Do & Don’t ตอน รอยจารึก
โดย ธงชัย เปาอินทร์
ถ้าจะกล่าวว่า ธรรมชาติของมนุษย์ เยี่ยมที่สุดคือไม่ทำบางอย่าง แย่ที่สุดคือทำบางอย่าง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายและลบเลือนได้ยาก แต่เมื่อทำไปแล้วไม่คิดมากนัก ก็เก๋อยู่เหมือนกัน ถ้าคิดมากก็ปากเปียกปากแฉะ ติติงกันแล้วติติงกันอีก ดูเรื่องที่มีภาพประกอบเถอะครับ ไปเที่ยวถ้ำน้ำตกพบเห็นได้บ่อย เป็นวัฒนธรรมเสื่อมอีกกระแสหนึ่ง จึงอยากบันทึกไว้ให้ได้หยุดคิดสักนิดก่อนคิดจะทำ
น้ำตกไทรโยคน้อย อุทยานแห่งชาติน้ำตกไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุด จึงได้รับความนิยมมากที่สุดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มที่เรียกว่า ฉิ่งฉาบทัวร์ จนถึงชนชั้นกลางที่ขับรถยนต์ไปกันทั้งครอบครัว ระยะทางจากกรุงเทพไม่ไกลนัก ไม่เสียค่าใช้จ่ายตามระเบียบการเข้าไปท่องเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่มายืนอำนวยการอยู่ 2-3 คนทุกวัน เกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ จะได้คว้าได้ทันกับเหตุการณ์
น้ำตกไทรโยคน้อยจะมีน้ำไหลเชี่ยวในฤดูฝน และไหลอ่อยๆ ในฤดูแล้งอันยาวนาน แต่ข้อดีของน้ำตกแห่งนี้ก็คือ หน้าผาที่น้ำตกตกใส่เป็นหินปูน พื้นหินปูนหน้าน้ำตกจึงเดินเล่นได้ไม่ลื่นไหลไถลจนเจ็บตัว เด็กๆ ชอบมาก นั่งแช่นอนแช่กันทุกมุม ปีนป่ายก็ปลอดภัย กระโดดลงแอ่งน้ำก็สนุกสนานกันนักเชียว ขอบแอ่งน้ำหน้าน้ำตก มีม้านั่งยาวเหยียดให้พ่อแม่นั่งรอและเฝ้าระวัง
ใต้น้ำตกลงไป มีร้านอาหารประเภทไก่ย่างส้มตำหลายร้าน สั่งมานั่งล้อมวงกินกันสบายใจเฉิบ ปล่อยห้วงเวลาหฤหรรษ์ให้กับจอมทโมนทั้งหลาย แถมยังมีเบียร์เย็นเจี๊ยบ สุราโซดาน้ำแข็งพร้อม การท่องเที่ยวเป็นครอบครัวจึงสมบูรณ์ด้วยความผูกพัน เด็กๆสนุก พ่อแม่เพลิดเพลินเจริญใจ ขากลับบ้าน เดินข้ามไปที่จอดรถยนต์ก็มีร้านขายของที่ระลึกให้เลือกซื้อได้หลายร้าน
ปัญหาจึงไม่ได้เกิดจากนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวสุขสรรค์ แต่ก็อาจจะเกิดจากกลุ่มหนุ่มสาวที่มากลุ่มใหญ่ๆ บนรถที่มีสีสันฉูดฉาดบาดตา และเสียงดั่งกระหึ่มด้วยเสียงเพลงเร่าร้อน รุนแรง เหลงมาทีละหลายสิบคนนั้น ส่วนใหญ่เมามาแล้ว กลุ่มนี้แหละครับที่มีความคิดบรรเจิดเพริดแพร้วไม่น้อย เนื่องเพราะกำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ และคึกคะนองที่สุด
หรือว่า จะเป็นกลุ่มหนุ่มสาวเร่าร้อนรักแอบมาหาสถานที่ที่จะบันทึกรักลงในไฟล์ชีวิตของเขา “แต๋วจ๋า ชาติรักแต๋ว” เอื้องรักชายคนเดียว” “สมยกใจและกายให้ตุ่นแล้วนะจ๊ะ” มีแม้กระทั่ง “เจ็บนี้อีกนาน....กุ้ง” “ณีไม่น่าทำพี่เลย ตุ๋ย” “สิบรักปิ๊กอัพไม่เท่ารักสิบล้อ” “หัวใจอ๋อมีสี่ห้อง สี่ชายใช่ไหม!” “เธอไม่รักทำไมไม่บอก นิด”
รอยจารึกบนผิวไผ่ เพิงผา แผ่นหิน และเปลือกต้นไม้ ในเขตอุทยานแห่งชาติทั่วไป ไม่น่าจะมีและไม่น่ารักเอาเสียเลยนะจะบอกให้ บนความเป็นจริง ถ้าเขาและเธอเหล่านั้นได้กลับไปท่องเที่ยว ณ ที่แห่งนั้นอีกครั้งเมื่อเวลาผ่านเลยไป แล้วได้เห็นสิ่งที่ได้ทำไปเมื่อยังเยาว์วัย เขาจะคิดอย่างไร เขาจะรู้สึกอย่างไร อยากรู้จริงๆ เชียว
Do & Don’t ตอน “สี” อุทยานแห่งชาติสากล
โดยธงชัย เปาอินทร์
วันหนึ่ง เพื่อนสื่อมวลชนคนหนึ่ง ชวนไปท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง จังหวัดระยอง แม้อยากจะบอกว่าเคยไปมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยากจะปฏิเสธ ด้วยความรู้สึกนึกรักในน้ำใจเพื่อนคนนี้ เที่ยวกับเพื่อนที่รู้ใจ สนุก และอยากจะเห็นด้วยว่า จากวันวารที่ผ่านเลยมายาวนานนั้น วันนี้ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างหรือไม่ ? ใช่ครับ ไปเพราะว่ากลุ่มเพื่อนที่แสนดีและหัวใจที่ใฝ่รู้ เวลาเปลี่ยน สรรพสิ่งน่าจะเปลี่ยน ?
