ตอนที่ 10 พระราชวังฤดูร้อน
โดย อึ้งเข่งสุง
ไปท่องเที่ยวปักกิ่งแล้วไม่ได้ไปชมพระราชวังฤดูร้อน ก็เหมือนไม่ได้ไปจนถึงที่สุด ทั้งๆ ที่พระราชวังฤดูร้อนนี้แหละที่ชาวจีนไม่ถือว่าเป็นพระราชวัง หากแต่เป็นเพียงหยวนหรืออุทยาน แต่สำหรับพระนางซูสีไทเฮาแล้วทรงโปรดปรานมากถึงกับตั้งชื่อใหม่ว่า อี๋เหอหยวน ชื่อนี้จึงติดปากและกลายเป็นชื่อที่เรียกขานกันมาตราบเท่าทุกวันนี้ พระราชวังฤดูร้อน หรือ Summer Palace กลายเป็นจุดขายหนึ่งในกิจกรรมการท่องเที่ยวนครปักกิ่ง น่าสนใจไหม? หากน่าสนใจกรุณาอ่านต่อนะครับ
พระราชวังฤดูร้อนตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครปักกิ่ง ห่างราวๆ 11 กม. มีรถโดยสารประจำทางสาย 111 จากใจกลางกรุงปักกิ่ง ไปลงรถที่สวนสัตว์ จากนั้นต่อรถโดยสารสาย 332 ไปถึงพระราชวังได้สบายมาก ส่วนนักท่องเที่ยวเช่นพวกเรา ไปกับรถยนต์ของทัวร์สบายกว่าเยอะเลย
“เดิมทีเดียวพื้นที่ตั้งพระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ เป็นแค่ชุมทางน้ำไหลมารวมกันในปริมาณมากกว่าปกติ เพราะพื้นที่เป็นอ่างกระทะ จนถึงสมัยราชวงศ์ซ่ง ค.ศ.1153 ได้มีการตั้งเป็นอุทยานและขุดเป็นทะเลสาป สมัยราชวงศ์หยวน ค.ศ.1279-1368 ก็นิยมพักร้อนที่นี้” คุณโจวหยุดหายใจ
พ ระเจ้าเฉียนหลง บัลลังก์มังกร
“พระราชวังฤดูร้อนได้รับการขยายและพัฒนาอย่างใหญ่หลวงในสมัยราชวงศ์ชิง ช่วงการครองราชย์ของพระเจ้าเฉียนหลงในปี ค.ศ.1736 ด้วยความกตัญญูของพระองค์ที่ทรงสร้างและขุดทะเลสาปให้ยิ่งใหญ่เหมือนทะเลสาปตะวันตกในเมืองหังโจว พระราชทานชื่อว่าทะเลสาปคุนหมิง เพื่อถวายเป็นของขวัญวันเกิดพระมารดา ส่วนดินก็ถมเป็นภูเขาสูงตระหง่านริมทะเลสาบ
“พระเจ้าเฉียนหลงนี่ครองราชย์นาน 60 ปี แล้วสละราชบัลลังก์ ค.ศ. 1795 ทรงเป็นพระราชนัดดาของพระเจ้าคังซี หลังครองราชย์นานแล้วเลื่อนตนเองเป็น ไท่ซ่างอ๋วง ก่อนสวรรคตในปี ค.ศ.1799 อายุ 88 พรรษา ตั้งฉายาตนเองเป็น สือฉวนหล่าวหยิน (ผู้ชนะสิบทิศ) และสร้างผลงานระดับมหาราช เชี่ยวชาญทั้งบู๊และบุ๋น ถือว่ายิ่งใหญ่มาก”
“ยิ่งใหญ่อย่างไรคุณโจว” ผมถาม หลายคนแสดงอาการอยากถามเช่นเดียวกัน
