่ง วุ่นวาย ไม่จบไม่สิ้น" ผมพูดต่อแต่สายตาที่แม่กับพี่สาวคนโตมองมาทำให้ผมต้องหยุดอธิบายความ
"กูยังไม่ตาย กูจะทำให้เตี่ยมึงดีที่สุด เตี่ยมึงมันบ้า" แม่ตวาดเสียงดัง
"คนเขาจะได้ว่าเอาซีว่ากูทำกับเตี่ยมึงไม่ดี กูทนไม่ได้" แม่หยุดพูดแล้วหอบหายใจแรง ถี่ๆ พี่สาวคนโตตาขวาง ผมนิ่งซะดีกว่า
"ครับ" แต่ผมนึกในใจ เตี่ยผมเป็นคนคงแก่เรียนย่อมคิดไกล
"กูตายไปแล้วพวกมึงก็เลิกไหว้ตรุษจีน ศาสจีนเถอะ รับราชการกันทั้งนั้น ยุ่งตายห่า"
แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่แม่สั่ง หลังเผาศพเตี่ย ก็เก็บกระดูกเข้าบ้าน โกฏิเสียโก้ มีถุงอังคารห่อผ้าขาววางไว้ใกล้ๆ จนครบ 100 วัน ทำบุญแล้วก็ออกเดินทางไปยังจังหวัดชายทะเล เถียงกันอยู่พักหนึ่งว่าจะไปที่ไหนดี แต่ต้องเป็นทะเล
น้องชายนายอำเภอบ้านกรวดบอกว่า
"ไประยองแล้วกัน จะได้แวะเยี่ยมญาติๆที่ระยองด้วย"
ทุกคนเห็นดีเห็นงามด้วย ญาติๆที่ระยองจองที่พักค้างคืนให้กับคนจำนวน 23 คน พร้อมเรือขนาดบรรทุก 25 คน เพื่อออกไปลอยอังคาร
เรือประมงดัดแปลงเป็นเรือท่องเที่ยวขนาด 25 ที่นั่งลำเขื่อง ลอยลำไปกลางทะเลด้วยสีสันสดใส และสวยงาม แม่อุ้มห่อผ้าขาวที่ห่ออังคารของเตี่ยแน่น น้ำตาคลอเบ้า พี่สาวคนโตน้ำตาไหลพราก พี่สาวคนรองคุยกับเด็กๆและสะไภ้ทั้งหลาย พี่เขยคนโตเจ้าพิธีการคอยแนะนำให้แม่ปฏิบัติ เด็กๆสนุกกับการได้นั่งเรือท่องทะเล
"แม่จุดธูปไหว้ 3 ดอก ทุกคนมาไหว้เสียก่อน" พี่เขยสั่งการ
"แม่ ลอยอังคารได้แล้ว" พี่เขยคนโตพูดค่อยๆ แม่เดินไปริมกาบเรือแล้วเปิดห่อผ้า น้ำตาร่วงพราว ทุกคนร้องไห้ตามไปด้วย แม่เทห่ออังคารลงทะเล แล้วสั่งลา
"กลับไปเมืองจีนบ้านลื้อเลยนะ ไปอยู่ให้เย็นกายเย็นใจ ลูกหลานอยู่ทางนี้อยู่ดีมีโชคกันทุกคน ไม่ต้องห่วง"
แม่พร่ำพรรณนาจนจบความในใจ พี่เขยคนรองจุดประทัดที่เตรียมมาส่งวิญญาณเตี่ยเสียงดังสนั่นเลื่อนลั่นไปทั้งท้องทะเล ควันขาวบดบังเรือจนแทบมองไม่เห็น
"เตี่ยครับ ผมท้วงแล้วให้สวด 3 วันแล้วเผา ไม่ต้องเก็บกระดูกเข้าบ้าน ลูกหลานจะกลัว และไม่สามารถปฏิบัติตามที่เตี่ยสั่งได้ อโหสิกรรมให้ผมด้วยครับ"
เรือแล่นกลับเข้าฝั่ง ทุกคนกลับขึ้นบกแล้วเดินทางไปเข้าที่พักแรม ญาติๆรออยู่หลายคน ค่ำคืนนั้นการสังสรรค์ระหว่างเครือญาติสนิทก็ทำให้เกิดความประทับจิต ประทับใจ ได้อย่างเหลือหลาย จนทุกวันนี้ ผมยังไม่แน่ใจนักว่า เตี่ยจะอยู่เย็นเป็นสุขอยู่ในทะเลหรือกลับไปเมืองจีนแล้ว แต่ที่รู้แน่นอน พ่อสอนไว้ บางครั้งก็ปฏิบัติไม่ได้ ด้วยมีอำนาจเหนืออำนาจสั่งการแทน
"ตายไปจะไปหาเตี่ยได้ไหมนี่"