วันเดินทางมาถึง ตื่นเต้นที่ได้เดินทาง จะได้พบเพื่อนหน้าเก่าที่รู้ใจ จะได้ฟังเสียงหัวเราะสดใสจากนิทานขำขัน จากกันนานมีเรื่อง “โขก” กันสนุกแน่ๆ ปัจจัยเหล่านั้นเหมือนเป็นนาฬิกาบอกเวลาให้รีบออกเดินทางไปยังจุดนัดพบ เมื่อรวมตัวกันพร้อม ล้อรถ 7 ที่นั่งก็หมุนจี๋ ระยะทางไม่ไกลเลยบนถนนสาย สุขุมวิท-จันทบุรี พอถึงหลัก 274 กม. บ้านเขาดิน ก็เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีก 18 กม. ถึงอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวงดังใจหมาย
เมฆฝนครึ้มตามปกติของเมืองระยอง แต่บริเวณโดยรอบลานจอดรถและที่ทำการอุทยานแห่งชาติสะอาดเอี่ยม สนามหญ้าตัดเตียน ต้นไม้ที่ปลูกประดับเป็นไม้ในถิ่นกำเนิดจำพวก ตะแบกนา อินทนิลน้ำ พญาสัตตบรรณ ฯลฯ บ้านพักซ่อนตัวอยู่ริมชายป่าดงดิบเป็นกลุ่มๆ ทาสีกลมกลืนกับ”สี” ในหลักการจัดการอุทยานแห่งชาติสากล รูปทรงบ้านน่าพักและนอน ดูเรียบง่าย จอดรถยนต์ได้สะดวก ร้านอาหารระดับท้องถิ่น ง่ายๆ ประเภท “ไก่ย่างส้มตำและอาหารตามสั่ง” ราคาน่าจะกันเอง ๆ
อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง เป็นอุทยานแห่งชาติที่ประกาศเมื่อ พ.ศ.2518 ลำดับที่ 12 ของประเทศ มีพื้นที่เป็นป่าดงดิบชื้น 52,300 ไร่ มีทรัพยากรท่องเที่ยวไม่โดดเด่นนักเช่นน้ำตกระดับ 7 ชั้น ปลาพลวงน่ารัก แต่เป็นป่าขุนต้นน้ำของลุ่มน้ำประแสร์ ที่มีศักยภาพไม่น้อยจึงทำให้ ปริมาณน้ำหล่อเลี้ยงเกษตรกรที่ทำไร่มันสำปะหลัง สวนเงาะ ทุเรียน และอุปโภคบริโภค ได้พอเพียงในบางฤดู แต่ขาดแคลนจนแม่น้ำแทบแห้งขอดอีกบางฤดู
บ้านพักริมป่าให้บรรยากาศของการนอนป่าได้ไม่น้อย เสียงหริ่งหรีดเรไรไม่เหงาหู พื้นที่นันทนาการกลางแจ้งกว้างขวาง สามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้วันหนึ่งๆ กว่า 1,000 คน นักท่องเที่ยวประเภท “ฉิ่งฉาบทัวร์” มักเข้าไปเล่นน้ำตก กินอาหารแล้วกลับ ไม่นิยมพักค้างดื่มด่ำกับบรรยากาศ แต่นักท่องเที่ยวที่นิยมไพรกว้างทางรก “ชอบที่จะกางเต้นท์นอน หรือไม่ก็นอนบ้านพัก” เยี่ยมเลยสำหรับกลุ่มครอบครัวสุขสรรค์หรรษา
สิ่งที่เห็นวันวารที่เต็มไปด้วยต้นไม้ประดับ “ต่างถิ่นกำเนิด(Exotic species)” และ“สี” สารพัดสีแต่งแต้มที่ทำการบ้านพักและป้ายบอกทาง ล้วนเลอะเทอะเปรอะเปื้อน ไร้ซึ่งหลักการจัดการอุทยานแห่งชาติอย่างสิ้นเชิง แต่วันนี้ “สี” และ “ต้นไม้ประดับ” ถูกต้องตามหลักการจัดการอุทยานแห่งชาติสากลเป๊ะ สีน้ำตาลเป็นพื้น สีทองหรือเหลืองทองหรือขาวเป็นตัวอักษร เยี่ยมๆ ต้นไม้ต่างถิ่นหายไปเกือบเต็มร้อย