“ตัวอย่างเช่น ผลงานเด่นมากคือการจัดทำตำรา ซื่อคู่ฉวนซู เขียนกันนาน 9 ปี โดยนักปราชญ์ราชบัณฑิต และขุนนางชั้นผู้ใหญ่ 360 คน แยกเป็นคณะอนุกรรมการ 3,800 คน เป็นตำราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนและของโลก เพราะว่ารวบรวมรายละเอียดความเป็นชาติจีนอย่างละเอียดยิบถึง 3,475 เล่ม แบ่งเป็น 7,900 ม้วน(บท) ซึ่งหนังสือเล่มนี้แก้ไขมาจากหนังสือจากทุกราชวงค์ 6,700 เล่ม 93,500 ม้วน กลายเป็นสารานุกรมที่สำคัญที่สุด” ลูกทัวร์เชื่อว่ายิ่งใหญ่จริงตามที่คุณโจวเล่าขาน
ทางเดินชมร่มรื่น
“เอ้า ถึงพระราชวังฤดูร้อนแล้วครับ โปรดลงไปรอผมซื้อตั๋วเข้าชมพระราชวังฤดูร้อนกันตามเคยนะครับ” คุณโจวพูดจบก็หิ้วธงลงนำทางทันที
มันก็น่าสนุกดีนะครับ การไปท่องเที่ยวกับทัวร์ มีอะไรๆ ให้เห็นขบขันได้เรื่อยๆ อย่างไกด์หยั่งงี้ เดินไปๆ ประเดี๋ยวก็หยุดชูธงขึ้นเหนือหัวเสียทีหนึ่ง แล้วก็ต้องไปยืนตากแดดกลางแจ้งเพื่อให้ลูกทัวร์เห็นธง จะได้ตามมาพบกันง่ายๆ ร้อนแดดก็ต้องทน นี่ถ้าคุณโจวทำอาชีพไกด์ไปนานๆ ผมว่าวันหนึ่งแขนข้างซ้ายที่ใช้ชูธงทุกครั้งคงจะโตกว่าข้างขวาแน่นอน
“พระตำหนักเหรินโซ่วเตี้ยน เป็นตำหนักที่พระนางซูสีไทเฮาทรงสร้างขึ้นไว้สำหรับพักในยามชรา ภายในตำหนักเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ งานศิลปะ และม้วนกระดาษขนาดใหญ่ที่มีอักษรคำว่า โซ่ว (อายุยืน) ซึ่งเป็นอักษรที่เป็นลายพระหัตถ์ของพระนางซูสีไทเฮาเขียนด้วยตนเอง น่าเสียดายที่ตำหนักนี้ไม่เปิดในเข้าชม ส่วนภายนอกมีหินไท้หู เตาเผากำยาน 3 ขา และตัวกิเลนที่นำมาจากพระราชวังฤดูร้อนเดิม พระตำหนักแห่งนี้พระนางซูสีไทเฮาทรงโปรดปรานมาก ทรงทะนุบำรุงมากครับ“
ขบวนเดินตามคุณโจวแล้วก็ฟังไปเรื่อยๆ อย่างสนใจ ทางเดินวกวนไปในสวนที่ตบแต่งด้วยต้นไม้สวยงามอย่างมีศิลปะและลงตัวพอดี
“พระตำหนักที่เรากำลังเข้าไปนี้ เป็นตำหนักยวู่ลันถังของจักรพรรดิกวางสู พระนางซูสีทรงจับจักรพรรดิกวางสูขังไว้ภายใน ปี ค.ศ.1898 ขังอยู่ 10 ปี ก็เสด็จสวรรคตเมื่อ ค.ศ.1908 พระชนมายุได้ 37 พรรษา ก่อนที่พระนางซูสีไทเฮาจะเสด็จสวรรคตตามไป 1 วันเท่านั้น"
พิจารณาโดยรอบพระตำหนักเหมือนตำหนักปกติ แต่สังเกตุให้ดีจะเห็นว่า มีการโบกปูนปิดรอบนอกพระตำหนักมิดชิด จักรพรรดิกวางสูเสด็จพระราชดำเนินไปรอบๆได้ แต่ออกข้างนอกไม่ได้ เหมือนกักบริเวณ
