ดอนเจดีย์ พนมทวน: ความจริงวันนี้ที่ปรากฎ
โดยป่าน ศรนาราย์ เรื่อง-ภาพ ธงชัย เปาอินทร์
นับเนื่องจากสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพวินิจฉัยว่า ซากเจดีย์เก่าที่ตำบลหนองสาหร่าย เป็นสถานที่ที่พระนเรศวรทรงกระทำการยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราช กรมศิลปากรก็ได้สร้างพระบรมราชานุสรณ์ดอนเจดีย์ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่อลังการ ชาวไทยรับรู้กันเช่นนั้นมานานหลายทศวรรษ วันนี้ได้เกิดข้อโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ว่า พบซากเจดีย์โบราณ กระดูกช้าง กระพรวนช้าง ฯลฯ มากมายหลายอย่าง ณ บ้านดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี และไม่ไกลบ้านหนองสาหร่ายเช่นกัน ความจริงวันนี้ พระนเรศวรทรงชนช้างกับพระมหาอุปราชที่ไหนกันแน่หรือ?
วันนี้เกิดการเสนอแนวคิดและหลักฐานทางโบราณคดี จนเชื่อกันว่า ซากเจดีย์ที่บ้านดอนเจดีย์ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เป็นสถานที่รบกันจริง มีการขุดค้นทางโบราณคดี แล้วสร้างอนุสรณ์สถานขึ้นมาอีกแห่งหนึ่งอย่างยิ่งใหญ่อลังการ มีซากเจดีย์เก่าแก่อวดต่อสายตาผู้ที่เข้าไปชม มีห้องนิทรรศการบรรยายเรื่องราวเส้นทางการเดินทัพทั้งของพระมหาอุปราชและสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ฟังบรรยายดังคล้ายกับว่า ผู้บรรยายท่านนี้ก็อยู่สู้รบด้วยเชียว
ว่ากันตามพงศาวดาร พม่ายกทัพเข้ามาทางด่านเจดีย์สามองค์ เมื่อลงมาถึงบ้านวังกะ(สังขละบุรี)จะเลาะเลียบฝั่งขวาของลำแควน้อย ซึ่งอยู่ห่างจากภูเขามีที่ราบเดินทัพได้ง่าย และจะข้ามแม่น้ำแควน้อยที่ผาอ้น มาทางฝั่งซ้าย เพื่อลงมายึดเมืองไทรโยค จากนั้นจะเดินทัพผ่านเมืองท่าตะกั่ว(ปัจจุบันเป็นตำบลท่าเสา ที่ตั้งสถานีรถไฟน้ำตก) จากนั้นลงมาถึงบ้านพุไคร้ ปากทางเข้าช่องทัพศิลา แล้วรวมพลเดินทัพจากด้านแม่น้ำแควน้อย เข้าทางช่องทัพศิลาตัดเข้าสู่แควใหญ่ มาข้ามแควใหญ่ที่บ้านท่าด่าน ลงมาตีเมืองท่าเสา(เมืองเก่ากาญจนบุรี ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านอยู่ในเขตเทสบาลลาดหญ้า อำเภอเมือง)
จากท่าเสาเดินทัพออกจากลำแควใหญ่มาที่บ้านหนองขาว มาข้ามแม่น้ำทวนแล้วมายั้งทัพที่ตระพังตรุริมแม่น้ำทวน ในขณะที่ทางฝ่ายไทย สมเด็จพระนเรศวรฯทรงเดินทัพออกจากกรุงศรีอยุธยา มารวมพลที่ป่าโมก แล้วเดินทัพผ่านบ้านละแก้วละเลา(ปัจจุบันคือตำบลหลักแก้ว อำเภอวิเศษชัยชาญ) ออกจากหลักแก้วเดินทัพไปที่สุพรรณบุรี รวมพลข้ามลำน้ำสุพรรณ ผ่านบริเวณที่ลุ่มจระเข้สามพัน ลงมาที่หนองสาหร่าย ที่ตั้งทัพหน้า รวมเวลาเดินทัพ 6 วัน
รุ่งขึ้น จึงเกิดยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชที่ตระพังตรุ วันแรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ซึ่งตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2135
