นกกะรางหัวขวาน หนึ่งเดียวของวงศ์
ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
กว่าจะถ่ายรูปเจ้านกกะรางหัวขวานได้ ผมใช้เวลาหลายเดือนในการย่องๆ ซุ่มๆ ดุ่มเดิน ในช่วงเย็นย่ำสนธยา ราวๆ 16.45-18.10 น แน่นอนอยู่แล้ว ผมเดินอยู่ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นครปฐมครับ จุดที่ผมเดินมองหาเจ้านกกะรางหัวขวานอยู่ระหว่างปากทางเข้าสถาบันวิจัยและพัฒนาสุวรรณวาจกกสิกิจ ฝั่งซ้ายมือเป็นทุ่งนาและคอกวัวขุน ส่วนฟากขวามือเป็นอาคารสถาบันหลายหลัง หมายเป็ดแดงและหมายนกหลายชนิดก็แถวๆนี้
นกกะรางหัวขวาน
เย็นวันหนึ่งผมเดินเข้าไปช้าๆ คล้องคอด้วยกล้องดิจิตอลยี่ห้อ PENTAX ขนาดกำลังซูม 24 เท่า รุ่นล่าสุด น้ำหนักเบาและซูมได้ลึกดี พลันสายตาผมเหลือบไปเห็นเจ้านกกะรางหัวขวานสีน้ำตาลลายขาว สีสันแปลกตา ลวดลายแพรวพราวไปทั้งตัว ที่สำคัญเห็นหงอนบนหัวแล้วมั่นใจได้เลยว่าเป็นเจ้ากะรางหัวขวานแน่นอน
มันเป็นนกขนาดกลางที่ยาวจากปลายปากถึงปลายหางราวๆ 30 ซม. หน้าท้องสีน้ำตาลอมแดง ลำตัวมีขนสีน้ำตาลสลับสีขาว เป็นทางเฉลียงๆลงใต้ปีก ปลายหางสีดำ ปลายหงอนสีดำ ถ้าตกใจหรือขณะกำลังบินจะคลี่หงอนออกเป็นรูปพัด ปากสีดำยาวแหลม โค้งงอลงนิดๆ ใช้จิกหนอน แมลง ใส้เดือน ฯลฯ มักพบทั่วไปในเขตร้อน เขตอบอุ่น และเขตหนาว แต่เชื่อไหมว่า เจ้านกกะรางหัวขวานชนิดนี้เป็นเพียงชนิดเดียวของวงศ์ UPUPIDAE และไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติอะไรกับเจ้านกหัวขวานประเภท Woodpecker แม้แต่น้อยเลย
นกกะรางหัวขวานชื่อสามัญว่า Common Hoopoe ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Upupa epops นั่นก็เพราะว่าเสียงร้องต่ำๆของเขาว่า ฮูปู ฮูปู ในประเทศไทยพบทั่วไปตั้งแต่ที่ราบเกษตรกรรม ป่าโปร่ง ป่าเบญจพรรณ จนถึงป่าสูง 1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง เป็นทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ เวลาเดินจะส่ายไปส่ายมาน่ารักมาก แต่แทบไม่น่าเชื่อว่าเจ้านกแสนสวยตัวนี้ไม่ชอบอาบน้ำ กลับชอบอาบทรายหรือฝุ่นร้อนๆแทน และทำรังตามซอกหลืบแคบๆ
นกกะรางหัวขวาน
เวลาฟักไข่ 4-6 ฟอง ไข่สีฟ้าซีดๆ ตัวเมียทำหน้าที่ฟัก ตัวผู้หาอาหารมาป้อนให้กิน ในรังสกปรกมากๆด้วยขี้ของมันเอง ในขณะเดียวกับที่เวลาเขาอยากไล่ศัตรู เขาจะใช้วิธีขี้ใส่เพื่อให้เกิดการรังเกียจ ดูๆไปเจ้านกกะรางหัวขวานตัวนี้คล้ายอินเดียนแดงแต่งองค์ทรงเครื่องเหมือนกัน เห็นแล้วนึกรักเลย ด้วยว่าลีลาท่าเดินและท่าทางขณะแผ่หงอนดูสวยมากๆ
ผมต้องใช้เวลาเย็นๆหลายเดือนทีเดียวกว่าจะได้โอกาสเหมาะๆ ในการถ่ายรูปเขามาได้ บางทีพบเพียงตัวเดียว พอเงื้อกล้องจะถ่ายก็บินหนีไปเสียแล้ว แต่เย็นวันวานนี้ 17 กย.53 ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น เจ้านกกะรางหัวขวานผัวเมียซึ่งมีขนาดและสีสันคล้ายกันจนแยกไม่ออก เดินอยู่สนามหญ้าฝั่งขวาเข้าไปสถาบันวิจัยและพัฒนาสุวรรณวาจกกสิกิจ แอ๊คท่าให้ผมถ่ายรูปอยู่นานพอดู แถมยังบินไปจับบนต้นตะแบกนาใกล้ๆให้ได้บรรยากาศมากขึ้นไปอีกด้วย
บ่อยครั้ง ผมต้องเดินออกกำลังกายให้แข็งแรงไว้ เพราะว่ายังไม่อยากจะตายเล้ย อยากอยู่สัก 120 ปี ด้วยว่ายังมีโปรเจคอีกมากมายเหลือคณานับที่ยังไม่บรรลุเป้าหมาย เจ้านกในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน นี่แหละที่ช่วยให้ผมได้เดินออกกำลังทุกเย็นๆ เว้นแต่เช้าไหนตื่นไหว ก็ไปเดินเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง และก็เคยได้รูปนกแปลกแตกต่างกว่าตอนเย็นๆ เพียงแต่ที่ยังไม่นำมาเสนอก็เพราะว่ายังไม่ได้รูปสวยงามพอที่จะอวดซี
ให้โอกาสลุงแก่ๆ ได้พยายามถ่ายรูปให้ได้สวยๆก่อนนะ แล้วจะนำมาเล่าให้อ่านกันนะจ้ะ
อ้อ..นกกะรางหัวขวาน อยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ด้วยนะครับ ใครเผลอไปยิงมันเข้าละก้อ มีความผิดตามกฎหมาย ระวัง!!