“พูดถึงจักรพรรดิกวางสูแล้ว ก็ช่างน่าสงสารมาก พระองค์ทรงประสูติเมื่อ ค.ศ.1871 อายุ 4 พรรษาเท่านั้นก็ถูกเชิดให้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แทนจักรพรรดิองค์ก่อน แล้วพระนางซูสีฯ ก็ว่าราชการหลังม่านไม้ไผ่ที่น่าสะพรึงกลัว ทุกอย่างอยู่ภายใต้พระราชอำนาจของพระนางซูสีไทเฮาแบบเบ็ดเสร็จ แต่ด้วยพระปรีชาสามารถของจักรพรรดิกวางสู พระองค์ได้ทรงบีบบังคับให้ประเทศอังกฤษผู้บุกรุกยินยอมลงนามในหนังสือสัญญาเช่าเกาะฮ่องกง 99 ปี หนังสือสัญญาฉบับนี้ก็เลยช่วยให้อังกฤษคืนเกาะฮ่องกงในวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ.1997 แก่จีน” คุณโจวเล่าต่อ
พระเจ้าปูยี
“ช่วงหนึ่ง จักรพรรดิกวางสูเติบใหญ่และมีความคิดก้าวหน้า ถึงกับกะจะปลดแอกจากพระนางซูสี โดยร่วมกับข้าราชบริพาร ก็เลยถูกจับขังไว้ในตำหนักนี้ จนสิ้นพระชนในที่สุด ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าความโลภเห็นแก่อำนาจเยี่ยงพระนางซูสีไทเฮานี่เอง หลังจากจักรพรรดิกวางสูเสด็จสวรรคตแล้ว พระนางซูสีฯก็ได้สถาปนาจักรพรรดิผู่หยี หรือปูยี ซึ่งประสูติปี
ค.ศ.1906 ขึ้นครองราชย์ปี ค.ศ.1908 อายุแค่ 2 ขวบ พระนางซูสีฯก็เสด็จสวรรคตหลังจักรพรรดิกวางสู 1 วัน ต่อมาในปี ค.ศ. 1911 ราชวงค์ชิงถูกล้มล้างลงไป จักรพรรดิผู่หยีก็เลยกลายเป็นจักรพรรดิองค์สุดท้าย ผู่หยีกลายเป็นสามัญชนและเขียนนิยาย จากจักรพรรดิสู่สามัญชน(The Last bEmperor)” ทุกคนเคยดูหนังเรื่องนี้ พยักหน้าหงึกๆ
“อ้าว แล้วตรงโน้นเป็นตำหนักอะไรครับ” คนหนึ่งถามแล้วชี้มือ
“อ้อ เตอเหอหยวน เป็นโรงละคร 3 ชั้น สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพระชนพรรษาครบ 60 ปี โรงละครหลังนี้มี 3 เวทีเชื่อมต่อกันโดยประตูกลเพื่อให้นักแสดงหายตัวไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ได้ มีถังเก็บน้ำไว้ทำเทคนิคพิเศษในการแสดง ปัจจุบันเป็นที่เก็บเครื่องใช้พระนางซูสีฯ และภาพประวัติศาสตร์ ถัดไปก็ตำหนักเลอโซ่วถัง ซึ่งมีไฟฟ้าใช้เป็นบุคคลแรกในประเทศจีน” ไกด์ท่าทางเหนื่อย