ที่ดอนเจดีย์ใหม่นี้ ก็มีหลักฐานทางโบราณคดีที่น่าเชื่อถือได้ว่า เป็นสถานที่รบพุ่งกันจริง ด้วยว่ามีการค้นพบเจดีย์ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุคกรุงศรีอยุธยา และมีการขุดค้นพบซากกรามช้าง กระดูกม้า อาวุธยุทโธปกรณ์ ชื่อหมู่บ้านก็เป็นชื่อดั้งเดิมมีมาตั้งแต่อดีตกาล มิได้มีการเปลี่ยนแปลงชื่อให้เข้ากับเหตุการณ์ ส่วนที่สุพรรณมีการตั้งชื่อเจดีย์ที่พบซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมยุตทวารวดีให้เป็นเจดีย์ยุทธหัตถี และยกฐานะหมู่บ้านดอนท่าพระที่พบเจดีย์ขึ้นเป็นอำเภอดอนเจดีย์ ซึ่ง ณ บริเวณนี้ไม่มีการขุดค้นพบสิ่งที่เป็นหลักฐานที่เกี่ยวกับการสงคราม
การเดินทางไปชมอนุสรณ์สถานยุทธหัตถีใหม่ครั้งนี้ ให้ขับรถยนต์จากกรุงเทพ-อ.ลาดหลุมแก้ว, ปทุมธานี - อ.บางเลน - อ.กำแพงแสน - อ.พนมทวน-บ้านดอนเจดีย์ ระยะทางประมาณ 100 กม.เศษ ถนนหนทางสะดวก ภายในอนุสรณ์สถานแห่งนี้มีไก่ชนเหลืองหางขาวบูชาสมเด็จพระนเรศวรมากมายเช่นเดียวกับศาลสมเด็จพระนเรศวรที่อื่นๆ เช่นที่ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี พระราชวังจันทร์ จ.พิษณุโลก
แม้แต่ที่ภูเขาทอง จ.อยุธยา ก็ถูกเสนอว่าเป็นจุดที่เกิดการชนช้าง เช่นกัน ส่วนพงศาวดารพม่ากลับเขียนว่า พระมหาอุปราชต้องพระแสงปืนสิ้นชีพ ไม่มีการกล่าวถึงการยุทธหัตถีแต่อย่างใด การตรวจสอบยังชี้ชัดไม่ได้ว่า ความจริงวันนี้คืออะไรกันแน่ แต่สำหรับคนไทยแล้วเชื่อมั่นกันตลอดมาว่า พระนเรศวรมหาราชทรงกอบกู้กรุงศรีอยุธยาให้ฟื้นคืนมาเป็นประเทศเอกราชดังเดิม เรื่องนี้ ยังไม่จบสิ้นกบิลเมือง คงต้องรอพิสูจน์กันต่อไป
หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ทรงสร้างหนังก็สร้างไป ความจริงกำลังถูกตรวจสอบก็สอบกันต่อไป ได้ความจริงเมื่อไร ประวัติศาสตร์ชาติอาจเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อย ความจริงย่อมปรากฎเข้าสักวันหนึ่ง วันนี้ ได้ความจริงเพียงเท่านี้ วันหน้าอาจได้ทั้งหมดจนเกินคาดก็เป็นได้ ใครจะรู้ ไม่มีอะไรที่จะแก่เกินเรียน แม้ว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนีจะอายุเกิน 60 กันไปแล้วก็ตาม จะรอดูอยู่นะ
ปล. ผมได้รับจดหมายจาก นายแพทย์พยงค์ เวสสบุตร เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ.2558 ขอให้แก้ไขข้อความที่ถูกต้องเพื่อเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์แก่เว็บไซต์ทองไทยแลนด์ดอทคอม ผมขอกราบขอบพระคุณคุณหมออย่างสูงที่กรุณาติดตามไว้ ณ ที่นี้ พร้อมกันนี้ท่านได้กรุณาส่งเอกสารทางวิชาการที่ท่านและพวกค้นคว้ากันมายาวนานด้วยความสนใจส่วนตัวของท่านเอง