คณะเดินกันแบบระโหยเต็มที พลันก็หลุดพ้นตำหนักต่างๆ เข้าสู่ระเบียงยาวฉางหลิง ซึ่งทอดยาวไปตามริมฝั่งด้านเหนือของทะเลสาป เป็นทางเดินภายใต้หลังคาที่ยาวที่สุดถึง 728 เมตร ประดับภาพเทพนิยาย ตำนาน และนวนิยายหลายเรื่องเช่น ความฝันในหอแดง มุ่งสู่ตะวันตก และมีภาพชีวิตจริงของบุคคลสำคัญ รวมแล้วกว่า 8,000 ภาพ ๆ วาดตามเพดานและจันทันไม้
บางคู่นั่งพักเหนื่อยรับสายลมจากทะเลสาป บางคณะถ่ายรูปกันไม่รู้จักเหนื่อย แต่บางกลุ่มรุมล้อมตู้ไอติมและของว่าง เป็นการพักผ่อนกลางพระราชวังฤดูร้อนที่ยิ่งใหญ่และมีอายุยาวนาน ความสุขฉาบบนใบหน้าของทุกคน และความสุขได้ช่วยให้จิตใจสงบ มีความยินดีและกระชุ่มกระชวย
“ประตูไผโหลว เป็นประตูที่เริ่มต้นขึ้นสู่เขาอายุวัฒนะ หรือเรียกง่ายๆว่า เขาอายุยืนหมื่นปี ระหว่างทางเดินขึ้นเขามีตำหนักไพหยุนเตี้ยนเป็นที่จัดงานฉลองพระชนพรรษาของพระนางซูสีฯ ปัจจุบันนี้เป็นแค่ที่เก็บบอนไซที่พระนางซูสีฯ เคยได้รับการถวายจากบรรดาขุนนาง ทางเดินชันมากขึ้นจนถึงตำหนักส่วนบนสุดบนยอดเขา เรียกว่า ตำหนักฟอเชียงเก๋อ มีความสูง 41 เมตร ทรงแปดเหลี่ยม บางทีก็เรียกว่าเป็นเจดีย์ มีรูปพระโพธิสัตย์สถิตอยู่ด้วย มองจากตรงนี้เห็นทะเลสาปสวยมาก”
เรือหินอ่อน
“โน่นๆ เรือหินอ่อนแน่ๆ เลย เร็วหน่อยจ้ะ มาทางนี้ ขึ้นสะพานไปถ่ายรูปกันหน่อย” ผมชี้ให้ครอบครัวดู แล้วก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปหามุมถ่ายภาพสวยๆ “เรือหินอ่อนนี่สร้างยื่นไปในทะเลสาป เป็นเรือที่พระเจาเฉียนหลงทรงสร้างไว้ก่อนแล้ว พระนางซูสีไทเฮาสร้างเพิ่มเติมจนเสร็จสมบูรณ์ โดยการดึงงบประมาณจากกองทัพมาทำในสิ่งที่ถูกวิพากษ์ว่าเหลวไหล จีนจึงแพ้สงคราม
ในช่วงสมัยหนึ่งจึงมีการประนามพระนางซูสีไทเฮากันมากที่สุด แต่ถึงวันนี้ ไม่แน่ใจว่า ความคิดจะคิดกันอย่างไร เพราะว่าที่มีการนำเที่ยวและทำเงินมากมายก็เป็น พระราชวังซึ่งครั้งหนึ่งพระนางซูสีไทเฮาทรงสร้างไว้ เหมือนสมบัติที่ลูกหลานได้รับการชดใช้กรรมของเธอ”
ผมเล่าตามที่ทราบจากเอกสารที่เคยอ่านความจริงแล้ว พระราชวังฤดูร้อนยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมาแต่เนื่องจากท่องเที่ยวกันมาทั้งวัน แค่นี้ก็เดินกันจนเหนื่อยอ่อนแล้ว ก็เห็นทีจะต้องสิ้นสุดการเดินทางด้วยเท้า แต่ลงเรือกลับไปอีกฝั่งจ้ะ
เรือล่องทะเลสาบคุนหมิง